คว้าข่าวสาร อ่านเทรนด์ยุโรป

ฉบับที่ 3, มีนาคม 2565

 

ส่งข่าวสารถึงคุณโดย CPG

สนับสนุน​โดย KAS

 

เรียน ท่านผู้อ่าน 

Europe Monthly ฉบับนี้นับเป็นฉบับที่สองในท่ามกลางสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในประเทศยูเครน อันนำมาซึ่งคำถามที่เปิดกว้างจำนวนหนึ่งซึ่งคำตอบจะไม่เพียงเกี่ยวข้องกับอนาคตของยุโรปเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับอนาคตของโลกโดยรวมด้วย และก็มาพร้อมกับความเศร้าโศกทั้งมวลแห่งสงครามและการรุกราน ตราบเท่าที่กระบวนการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงไปสู่สิ่งที่เลวร้ายลงกว่านั้นกำลังปรากฏให้เห็น ขณะที่สถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดสำหรับอนาคตอันใกล้นี้กำลังบอกเป็นนัยถึงการขยายขอบเขต (การทำสงคราม) ต่อไปในระดับที่วิกฤตอยู่แล้วแห่งพัฒนาการ

ในบางแง่มุมนั้น ผลของวิกฤตการณ์อาจนำไปสู่ฝ่ายที่ชนะอย่างแน่ชัดและแพ้อย่างชัดเจนในระดับที่อาจเปลี่ยนดุลอำนาจของยุโรปในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนน ับตั้งแต่ปี 1989 ในด้านอื่นๆ ทุกฝ่ายต่างพ่ายแพ้แล้วและโดยมิใช่ไร้เหตุผล ผู้สังเกตการณ์บางคนกำลังพูดถึงการทำลายล้างทางเศรษฐกิจอย่างสมบูรณ์ต่อทั้งสองฝ่าย

การคว่ำบาตรต่อรัสเซียจะส่งผลกระทบไปทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในฝั่งตะวันตก รัสเซียเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่เป็นอันดับสองของโลก เป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่เป็นอันดับสามของโลก เป็นผู้ส่งออกปุ๋ย เมล็ดพืชและอะลูมิเนียมระดับแนวหน้าของโลก เป็นผู้ส่งออกทองแดงรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองและผู้ส่งออกแพลเลเดียมรายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นผู้ส่งออกแพลตตินัม ทองคำ ถ่านหิน เหล็กกล้าและอื่นๆ รายใหญ่ของโลก ด้วยการพึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้และด้วยอุปทานที่ชะงักงันต่อไปในตลาดที่คับแคบ (tight markets - ตลาดทางกายภาพที่อุปทานมีข้อจำกัดเมื่อเผชิญกับความต้องการที่สูง ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์หรือบริการสูง) อยู่เสมอแล้ว การเพิ่มขึ้นของภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบัน การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลง และความไม่แน่นอนที่แพร่กระจายออกไปอันคาดการณ์ไว้นั้น อาจจะส่งผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจโลกได้

อย่างไรก็ตาม รัสเซียจะได้รับผลกระทบอย่างหนักที่สุดจากการคว่ำบาตรเหล่านี้ ซึ่งกำลังสร้างความเสียหายอยู่แล้ว การถอดธนาคารรัสเซียออกจากระบบการโอนเงินโลก (SWIFT) และการแช่แข็งหนี้รัฐบาลนั้นพุ่งเป้าไปที่เงินรูเบิลและหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจรัสเซีย หากประสบความสำเร็จอย่างมากพอแล้ว การคว่ำบาตรเหล่านี้ไม่เพียงแต่รัสเซียอาจจะสูญเสียอำนาจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงระบอบการปกครองของประธานาธิบดีปูตินอีกด้วย

จากมุมมองของปูติน รัสเซียตกอยู่ในสภาวะหลังชนฝาตอนเขาเริ่มบุก (ยูเครน) อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ภัยคุกคามนี้ได้ก่อตัวมาหลายปีแล้วและยังคงคาดว่าน่าจะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัสเซียทีละน้อยในอนาคตเท่านั้น ขณะนี้ เมื่อชาติตะวันตกเข้าสู่ภาวะสงครามในทุกกรณียกเว้นการปฏิบัติการทางทหารโดยตรงเพื่อตอบโต้การโจมตีของรัสเซีย ปูตินและรัสเซียก็กำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากความพ่ายแพ้ในมิติทางประวัติศาสตร์ที่ใกล้จะเกิดขึ้น สำหรับฉากหลังนี้ คำเตือนของปูตินที่ว่า “การตอบสนองของรัสเซียจะเป็นไปในทันทีและนำคุณไปสู่ผลที่ตามมาอย่างที่คุณไม่เคยเผชิญมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์” อาจไม่ถูกมองว่าเป็นการข่มขู่หรือคำหลอกลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาเคลื่อนย้ายกองกำลังนิวเคลียร์ของรัสเซีย และดังนั้นจึงเป็นอาวุธทำลายล้างที่ร้ายแรงที่สุดที่รัสเซียมี นั้นให้เข้าสู่ “โหมดพิเศษแห่งการเตรียมพร้อม (ทำสงคราม)”

นี่เพียงแต่เพิ่มสิ่งเลวร้ายที่สุดเข้าไปในรายการการเพิ่มระดับ (การทำสงคราม) ที่อาจเกิดขึ้นได้เท่านั้น ซึ่งรวมถึงการทำสงครามไฮบริดกับตะวันตกหรือการหยุดชะงักในการจัดหาพลังงานสำหรับยุโรป นอกจากนี้ ในยูเครนนั้น แรงกดดันของรัสเซียที่เพิ่มขึ้นดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้ ในขณะที่รัสเซียจำเป็นต้องทำให้เกิดความมั่นคงถาวรขึ้นอย่างรวดเร็ว จนถึงขณะนี้ รัสเซียต้องหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายด้านมนุษยธรรมที่สูงลิ่วที่เกี่ยวข้องกับทั้งพลเมืองของตนและสาธารณชนนานาชาติ ในขณะที่ปูตินอาจรู้สึกว่าเขาต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่ในตอนนี้ แต่รัสเซียยังคงมีหลายหนทางที่จะยกระดับความพยายามทางทหารของตน อย่างไรก็ตาม รัสเซียใช้กำลังเพียงประมาณหนึ่งในสามของกองกำลังที่รวบรวมไว้ และยังไม่ได้ใช้ตัวเลือกของคลังแสงสรรพาวุธทางทหารอย่างเต็มที่ การพูดถึงอุปสรรคทางทหารที่สำคัญสำหรับการรุกคืบหน้าของรัสเซียนั้นอาจยังเร็วเกินไปเช่นกันหลังจากห้าวันแห่งการรุกราน และเนื่องจากกองกำลังของรัสเซียในตอนแรกดูเหมือนจะไม่ได้พุ่งความสนใจไปที่เมืองหลวง แต่ไปยังการปิดล้อมกองกำลังยูเครนจำนวนมากในสมรภูมิสำคัญด้านตะวันออก หากเป็นเช่นนี้ ตอนนี้รัสเซียก็อาจสนับสนุนให้สร้างความมั่นคงถาวรขึ้นอย่างเต็มที่และรวดเร็วในการช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์ ในทางกลับกัน สิ่งนี้ก็เพียงแต่จะแบ่งแยกรัสเซียออกจากตะวันตกและมีส่วนทำให้เกิดการเพิ่มระดับ (การทำสงคราม) ของทั้งสองฝ่ายต่อไปเท่านั้น

ด้วยมุมมองของสงครามเย็น 2.0 การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของเศรษฐกิจโลก และการเกิดขึ้นของปฏิปักษ์โลกาภิวัตน์ที่กำลังเพิ่มขึ้น คำถามสำคัญนั้นเกี่ยวข้องกับการวางตำแหน่งของตัวแสดงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มิใช่ตะวันตกโดยที่มีจีนเป็นผู้บุกเบิก

สำหรับจีนนั้น ยังคงต้องรอดูกันต่อไปว่าวิกฤตการณ์จะคลี่คลายมากขึ้นเพียงใดตามเส้นรอยเลื่อนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำหนดขึ้นซึ่งแบ่งแยกระหว่างขอบเขตแห ่งอิทธิพลของตะวันตกและอิทธิพลของจีน-รัสเซียที่กำลังโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์อยู่นี้

ทีม EiR จะยังคงเฝ้าสังเกตการณ์และรายงานเกี่ยวกับยูเครนต่อไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่า Europe Monthly ฉบับหน้าจะสามารถรายงานการเปลี่ยนแปลงไปสู่พัฒนาการที่ทวีความรุนแรงน้อยลงโดยที่มนุษย์ไม่ต้องทนทุกข์มากเกินไปในระหว่างนั้น

ด้วยเหตุนี้ ทีม EiR จึงขอให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้และการพัฒนาด้านอื่นๆ ในยุโรปจากการอ่านฉบับนี้ด้วยเช่นกัน!

เฮนนิ่ง กลาเซอร์

บรรณาธิการบริหาร

 

เว็บไซต์: https://www.cpg-online.de, เฟซบุ๊ก: https://www.facebook.com/CPGTU

(transl. by vv)

 

Main Sections

  • สหภาพยุโรป ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและภูมิรัฐศาสตร์

  • กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปตะวันตก

  • กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปกลาง

  • กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้

 

สหภาพยุโรป ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและภูมิรัฐศาสตร์

 
 

สงครามในยุโรป : รัสเซียบุกยูเครน 

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ รัสเซียเริ่มการรุกรานยูเครนในหลายพื้นที่ ซึ่งทำให้ความพยายามทางการทูตในหลายเดือนที่ผ่านมาแตกเป็นเสี่ยง ๆ และมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงระเบียบความมั่นคงโลก โดยการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งทางทหารที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยุโรป นับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 [FT] [Reuters] [Al Jazeera] [AP] ประธานาธิบดีรัสเซีย นายวลาดิมีร์ ปูติน ได้ออกคำสั่งให้มี “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ” ซึ่งเป็นการโจมตีหลายวิธี ทั้งทางอากาศ ทางบก และทางทะเล ทั้งนี้ ปฏิบัติการดังกล่าวทำให้เกิดการทำลายล้างทั่วทั้งยูเครน และการต่อสู้บนถนนหลายสายในกรุงเคียฟ เนื่องจากกองกำลังทหารรัสเซียพยายามโหมโจมตีกรุงเคียฟ [El País] [Euronews] [Reuters]

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ปูตินยอมรับว่า 2 จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ซึ่งเป็นจังหวัดที่แยกตัวออกมานั้น ถือเป็นอิสระจากยูเครน การอ้างความชอบธรรมของปูตินต่อการรุกรานที่ปราศจากการยั่วยุ 3 วันถัดมา คือการปฏิญาณว่าจะทำให้ยูเครน “ปลอดทหาร” และ “ปลอดอิทธิพลของนาซี” ซึ่งต่อมา ปูตินสนับสนุนให้กองกำลังทหารของยูเครนลุกฮือขึ้น และโค่นล้มรัฐบาลยูเครนลง [Politico] [NDTV] [TASS] [The Guardian]ประธานาธิบดียูเครน นายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากสถานที่ลับในกรุงเคียฟ เขากล่าวว่า “ศัตรูหมายหัวผมไว้ เป็นเป้าหมายแรก […] พวกเขาต้องการทำให้ยูเครนได้รับความเสียหายทางการเมือง โดยการสังหารประมุขของรัฐ” [Channel 4] [Kyiv Post] [The Guardian]

พันธมิตรองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต และสหภาพยุโรป ลงโทษรัสเซียด้วยมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งเป็นความพยายามที่จะโจมตีเศรษฐกิจของรัสเซีย ตัดการนำเข้าและส่งออก รวมไปถึงอายัดทรัพย์สินของบุคคลระดับสูงในรัฐบาลรัสเซีย รวมทั้งประธานาธิบดีปูตินด้วย [Politico] [Le Monde] ทั้งนี้ ปูตินออกมาตอบโต้ต่อมาตรการคว่ำบาตรที่ปิดกั้นธนาคารสัญชาติรัสเซียหลายแห่งจากการใช้ระบบการชำระเงิน SWIFT และห้ามเครื่องบินสัญชาติรัสเซี ยบินเหนือน่านฟ้าสหภาพยุโรป โดยการยกอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมาอยู่ในระดับ “การแจ้งเตือนพิเศษ” ซึ่งไปกระตุ้นความหวาดกลัวของนานาชาติเกี่ยวกับสงครามนิวเคลียร์ที่อาจเ กิดขึ้นในเร็ววัน [Euractiv] [Politico] [CBS] ต่อมา ความกังวลเพิ่มสูงขึ้นอีก เมื่อผลการลงคะแนนในเบลารุส เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ส่งผลให้เบลารุสละทิ้งสถานะการเป็น “พื้นที่ปลอดนิวเคลียร์” อย่างเป็นทางการ เสมือนเป็นการเพิ่มพื้นที่ให้เกิดการกระจายอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย [Al Jazeera] [Euronews] [Politico]

นาย Frank Gardner นักข่าวด้านความมั่นคงประจำสำนักข่าวบีบีซี กล่าวว่า “สำหรับปูติน และกลุ่มผู้ใกล้ชิด การนำยูเครนกลับคืนสู่สิ่งที่เขาเห็นว่าเป็นเขตอิทธิพลของรัฐบาลรัสเซีย และพื้นที่โดยรอบของรัสเซียนั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญเหนือกว่าสิ่งอื่นใด” [BBC]อย่างไรก็ดี ภายใน 5 วันแรกของการรุกรานยูเครน มีพลเรือนชาวยูเครนเสียชีวิตแล้วกว่า 350 ราย ซึ่ง 14 ราย เป็นเด็ก [Al Jazeera] พลเมืองยูเครนจำนวนหลายแสนคนที่หนีการรุกรานครั้งนี้ หลั่งไหลผ่านเข้าไปทางด่านเปิดของชายแดนประเทศโปแลนด์ มอลโดวา โรมาเนีย ฮังการี และสโลวาเกีย เหล่าประเทศชายแดนฝั่งตะวันตก ทั้ง 5 ประเทศ กล่าวว่า พวกเขาจะมอบที่หลบภัย อาหาร และการช่วยเหลือทางกฎหมายให้แก่ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนมากขึ้น ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ลี้ภัยอาจจะสูงถึง 4 – 5 ล้านคน [BBC] [Al Jazeera][Reuters] [Polish News] [MoldPress] [Budapest Times] นอกจากนี้ สหภาพยุโรปก็ได้พิจารณาที่จะปลดกลไกที่ยังไม่ได้ใช้ออกมา เพื่อนำมาช่วยเหลือชาวยูเครนในการลี้ภัยออกจากประเทศ [Euronews] [Politico]

คนที่อาศัยอยู่ในกรุงเคียฟและเมืองคาร์คิฟ (Kharkiv) หลบภัยอยู่ใต้ดิน อาทิ หลายครอบครัวเบียดเสียดกันอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดิน ชั้นใต้ดิน และหลุมหลบภัย เพราะไซเรนเตือนภัยทางอากาศ เสียงระเบิด และเสียงยิงปืนด้านบน คือการส่งสัญญาณถึงการประชิดเข้าโจมตีเมืองของรัสเซีย [AP] [Metro] [Independent] ทั้งนี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกีประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นเวลา 30 วัน ยกเลิกอายุขั้นต่ำสำหรับการเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ห้ามผู้ชาย อายุ 18 – 60 ปี ทุกคนเดินทางออกนอกประเทศ และเตรียมปืน 18,000 กระบอกไว้สำหรับนักรบอาสา [Ukrinform] [USA Today] [CNN] การเจรจาหยุดยิงที่จัดขึ้นในเบลารุส เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ให้ผลเพียงแค่กำหนดการสำหรับการเจรจาครั้งต่อไปเท่านั้น เนื่องจากขีปนาวุธยังคงโจมตีใส่เมืองต่าง ๆ ของยูเครนอย่างต่อเนื่อง และทหารของยูเครนก็ได้ต่อสู้กับการโจมตีของรัสเซีย [Epoch Times] [CNN]

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน นาย Dmytro Kuleba กล่าวว่า “ครั้งสุดท้ายที่เมืองหลวงของเราเผชิญกับอะไรเช่นนี้ คือในปี ค.ศ. 1941 เมื่อนาซีเยอรมนีเข้าโจมตีเมือง” [euroweeklynews] ผลของการบุกเข้ายูเครนของรัสเซีย ทำให้มีกองกำลังทหารนาโตกว่า 12,000 นาย เข้าประจำการในรัฐสมาชิกฝั่งตะวันออก อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ยืนกรานว่าทหารนาโตจะไม่ข้ามพรมแดนไปยังยูเครนที่ไม่ใช่รัฐสมาชิกนาโต โดยไบเดนกล่าวว่า “กองกำลังของเราไม่ได้ไปยุโรปเพื่อที่จะเข้าไปต่อสู้ในยูเครน แต่เพื่อปกป้องพันธมิตรนาโตของเรา และทำให้พันธมิตรทางฝั่งตะวันออกอุ่นใจขึ้น” [CNN] [New York Times] วันที่ 4 และ 5 ของการรุกรานทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายกลาโหมทั่วทั้งยุโรป

นอกจากนี้ สหภาพยุโรปได้ออกมาเคลื่อนไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยออกมาประกาศว่าจะส่งมาตรการช่วยเหลือทางทหารที่มีมูลค่าสูงถึง 500 ล้านยูโร ให้แก่ยูเครน โดยเป็นเงินนอกงบประมาณสำหรับ “การอำนวยความสะดวกด้านสันติภาพแห่งยุโรป” (European Peace Facility) จำนวน 5 พันล้านยูโร [Politico] ด้านนายกรัฐมนตรีเยอรมัน นายโอลาฟ ชอลซ์ กลับหลักการที่มีมาช้านาน และตกลงที่จะจัดหาอาวุธส่งให้กองกำลังยูเครน การตัดสินใจดังกล่าว ยังช่วยให้เนเธอแลนด์และเอสโตเนียสามารถส่งอาวุธที่ผลิตในเยอรมนีไปยังยูเครนได้ด้วย นายชอลซ์กล่าวว่า “ไม่มีการตอบโต้อื่นที่เป็นไปได้ สำหรับการรุกรานของปูติน” [Deutsche Welle]

ด้านสวิตเซอร์แลนด์ได้หนุนหลังสหภาพยุโรปในการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ทำลายแบบอย่างการเป็นประเทศที่วางตนเป็นกลางแต่ดั้งเดิม และการคว่ำบาตรของสวิสเซอร์แลนด์นี้เอง จะสามารถอายัดทรัพย์สินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียอ่อนแอได้ต่อไป [Washington Post] ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสวิส นายอิกนาซิโอ กัสซิส กล่าวว่า “ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่สิทธิของประเทศหนึ่งถูกละเมิดอย่างมากโดยอีกประเทศหนึ่ง คุณไม่สามารถอยู่เฉย ๆ ได้หรอก การเดินไปตามเกมในมือของผู้รุกรานนั้น ไม่ถือว่าเป็นกลาง” [The Guardian] นักการทูตชั้นนำทั่วโลกถวายสัตย์ปฏิญาณต่อการมีอำนาจอธิปไตยของยูเครน และต่อต้านการตัดสินใจบุกยูเครนของปูติน [The Guardian] [The Japan Times] [Korea Herald] [Bloomberg] [The Diplomat] ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายเอ็มมานูเอล มาครง ซึ่งเป็นผู้นำในความพยายามทำให้การทูตของยุโรปกับรัสเซียเข้ามาเชื่อมกันในช่วงที่ผ่านมา ได้กล่าวว่า “สงครามครั้งนี้จะยาวนาน วิกฤติครั้งนี้จะยาวนาน สงครามครั้งนี้จะยาวนาน และทุกวิกฤติที่มาพร้อมกับมันจะส่งผลยืนยาว” [Gulf News]

(ht/pk, transl. by aa)

 

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผู้นำยุโรปต่างทบทวนนโยบายที่มีต่อรัสเซีย

เยอรมนีให้คำมั่นว่าจะเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันขึ้นไปที่ร้อยละ 2 ของผลผลิตทางเศรษฐกิจ อันเป็นผลมาจากการบุกรุกเข้ายูเครนของรัสเซีย ทำให้ทั่วทั้งยุโรปสั่นสะเทือน ทั้งนี้ ผู้นำทางการเมืองของยุโรปต่างคิดทบทวนถึงนโยบายต่างประเทศและสายสัมพันธ์กับรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งเป็นการเน้นให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นในวิธีคิดของยุโรป นายกรัฐมนตรีเยอรมัน นายโอลาฟ ชอลซ์ ได้กล่าวกับสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมพิเศษที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ว่า “เราจะต้องลงทุนด้านความมั่นคงของประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อปกป้องเสรีภาพและประชาธิปไตยของเรา” เขากล่าวเสริมว่า รัฐบาลได้ตัดสินใจที่จะจัดหาเงินจำนวน 1 แสนล้านยูโร จากงบประมาณปี ค.ศ. 2022 สำหรับการลงทุนทางทหาร

ประเทศเยอรมนีต้านแรงกดดันจากสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ในการเพิ่มงบประมาณกลาโหมไปที่ร้อยละ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) มาอย่างยาวนาน เนื่องจากระดับสันตินิยม (pacifism) ที่เข้มข้นในหมู่ประชากร การเพิ่มงบประมาณกลาโหมอย่างมีนัยสำคัญนี้ นับเป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในนโยบายต่างประเทศและนโยบายกลาโหมของเยอรมัน ทั้งนี้ นาย Luis Garicano สมาชิกรัฐสภายุโรปเพื่อการรวมกลุ่มเสรีนิยม Renew Europe ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC ว่านี่ได้ “เปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง” เกี่ยวกับการกำหนดนโยบายในอนาคตของสหภาพยุโรป [CNBC] ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นาง Annalena Baerbock ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ว่า “โลกของเราแตกต่างไปจากเดิม หลังจากสงครามการรุกรานของปูติน แม้ว่าเราจะถูกทำให้ตะลึงกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศนี้ แต่เราไม่ได้ไร้กำลัง” [BBC] 

(gc/pk, transl. by aa)

 

ประเทศสหภาพยุโรปที่เป็นเพื่อนบ้านยูเครนต่างตบเท้าช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวยูเครน 

ประเทศสหภาพยุโรปที่เป็นเพื่อนบ้านยูเครนพร้อมใจกันรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนที่หนีจากการรุกรานของรัสเซีย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความเต็มใจที่จะแบ่งปันความรับผิดชอบร่วมกัน ที่ไม่ได้เห็นในช่วงคลื่นอพยพหลายต่อหลายครั้งจากนอกภูมิภาคยุโรป สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations Refugee Agency) กล่าวว่าประชาชนชาวยูเครนกว่า 4 ล้านคน สามารถหนีออกจากยูเครนได้ โดยมีจำนวนกว่า 500,000 คน ได้หนีออกมาแล้ว [Reuters] ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ โปแลนด์ได้ออกมาประกาศว่า กำลังเปิดศูนย์รับผู้อพยพ 8 แห่ง ตามแนวชายแดนยูเครน โดยจะส่งมอบอาหารและการให้บริการทางการแพทย์ “ตลอดจนสถานที่พักผ่อน และรับข้อมูลข่าวสาร” [The Guardian][Al Jazeera] [Politico][Euractiv][Rp.pl] 

นอกจากนี้ ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นายกรัฐมนตรีแห่งฮังการี นาย Viktor Orbanได้กล่าวว่า ประเทศของเขา “เตรียมพร้อมที่จะดูแล” ผู้ลี้ภัยที่หนีออกมาจากยูเครน และ “สามารถที่จะรับมือกับความท้าทายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” [Euractiv][Reuters][AP] ด้านสโลวาเกียกล่าวว่า พรมแดนที่ติดกับยูเครนจะยังคงเปิดไว้ เช่นเดียวกับมอลโดวา ซึ่งไม่ใช่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป สโลวาเกียระบุว่าอาจเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มอีก 2 แห่ง และจะรับผู้ลี้ภัยที่ไม่มีหนังสือเดินทาง “หลังจากการประเมินโดยการควบคุมการผ่านแดนแล้ว” [Euractiv][Business Insider] ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นอีกหลายประเทศต่างก็แสดงความเต็มใจที่จะช่วยเหลือ อาทิ ลิทัวเนีย บัลแกเรีย ออสเตรีย และสาธารณรัฐเช็กได้ออกมาประกาศว่า พวกเขาเตรียมพร้อมต้อนรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครน ขณะที่เยอรมนีกล่าวว่า “จะให้การสนับสนุนมหาศาลต่อรัฐต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การเคลื่อนย้ายผู้ลี้ภัยขนาดใหญ่นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โปแลนด์ ประเทศเพื่อนบ้านของเรา” [The Guardian]ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่มีต่อผู้ลี้ภัยชาวยูเครนที่แสดงให้เห็นนี้ ตรงกันข้ามกับนโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพทั่วไปที่เข้มงวดของประเทศหลายประเทศเหล่านี้ [The Guardian]

อย่างไรก็ดี เครือข่าย Grupa Granica ซึ่งเป็นเครือข่ายเอ็นจีโอ (NGOs) สัญชาติโปแลนด์ ได้กล่าวหารัฐบาลโปแลนด์ว่า ได้ใช้ “ความสองมาตรฐาน” ที่เหยียดเชื้อชาติ แม้ว่าโปแลนด์จะเปิดพรมแดนเพื่อตอบสนองต่อการอพยพของชาวยูเครน แต่กลับตอบสนองต่อวิกฤติผู้อพยพอีกวิกฤติหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ โดยการสร้างกำแพงขนานไปกับชายแดนเบลารุส เพื่อหยุดการทะลักเข้ามาของผู้อพยพที่โดยส่วนใหญ่มาจากตะวันออกกลาง [EiR Monthly January 2022] ผู้สังเกตการณ์บางคนกล่าวว่า วิธีการที่ตรงกันข้ามกันเหล่านี้ เป็นการส่งข้อความว่าชาวยูเครนต้องถูกปกป้อง ขณะที่ผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่ลี้ภัยจากนอกยุโรป ต้องถูกกีดขวางและกีดกันออกไปในที่สุด [The Guardian][InfoMigrants] หลายประเทศ อาทิ โปแลนด์ มีชุมชนชาวยูเครนขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสัดส่วนขนาดใหญ่ที่หนีออกมาจากยูเครนหลังจากเหตุการณ์การผนวกไครเมียของรัสเซียในปี ค.ศ. 2014 ประเทศอื่น ๆ อาทิ ออสเตรีย ซึ่งมีสัมพันธ์เพียงเล็กน้อยกับยูเครน ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นด้วยว่าเต็มใจที่จะเปลี่ยนจุดยืนที่เข้มงวดโดยทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องผู้อพยพ [The Guardian]

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของประเทศสหภาพยุโรปกำลังพิจารณาที่จะนำคำสั่งการคุ้มกันชั่วคราว (Temporary Protection Directive) ของสหภาพยุโรปกลับมาใช้ ซึ่งยังไม่เคยนำมาบังคับใช้มาก่อน คำสั่งดังกล่าวจะช่วยประสานมาตรฐานการคุ้มกันต่าง ๆ ทั่วยุโรปให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และสามารถนำมาซึ่งการช่วยกระจายผู้พลัดถิ่นไปยังประเทศต่าง ๆ ได้ทั่วทั้งสหภาพยุโรป [European Commission] [Euractiv] แม้ว่าการเคลื่อนย้ายผู้อพยพขนานใหญ่ไปยังยุโรป จะถูกทำให้เชื่อมโยงกับความรู้สึกต่อต้านผู้อพยพและการสนับสนุนฝ่ายขวาจัดที่เพิ่มสูงขึ้น แต่มันก็ทำให้เห็นว่าการอพยพจากยุโรป และภายในยุโรปเอง จะกระทบกับการทำให้การอพยพเป็นการเมืองอย่างไร [CNBC] 

(fvw/pk, transl. by aa)

 

เศรษฐกิจของรัสเซียที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรถึงจุดขาลงที่อันตราย 

มาตรการคว่ำบาตรทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียตกอยู่ในอันตราย ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการโจมตียูเครนของรัสเซีย ด้านผู้ประท้วงต่อต้านสงครามชาวรัสเซียเผชิญกับการปราบปรามอย่างรุนแรงจากตำรวจ ในช่วงหลายวันหลังจากการเข้ารุกรานยูเครน ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และหลายสิบประเทศได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเศรษฐกิจรัสเซีย มาตรการที่รุนแรงที่สุดมาจากสหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา ธนาคารและบริษัทรัสเซียที่ทรงอิทธิพลหลายแห่ง กำลังถูกระงับการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งธนาคารกลางของรัสเซียด้วย ผลคือรัสเซียถูกขัดขวางจากการใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 649 แสนล้านยูโร [The Guardian] [Reuters] ทั้งนี้ เศรษฐกิจรัสเซียได้รับแรงกดดันอย่างหนัก โดยสถาบันการเงินระหว่างประเทศ (Institute of International Finance) ได้รายงานว่า มาตรการของตะวันตกได้แสดงให้เห็นถึง “การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดที่ถูกนำมาใช้กับประเทศหนึ่ง” [Reuters]

ธนาคารกลางรัสเซียต้องดิ้นรนเพื่อรับมือกับค่าเงินรูเบิลที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ โดยได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลักไปที่ร้อยละ 20 ซึ่งค่าเงินรัสเซียอ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ [Reuters] [Sky News] ในขณะเดียวกัน บริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลรายใหญ่ก็ได้ออกจากรัสเซียแล้ว ด้านบริษัทเชลล์ (Shell) ได้ประกาศยุติการร่วมทุนกับบริษัท Gazprom ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัสเซีย หลังจากที่บริษัท BP ได้ขายหุ้นในบริษัท Rosneft แม้ว่าผลกระทบของการคว่ำบาตรจากตะวันตกยากที่จะคาดการณ์ แต่ก็ชัดเจนว่ามีความไม่พอใจของประชาชนชาวรัสเซียทั่วไปจำนวนมากเกี่ยวกับการเข้ารุกรานยูเครนของรัฐบาลรัสเซีย จากรายงานหลายแห่งภายในรัสเซีย กล่าวว่าประชาชนมากถึง 5,000 คน ถูกตำรวจเข้าควบคุมตัว เนื่องจากรัฐบาลพยายามที่จะยับยั้งกระแสการต่อต้านการรุกรานยูเครน ด้านสำนักข่าว Politico Europe รายงานว่า หน่วยงานด้านการควบคุมดูแลการสื่อสารของรัสเซีย Roskomnadzor ได้ข่มขู่สื่อหลายแห่งที่เลือกใช้คำว่า “สงคราม” ในการบรรยายความขัดแย้งในยูเครน [Politico Europe] [Reuters]

(wb/pk, transl. by aa)

 

สวีเดน ฟินแลนด์ส่งอาวุธไปยังยูเครน เนื่องจากการสนับสนุนให้เข้าร่วมนาโตมีเพิ่มสูงขึ้น

สวีเดนและฟินแลนด์ เป็นสองประเทศที่มีหลักการอันยาวนานว่าจะไม่อนุญาตให้มีการส่งอาวุธเข้าไปในพื้นที่ความขัดแย้งที่ความขัดแย้งยังดำเนินอยู่ แต่ทั้งสวีเดนและฟินแลนด์กลับประกาศว่า พวกเขาจะส่งยุทโธปกรณ์ทางทหารไปยังยูเครน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายอย่างมีนัยสำคัญนี้ ถูกจุดประกายจากการรุกรานเข้ายูเครนของรัสเซีย ในขณะเดียวกัน การสนับสนุนให้ทั้งสองประเทศเข้าร่วมนาโตก็เพิ่มสูงขึ้นในหมู่ประชาชนชาวสวีเดนและฟินแลนด์ด้วย ทั้งนี้ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ สวีเดนได้ประกาศความตั้งใจที่จะส่งยุทโธปกรณ์ทางทหาร รวมทั้งเครื่องยิงต้านรถถังไปยังยูเครน [Reuters] เมื่อนายกรัฐมนตรีสวีเดน นาง Magdalena Andersson ถูกถามว่าทำไมประเทศของเธอถึงได้กำลังทำลายหลักการที่ยึดถือเอาไว้อย่างยาวนาน นาง Andersson ได้ตอบนักข่าวว่า “ข้อสรุปของฉันก็คือ การสนับสนุนความสามารถในการป้องกันตนเองจากรัสเซียให้แก่ยูเครน ถือเป็นการรักษาความมั่นคงที่ดีที่สุดของเราในตอนนี้” [The Defence Post] ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของสวีเดนในการส่งอาวุธไปยังประเทศที่มีความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธ ตั้งแต่สหภาพโซเวียตเข้าโจมตีฟินแลนด์ เมื่อปี ค.ศ. 1939

ต่อมา ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ฟินแลนด์ได้ยืนยันว่า กำลังจะให้การสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครนโดยการส่งมอบปืนไรเฟิลจู่โจมจำนวน 2,500 กระบอก กระสุนปืน 150,000 นัด เครื่องยิงจรวด 1,500 กระบอก และชุดอาหารเรชั่น 70,000 ชุด ไปยังพื้นที่ความขัดแย้ง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ นาง Sanna Marin ให้คำจำกัดความว่าเป็น “การตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์” [teleSur] โดยนาย Rihards Kols หัวหน้าคณะกรรมาธิการด้านการต่างประเทศประจำรัฐสภาลัตเวีย ได้กล่าวว่า “นี่คือการเปลี่ยนแปลงทางความคิดอย่างมหาศาล” โดยอ้างถึงฟินแลนด์และสวีเดน [Financial Times] ในขณะเดียวกัน ผลสำรวจความคิดเห็นใหม่ที่จัดทำโดย Yle ช่องโทรทัศน์สาธารณะของฟินแลนด์ แสดงให้เห็นว่า ร้อยละ 53 ของชาวฟินแลนด์สนับสนุนให้ฟินแลนด์เข้าร่วมกับนาโต ซึ่งครั้งที่แล้วที่ Yle จัดทำผลสำรวจแบบเดียวกันนี้ในปี ค.ศ. 2017 มีเพียงร้อยละ 19 เท่านั้น ที่ต้องการให้ฟินแลนด์เข้าร่วมนาโต และร้อยละ 53 ที่ไม่ต้องการ [Financial Times] ข้อริเริ่มของประชาชนที่เรียกร้องให้มีการจัดทำประชามติสำหรับการเข้าเป็นสมาชิกของนาโต สามารถรวบรวมรายชื่อ 50,000 รายชื่อที่จำเป็น เพื่อหนุนข้อริเริ่มดังกล่าวได้ภายใน 4 วัน ตามกฎหมายฟินแลนด์แล้ว ข้อริเริ่มนี้ต้องเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภาได้เลยทันที แต่รัฐสภาปัจจุบันจะหาเวลาในการหารือได้หรือไม่นั้น ยังคงต้องรอดูกันต่อไป [Politico]

การสนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกนาโตในสวีเดนก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยบริษัท Demoskops ช่วงวันที่ 17 – 20 มกราคม พบว่า ประชาชนชาวสวีเดนร้อยละ 42 เชื่อว่าประเทศของพวกเขาควรจะเข้าร่วมนาโต ขณะที่ร้อยละ 37 ไม่ต้องการให้เข้าร่วม และร้อยละ 21 ยังไม่มีคำตอบ [Aftonbladet] หากเทียบกับครั้งล่าสุดที่ทำการสำรวจในเดือนมกราคม 2021 นั้น จำนวนผู้ที่สนับสนุนให้สวีเดนเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต เพิ่มสูงขึ้นที่ร้อยละ 4 [EiR February 2022]

(mh/pk, transl. by aa)

 

สหภาพยุโรปหาผู้ให้บริการก๊าซรายใหม่ท่ามกลางวิกฤติยูเครน

ขณะที่สหภาพยุโรปหาผู้ให้บริการก๊าซรายใหม่อยู่ นาง Ursula Von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ยืนยันว่าแหล่งจ่ายก๊าซของสหภาพยุโรป ยังคงอยู่ใน “ด้านที่ปลอดภัย” สำหรับฤดูหนาว แม้ว่ารัสเซียจะขัดขวางการส่งมอบก๊าซท่ามกลางวิกฤติยูเครนก็ตาม สำหรับเยอรมนีที่โต้แย้งมาอย่างยาวนานว่าความต้องการพลังงานของประเทศตนแยกออกจากผลประโยชน์ทางการเมืองนั้น อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเยอรมัน นายโอลาฟ ชอลซ์ ได้กลับลำและประกาศเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ว่า รัฐบาลเยอรมันจะยุติกระบวนการการขอรับรองให้ท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 2 การเคลื่อนไหวดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่รัสเซียรับรองพื้นที่แบ่งแ ยกดินแดน 2 แห่งทางยูเครนตะวันออก [Reuters] [Time] ท่อส่งก๊าซที่เชื่อมเยอรมนีกับรัสเซียผ่านทะเลบอลติก ถูกวิจารณ์โดยอเมริกา โปแลนด์ และรัฐบอลติกต่าง ๆ มาโดยตลอด เนื่องจากทำให้สหภาพยุโรปต้องพึ่งพิงพลังงานจากรัสเซีย และทำให้ยูเครนโดดเดี่ยว โดยทำให้ยูเครนเสียค่าธรรมเนียมการขนส่ง [The Guardian] [Reuters] 

ด้าน Marcel Dirsus จากสถาบันนโยบายด้านความมั่นคงของมหาวิทยาลัย Kiel(Kiel University's Institute for Security Policy) ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า การตัดสินใจของเยอรมนีในครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านการต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ และมี “ผลกระทบมหาศาลต่อความมั่นคงทางพลังงาน และจุดยืนที่กว้างขึ้นของรัฐบาลเยอรมันที่มีต่อรัสเซีย” เขากล่าวเสริมว่า “นี่ได้แสดงให้เห็นว่าจริง ๆ แล้ว เยอรมนีจริงจังกับการบังคับรัสเซียให้ต้องจ่ายต้นทุนราคาแพง” [Reuters] นอกจากนี้ ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นายชอลซ์ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของเยอรมนีในการกระจายแหล่งพลังงานออกจากรัสเซีย โดยการประกาศก่อสร้างพื้นที่บรรจุก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และการเพิ่มปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองของเยอรมนี[Reuters] อย่างไรก็ดี นักวิจารณ์กล่าวหารัฐบาลเยอรมันเสมอว่าเลือกผลประโยชน์ทางธุรกิจมาก่อนหลักการ และใช้ไม้อ่อนกับรัฐบาลรัสเซีย

เยอรมันอายัด  Nord Stream 2 หลังจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปประกาศเมื่อวันที่ 7กุมภาพันธ์ว่า จะให้ความร่วมมือในการครอบครองแก๊สให้ทันก่อนที่การแจกจ่ายแก๊สจะหยุดชะงัก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา Antony Blinken เตือนว่า ”ปัญหาเรื่องอุปทาน” อาจเป็นผลมาจาก “ความรุนแรงของรัสเซียต่อยูเครน” “ [Reuters]

รัสเซียเป็นผู้ส่งออกแก๊สธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และนับเป็นร้อยละสี่สิบของแก๊สทั้งหมด [Reuters] [Eurostat] ปริมาณแก๊สสำรองของสหภาพยุโรปต่ำอยู่ที่ประมาณหนึ่งในสามของปริมาณสำรองทั้งหมดในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ [AGSI] รัฐบาล เยอรมันอธิบายว่าปริมาณสำรองของตนที่อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันนั้นเป็นที่ “น่ากังวล” [Euronews].  

ปริมาณการนำเข้าจากรัสเซียน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับความต้องการมีปริมาณสูงสืบเนื่องจากโควิด ทำให้ราคาของพลังงานสูงขึ้นมาก ราคาสูงกว่าราคาในเดือนมกราคมของปีที่แล้วกว่าสี่เท่า [Euronews] [Euractiv]  

ประธานาธิบดีของรัสเซีย Vladimir Putin กล่าวเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ว่า ประเทศของเขา “มีเป้าหมายที่จะดำเนินการไม่ให้ปริมาณแก๊สในตลาดโลกได้รับผลกระทบ รวมถึงแก๊สธรรมชาติเหลว” ในคำกล่าวที่เขียนไว้ที่การประชุมก๊สที่กาตาร์  [Reuters]

สหภาพยุโรปนำเข้าแก๊สธรรมชาติเหลวเป็นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์กว่า 11 พันล้านลูกบาศก์เมตรในเดือนมกราคม ซึ่งร้อยละ  46  ส่งไปให้สหรัฐอเมริกา ทำให้สหภาพยุโรปเป็นที่นำเข้าหลักสำหรับ LNG ของอเมริกา [Euronews] 

สำหรับนอร์เวย์ ผู้ผลิตใหญ่อันดับสอง ได้ส่งออกแก๊สธรรมชาติเต็มกำลัง [Reuters] สหรัฐอเมริกาได้ขอให้กาตาร์ ประเทศที่ผลิต LNG ลำดับต้น ๆ ของโลกและญี่ปุ่น ส่งออก [Reuters] LNG ให้ยุโรป for Europe. สหภาพยุโรปได้ดำเนินการเจรจากับอียิปต์ อาเซอไบจัน ไนจีเรียและเกาหลีติให้เพิ่มปริมาณการส่งออก ไม่ว่าจะทางการแลกสัญญาหรือการเพิ่มปริมาณการจัดส่ง [Euractiv]  

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของกาตาร์ ประกาศเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ว่า ไม่สามารถส่งออกแก๊สฝ่ายเดียวตามที่สหภาพยุโรปต้องการ ในกรณีที่เกิดการขาดแคลน โดยที่ไม่กระทบต่อสัญญาการส่งออกแก๊สที่มีอยู่กับส่วนอื่นในโลก  [Reuters] ในขณะที่ญี่ปุ่น ประเทศนำเข้า LNG หลัก ได้ตกลงที่จะเปลี่ยนการจัดส่งไปยังยุโรป [Euractiv]  

ในสุนทรพจน์ที่ประกาษกับรัฐสภาแห่งสหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 16, กุมภาพันธ์  ประธานคณะกรรมาธิการแห่งยุโรป  Ursula Von der Leyen กล่าวว่า ปริมาณแก๊สของสหภาพยุโรป “อยู่ในปริมาณที่ปลอดภัย” สำหรับฤดูหนาว แม้ว่า รัสเซียจะ “ทำให้ปริมาณซัพพลายของแก๊สมายังสหภาพยุโรปเกิดการชะงักบางส่วนหรือทั้งหมด” 

ประธานคณะกรรมาธิการฯ เน้นเรื่องความจำเป็นสำหรับอียูในการมีแหล่งพลังงานหลาย ๆ แหล่ง เพื่อ “กำจัดการพึ่งพาแก๊สจากรัสเซีย และต้องลงทันอย่างมากในแหล่งพลังงานทดแทน” [Euronews]  

ในขณะเดียวกัน Putin เปิดเผยข้อตกลงเรื่องแก๊สใหม่ซึ่งประเทศจีนจะได้รับแก๊สจำนวนสิบพันล้านลูกบาศก์เมตร ทุกปีเป็นระยะเวลา สามสิบปี ในการลงนามความร่วมมือทางพลังงานระหว่าง ชิโน - รัสเซีย ล่าสุดและการเปลี่ยนตลาดส่งออกจากยุโรปมายังเอเชีย [NDTV] [South China Morning Post] [Euractiv]  

ผู้นำของรัสเซียพบกับประธานาธิบดีของจีน Xi Jinping เมื่อวันที่  4 กุมภาพันธ์ ณ กรุงปักกิ่ง โดยทั้งสองประเทศมองเรื่องการกระชับสัมพันธ์และการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทางตะวันตก ปูตินกล่าวว่า ความสัมพันธ์ชิโน -รัสเซีย “มีความใกล้ชิดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนอย่างแท้จริง” และ “เป็นตัวอย่างของความสัมพันธ์ที่สง่างาม”  

การพบปะกันเป็นการพบปะตัวต่อตัวของ Xi ครั้งแรกกับผู้นำของโลกในระยะสองปี และเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ณ กรุงปักกิ่ง ซึ่งสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลตะวันตกคว่ำบาตรทางการทูตเนื่องจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศจีน   [France 24/AFP]  

(qv/pk, transl. by aa, nl)  

 

อังการาหยุดเรือรบไม่ให้ผ่านช่องแคบ Bosphorus, Dardanelles 

ตุรกีประกาศเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ว่า ได้ทำการบล็อกเรือรบจากช่องแคบ Bosphorus และ Dardanelles ภายใต้อนุสัญญาที่ให้การควบคุมเหนือการผ่านของเรือทหารในพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำของอังการาต่อการบุกรุกยูเครนโดยรัสเซีย [MSN]

“เราได้ทำการเตือนประเทศทั้งสองในภูมิภาคและที่อื่น ว่าไม่ให้นำเรือรบผ่านทะเลดำ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า  “เราดำเนินการตามอนุสัญญา Montreux” 

ในอนุสัญญา  Montreux ปี 1936 ที่กำกับการเคลื่อนที่ของเรือพาณิชย์ในช่วงเวลาที่สงบไม่มีสงครามผ่านทางช่องแคบ Bosphorus และ Dardanelles. [MSN]

อนุสัญญากำหนดให้ ตุรกี สมาชินาโต้ มีสิทธิบล็อกการผ่านเข้าออกของเรือทหารในช่องแคบ ซึ่งเชื่อม Aegean, Marmara และ ทะเลดำ  ในช่วงเวลาเกิดศึกสงครามหากรู้สึกว่าถูกข่มขู่  ข้อตกลงดังกล่าวลงนามโดยตุรกีเมื่อปี 1936 กับบัลเกเรีย ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย กรีซ ญี่ปุ่น โรมาเนีย และอดีตสหภาพโซเวียต – ประกอบด้วยบทหลักห้าบท มี  29 ข้อบท และภาคผนวกสี่ภาคผนวก [Al Monitor]

การตัดสินของรัฐบาลตุรกีเป็นไปได้ที่จะหมายความว่า เรือของรัสเซียสองลำกำลังเดินเรืออยู่ในเมดิเตอร์เรเนียน ไม่สามารถเข้าไปยังทะเลดำได้ เรือทั้งสองกำลังเดินเรืออยู่และรอบๆ ทะเล Aegean กับ RTS Marshal Ustinov (055) ทางใต้ของอิตาลีและ  RFS Varyag (011) ห่างจากชายฝั่งของซีเรีย ใกล้กับฐานทัพเรือของรัสเซีย Tartus USNI News reported. [USNI]

“เราตัดสินที่จะใช้อนุสัญญา Montreux เพื่อป้องกันการขยายตัวของวิกฤต” ประธานาธิบดีของตุรกี Recep Tayyip Erdogan กล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี [MSN]

การตอบโต้ของตุรกีในเบื้องต้นต่อการบุกรุกยูเครนของรัสเซียนั้นอยู่บนพื้นฐานว่าการตัดสินใจของรัสเซียและจุดยืนนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไ ม่ได้ ในบทสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีของยูเครน Volodymyr Zelensky Erdogan  กล่าวว่า “จุดยืนของตุรกีคือจะต่อต้านการตัดสินใด ๆ ที่มุ่งเป้าไปที่อำนาจอธิปไตยของยูเครน” และส่งข้อความสนับสนุนไปยังเคียฟ  [Al Monitor]

ทุกพรรคในรัฐสภาของตุรกีเห็นด้วยอย่างเป็นทางการว่าการดำเนินการทางทหารของรัสเซียต่อยูเครน นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และการเป็นหนึ่งเดียวของอาณาเขตของยูเครนควรทำให้เกิดความมั่นใจ ตุรกีเป็นหนึ่งในหกประเทศแนวรบด้านหน้ากับรัสเซียและมีผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์สงครามที่ตกอยู่ในความเสี่ยง [Atlantic Council]

ยูเครนได้ขอให้ประเทศสมาชิกนาโต้ ตุรกี ปิดช่องแคบ Bosphorus และ Dardanelles ไม่ให้เรือของรัสเซียผ่าน [Reuters] “เราได้ร้องขออย่างเป็นทางการไปยังตุรกีทั้งการปิดน่านฟ้าและช่องแคบ สำหรับเรือของรัสเซีย” ทูตยูเครนประจำอังการาได้กล่าวไว้ ทูตยังได้ขอให้ตุรกีดำเนินการลงโทษรัสเซียและอายัดทรัพย์สินของนักธุรกิจชาวรัสเซีย  [Al Monitor]

(gc/pk, transl. by nl)

 

ปักกิ่งไม่เต็มใจที่จะประณามรัสเซียในการบุกยูเครน จีนทำการกระชับมิตร  

ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของมอสโกกับปักกิ่ง การบุกรุกยูเครนของรัสเซียทำให้เห็นว่าประเทศจีนจำกัดการตอบโต้ และยืนอยู่ข้างประเทศที่ต่อต้านตะวันตก  [Reuters]

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนแนะนำว่า ปประเทศตะวันตกต้องเป็นผู้รับผิดชอบหลักของการบุกรุกยูเครนเพราะ ทำให้มอสโกจนมุมโดยการขยายการมีอยู่ของนาโต้ในภูมิภาคซึ่งเคยเป็นที่ควบคุมของรัสเซีย. [CFR]

ก่อนจะมีการบุกยูเครน ประธานาธิบดีของรัสเซีย Vladimir Putin พบกับ Xi Jinping ในเมืองหลวงของจีนเมื่อวันที่  4 กุมภาพันธ์ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนการเริ่มการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว และเป็นการเจอกันครั้งแรกต่อหน้าของ Xi กับผู้นำโลกในกว่าสองปี [BBC News]

ในการแถลงการณ์ร่วม ประเทศทั้งสองกล่าวว่า ความสัมพันธ์ “ไม่มีข้อจำกัด” จียให้การสนับสนุนรัสเซียในการหยุดการขยายของนาติ และสนับสนุนความต้องการของมอสโก สำหรับการต้องการการันตีในความมั่นคงจากตะวันตก ในขณะเดียวกัน มอสโกก็สนับสนุนจีน ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และคัดค้านต่อการเป็นอิสระของเกาะไต้หวัน [Reuters]

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ วันที่ รัสเซียบุกยูเครน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน Wang Yi คุยกับรัฐมนตรีของรัสเซีย Sergey Lavrov และพูดว่า เขา “เข้าในความกังวลที่มีเหตุผลของรัสเซียเรื่องความมั่นคง” รายงานโดยสื่อของจีน

สำนักข่าวของรัฐบาลของรัสเซียกล่าวว่า สองคน “ได้แสดงถึงความเห็นร่วมกันว่าวิกฤตปัจจุบันเกิดขึ้นเพราะการปฏิเสธของเคียฟ การได้รับการสนับสนุนจากอเมริกาและพวกพ้อง และการดำเนินการมาตรการ Minsk ” Politico

มอสโกและปักกิ่งมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากขึ้นในหลายๆ ปีทีผ่านมา จีนให้การสนับสนุนมอสโกในความขัดแย้งซีเรีย ในขณะที่สองประเทศจัดการฝึกทางทหารอย่างยิ่งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งได้ทำการทดสอบการทำงานร่วมกันของอาวุธ และเมื่อเกิดความไม่สงบในคาซักสถานเมื่อเดือนมกราคม  Xi Jinping กล่าวสนับสนุนการกล่าวอ้างของมอสโกว่าการประท้วงเป็นส่วนหนึ่งของ “colour revolution” ที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตก [The Hill] [EiR Monthly February 2022]

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญบางท่านกล่าวว่า การบุกยูเครนของรัสเซียทำให้จีนรู้สึกอึดอัดเพราะการเคารพความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของอาณาเขตเป็นหลักการของนโยบายต่างประเทศของจีน [CFR]

ในขณะเดียวกัน ผู้มีอำนาจตัดสินใจในมอสโก เข้าใจว่าหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากจีน รัสเซียจะไม่สามารถสู้กับตะวันตกได้ Artyom Lukin professor ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  ที่ Far Eastern and Federal University in Vladivostok กล่าวกับ  BBC.

หลังจากการพบปันของ ปูตินและซี ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ มีผู้สังเกตการณ์แสดงความกังวลว่าเห็นการข่มขู่ของชิโน- รัสเซียที่พยายามจะกำหนดให้วิสัยทัศน์ของเผด็จการในระเบียบโลก “ปูตินและซี มีความสนใจที่เป็นยุทธศาสตร์ร่วมกันที่สำคัญคือ การทำให้โลกที่สร้างจากกฎระเบียบของประชาธิปไตยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาพังทลายลง”  วิจารณ์โดย Czech daily Hospodářské noviny นักประวัติศาสตร์ Marius Oprea เขียนใน  Mediafax news service: “รัสเซียและจีนต้องการพิชิตโลกด้วยกัน”[Eurotopics]

อย่างไรก็ดี ใน a Foreign Policy ซึ่งพาดหัวว่า “อย่าสนใจการเผยแพร่การจริงของ ซี - ปูติน” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีนกล่าวเตือนการตีความเกินจริง ว่าปูตินประสบความสำเร็จมากในซัมมิทที่ปักกิ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับฝั่งตะวันตก Singleton กล่าวว่า - ความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับจีน “มักดูเป็นการดำเนินทางธุรกรรมและฉวยโอกาส - ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด” ในปักกิ่ง  

ในขณะที่ La Repubblica daily ของอิตาลี กล่าวว่า จีนมีจุดยืนเป็นครั้งแรกเรื่องความสัมพันธ์ของแอตแลนติกและต้องการให้ยุติมาตรการสนับสนุนประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และการสนับสนุนความเป็นอิสรภาพ ของยูเครน จอเจียและคาซัคสถาน  Xi Jinping พูดถึงยูเครนแต่เค้านึกถึงไต้หวัน”

ในมุมมองของ Europe Monthly:

ทั้งยูเครนและไต้หวันอยู่ภายใต้ความปรารถนาที่ไม่แน่นอนและนโยบายระดับชาติที่ต้องการยึดครองดินแดนที่สูญหาย จีนกําลังจับตามองวิกฤตยูเครนอย่างระมัดระวังเพราะมีแผนจะเคลื่อนไหวเช่นเดียวกันในไต้หวัน

รัสเซียมีความสนใจที่สําคัญในยูเครนซึ่งต่างจากชาติตะวันตก แต่สิ่งที่สําคัญสําหรับฝั่งตะวันตกคือความน่าเชื่อถือที่เกี่ยวข้องกับยูเ ครนซึ่งจะบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือของตะวันตกที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน หากไต้หวันตกอยู่ในมือของจีนสหรัฐฯ จะสูญเสียจุดยืนในเอเชียซึ่งจะเป็นการพัฒนาที่น่าทึ่ง จีนจะได้เรียนรู้จากปฏิกิริยาของตะวันตกในวิกฤตยูเครน

(pk, transl. by nl)

 

ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ออกแถลงการณ์ร่วมเรื่องการบุกรุกยูเครนของรัสเซีย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการประเทศในอาเซียน (ASEAN) เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ แสดงถึงความกังวลในแถลงการณ์ร่วม เรื่องการบุกรุกยูเครน 

ตัวแทนของสมาชิกอาเซียนเรียกร้องให้ใช้วิธีการทางการทูตในการแก้ปัญหาวิกฤต และสนับสนุนให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องกับการแก้ปัญหาที่สงบเป็นไปตามหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศ

ในแถลงการณ์ผู้แทนไม่ได้ประณามหรือสนับสนุนการรุกรานของรัสเซียของประเทศอธิปไตยอื่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงร้อยละต่ำของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ลงนามในร่างมติสหประชาชาติเรียกร้องให้รัสเซียยุติการรุกรานยูเครน มีเพียงสิงคโปร์และติมอร์เลสเตเท่านั้นที่ลงนามจนถึงขณะนี้ [The Diplomat]. 

ในแถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์กล่าวว่า "สิงคโปร์ขอประณามการรุกรานประเทศอธิปไตยภายใต้ข้ออ้างใด ๆ " ย้ำว่า "อํานาจอธิปไตยความเป็นอิสระและความสมบูรณ์ของดินแดนของยูเครนจะต้องได้รับการเคารพ"  

ในขณะเดียวกันผู้แทนประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จํานวนหนึ่งได้แสดงความกังวลร่วมกัน ยกตัวอย่างเช่น ประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้เรียกร้องให้ยุติสงครามในยูเครนทันที และสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศอพยพพลเมืองอินโดนีเซียออกจากภูมิภาค [The Jakarta Post] 

ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้แถลงการณ์อย่างเชื่องว่า เขาเสียใจกับการพัฒนาล่าสุดในยูเครน กัมพูชาและเวียดนามระงับจากความคิดเห็นที่สําคัญใด ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ ฟิลิปปินส์และไทยได้แสดงความกังวลร่วมกันเกี่ยวกับพลเมืองของตนในยูเครน และลาวได้ออกแถลงการณ์ในระดับประเทศเพื่อสนับสนุน "การระงับความขัดแย้งอย่างสันติต่อสถานการณ์ด้วยวิธีการทางการทูต" [Benar News] [The Laotian Times] [Bangkok Post] 

แต่รัฐบาลทหารของพม่าแสดงการสนับสนุนรัสเซียในการรุกรานยูเครนโดยเรียกว่าการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องเพื่อ "รวมอํานาจอธิปไตย (รัสเซีย) และ "แสดงให้โลกเห็นว่ารัสเซียเป็นมหาอํานาจของโลก" ในทางกลับกันรัฐบาลเงาของพม่าประณามการโจมตีอย่างเปิดเผยและเรียกร้องสันติภาพและความเป็นปึกแผ่นระหว่างประเทศกับประชาชนยูเครน [VOA News] 

(bs, transl. by nl)

 

ปูตินของรัสเซียพบกับนายกรัฐมนตรีของปากีสถาน Khan ท่ามกลางการบุกรุกยูเครน 

ประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้ทำการพูดคุยกับนากยกรัฐมนตรีของปากีสถาน Imran Khan ที่เครมลินเมื่อวันที่  24 กุมภาพันธ์ การประชุมที่ ถูกครอบงำจากการบุกรุกยูเครน และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่งอกงามในปีที่ผ่านมาอย่างเงียบๆ

ในขณะที่เจ้าหน้าที่ปากีสถานยืนยันว่าการเดินทางของข่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่กําลังดําเนินอยู ่ผู้เชี่ยวชาญเรียกเวลาของการเยี่ยมชม "ภัยพิบัติทางการทูต" ซึ่งอาจให้ความรู้สึกว่าอิสลามาบัดรับรองพระราชกฤษฎีกาของปูตินทางอ้อมเกี่ยวกับภูมิภาคที่แตกแยกในยูเครนตะวันออกและแม้แต่การรุกรานเอ ง ในขณะที่เจ้าหน้าที่ปากีสถานยืนยันว่าการเดินทางของข่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่กําลังดําเนินอยู ่ผู้เชี่ยวชาญเรียกเวลาของการเยี่ยมชม "ภัยพิบัติทางการทูต" ซึ่งอาจให้ความรู้สึกว่าอิสลามาบัดรับรองปูตินทางอ้อมเกี่ยวกับภูมิภาคที่แตกแยกในยูเครนตะวันออกและแม้แต่การรุกรานเอง[Deutsche Welle]

แต่มีกรณีที่ดีที่จะเชื่อว่าอิสลามาบัดไม่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของรัสเซีย ในระหว่างการเยือนกรุงมอสโกข่านแสดงความ "เสียใจ" ที่ความขัดแย้งทางทหารไม่ได้เบี่ยงเบนไปตามการอ่านของปากีสถาน รัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถาน Shah Mahmood Qureshi ใช้ภาษาที่คล้ายกันในการสนทนาทางโทรศัพท์กับคู่ยูเครนของเขาเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ แต่เหมือนข่านหยุดการวิพากษ์วิจารณ์รัสเซีย [Al Jazeera] [The Express Tribune 2]

การเดินทางไปมอสโกของข่านมุ่งเน้นไปที่ความร่วมมือทวิภาคีเพียงอย่างเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับโครงการท่อส่งก๊าซปากน้ํามูลค่า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐตามการอ่านของปากีสถาน [see AiR No. 4, January/2022, 4]. ผู้นําปากีสถานยังได้พบกับนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศครีชิได้เจรจาสั้นๆ กับเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ชาวรัสเซีย [The Express Tribune 1]

ในการนําการเยือนเครมลินของข่านหัวหน้าทหารที่ทรงพลังของปากีสถานนายพลกามาร์จาเวดบาจวาได้พบปะกับเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปรวมถึงเลขาธิกา รฝ่ายปฏิบัติการภายนอกของยุโรปและประธานคณะกรรมการทหารของสหภาพยุโรปในบรัสเซลส์

อิสลามาบัดซึ่งมีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับสหรัฐอเมริกาได้พยายามใช้ประโยชน์จากพันธมิตรกับจีนเพื่อทํางานร่วมกับรัสเซียอย่างใกล้ช ิดมากขึ้นโดยเฉพาะในอัฟกานิสถานและเอเชียกลาง แต่อิสลามาบัดต้องระวังไม่ให้เข้าใกล้มอสโกมากเกินไปเนื่องจากความสัมพันธ์ทางการค้ากับยุโรปและความปรารถนาที่จะมีบทบาทมากขึ้นในเวทีโ ลก [AiR No. 8, February/2022, 4]

ในขณะที่ปากีสถานมีการเล่นการกระทําที่สมดุล, มันมีความซับซ้อนน้อยกว่าของอินเดียเป็นรัสเซียบุกยูเครนทำให้เดลีมีความลังเลใจ อินเดียยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับรัสเซียซึ่ งเป็นพันธมิตรที่ยืนยาวและแบบดั้งเดิมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดซื้อจัดจ้างด้านกลาโหม ทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงการลงทุนและอาวุธอย่างคล่องแคล่วในระหว่างการเยือนกรุงนิวเดลีของปูตินเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดประ จําปีกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว [see AiR No. 49, December/2021, 1].

ด้วยเหตุนี้และแนวทางดั้งเดิมในการรักษาความเป็น low profile อินเดียได้หลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์การรุกรานของรัสเซียในอดีตรวมถึงการผนวกแหลมไครเมียในปี 2014 

แถลงการณ์สาธารณะของอินเดียเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ปัจจุบันทําให้เจ้าหน้าที่รัสเซียพอใจ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นิวเดลีงดออกเสียงลงคะแนนตามขั้นตอนในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อเรียกร้องให้มีการประชุมฉุกเฉิ นพิเศษของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ก่อนหน้านี้ อินเดียงดออกเสียงลงมติร่างมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พร้อมกับจีนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตนิวเดลีประจําสหประชาชาติปฏิเสธที่จะวิพากษ์วิจารณ์การเคลื่อนไหวของมอสโกอย่างชัดเจน แทนที่จะเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ "ความยับยั้งชั่งใจอย่างสุดความสามารถ" [Reuters]

ขณะเดียวกันในการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์กับปูติน โมดีของอินเดียเรียกร้องให้มีการเจรจาและหยุดยิง [The Straits Times]

อย่างไรก็ตาม การรุกรานของรัสเซียในยูเครนเป็นภัยคุกคามที่สําคัญต่อผลประโยชน์ของอินเดีย ตั้งแต่การขับรัสเซียเข้าสู่อ้อมแขนของจีนไปจนถึงการเบี่ยงเบนความสนใจของสหรัฐฯ จากการต่อต้านอิทธิพลในภูมิภาคของจีนในอินโดแปซิฟิก

ความเห็นของวอชิงตันเกี่ยวกับกรุงนิวเดลีที่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถมองเห็นได้เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ Antony Blinken เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ทวีตว่าเขาได้หารือเกี่ยวกับ "ความสําคัญของการตอบสนองร่วมกันที่แข็งแกร่งต่อการรุกรานของรัสเซีย" ในการสนทนากับ S Jaishankar [The Wire]

(lm/pk, transl. by nl)

 

รัฐบาลจีนและฝรั่งเศสทำข้อตกลงท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหภาพยุโรปและจีน 

ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปและรัฐบาลจีนกำลังมีความตรึงเครียดอยู่นั้น นายเอมมานูเอล มาครง(Emmanuel macron) ประธาธิบดีแห่งฝรั่งเศสได้ทำการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์กับนายสี จิ้นผิง (Xi Jinping) เมื่อวันที่16 กุมภาพันธ์ในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง สองประเทศ โดยได้บรรลุข้อตกลงทวิภาคีถึงหกฉบับในด้านการเกษตรอุตสาหกรรมสีเขีย ว การเงิน การบิน รวมไปถึงตลาดการลงทุนภายนอก

ประธานาธิบดีสีได้เร่งให้ฝรั่งเศสร่วมมือกับจีนเพื่อ “เดินหน้าความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหภาพยุโรปไปสู่การพัฒนารูปแบบใหม่” โดยย้ำว่ าประเทศของเขาพร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลฝรั่งเศสในการยกระดับกฎหมายและข้อกำหนดด้านข้อตกลงในการลงทุนระหว่างสหภาพยุโรปและจีนซึ่งก่ อนหน้านี้ได้พักไว้เนื่องจากจีนถูกกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงโดยสภายุโรป [Xinhua] [South China Morning Post]

จากการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ทั้งสองประเทศได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 1.7 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ภายใต้ “โครงการสาธิต” รอบที่สี่ด้านความร่วม มือในตลาดภายนอก ครอบคลุมไปถึงเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การปกป้องสิ่งแวดล้อม และพลังงานรูปแบบใหม่ ตลาดภายนอกนั้นรวมไปถึงแอฟริกา ยุโรป กลางและยุโรปตะวันออก โดยมีกระบวนการความร่วมมือตั้งแต่การร่วมทุนทางการเงินและการลงทุน ซึ่งโครงการดังกล่าวจีนจะรับผิดชอบในเรื่องการ จัดซื้อทางด้านวิศวกรรมและสัญญาการก่อสร้างในขณะที่ฝรั่งเศสจะรับผิดชอบในเรื่องของการลงทุน 

จีนได้ลงนามในเอกสารความร่วมมือของตลาดภายนอกกับนานาประเทศรวมไปถึง อิตาลี ญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักร แต่ฝรั่งเศสเป็นประเทศแรกที่มีการ จัดทำกลไกความร่วมมือของตลาดภายนอกกับจีน [Global Times] [FF News]

การเจรจาระหว่างผู้นำของจีนและฝรั่งเศสเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปและจีนนั้นกำลังตกอยู่มีความตรึงเครียดสืบเ นื่องมาจากข้อพิพาทในหลายด้านเช่น สิทธิมนุษยชน ฮ่องกงและไต้หวัน รวมไปถึงลิทัวเนีย ซึ่งทางรัฐบาลของสหภาพยุโรปได้มีท่าทีที่แข็งกร้าว อย่างต่อเนื่องกับรัฐบาลจีน (สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ทาง Eurpoe Monthly) โดยรัฐบาลของประเทศต่างๆในยุโรปได้ประกาศคว่ำบาตรทางการทูตในโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่งเมื่อไม่นานมานี้  

(xh/pk, transl. by ph)

 

ออสเตรเลียและสหราชอาณาจักรเสริมความแข็งแกร่งด้านความมั่นคง ความร่วมมือทางการทหารเพื่อต่อกรกับจีน

นายบอริส จอห์สัน (Boris Johnson) นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรและนายสก็อตต์ มอร์ริสัน (Scott Morison) นายกรัฐมนตรีแห่งออสเตรเลีย ได้ประกาศผ่านแถลงการณ์ร่วมกันเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ว่าสหราชอาณาจักรได้ให้การสนับสนุนเป็นจำนวนเงิน  34 ล้านดอลล่าร์สหรัฐเพื่อที่จะ “เสริมสร้างความยืดหยุ่นในด้านไซเบอร์ ภัยคุกคามของรัฐและความมั่นคงทางทะเล” ซึ่งการกระทำดังกล่าวแสดงให ้เห็นถึงความพยายามของประเทศทางตะวันตกที่จะต่อกรกับอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนในพื้นที่อินโดแปซิฟิก 
[Al Jazeera] 

ผู้นำทั้งสองได้กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่าสหราชอาณาจักรและออสเตรเลียรับรู้ถึงความจำเป็นที่ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำเป็นที่ต้ องใช้สิทธิด้านการทะเลในเรื่องของทะเลจีนใต้ โดยไม่ได้กล่าวถึงจีนแต่อย่างใด เขาทั้งสองไม่เห็นด้วยกับ “การกระทำโดยพลการซึ่งก่อให้เกิ ดความตรึงเครียด การทำลายความมั่นคงในพื้นที่และพื้นฐานของกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ รวมไปถึงการรวมกำลังทางทหาร การบังคับและขมขู่”

ทั้งสองได้แสดงความกังวลต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงและความตรึงเครียดบริเวณช่องแคบทางไต้หวัน พวกเขายืนยันถึง  “ความคืบหน้าอย่างชัดเจน” ในเรื่องเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ที่ออสเตรเลียนำมาใช้ผ่านการตกลงกันภายใต้ความร่วมมือ AUKUS เมื่อเดือนกันยาย นที่ผ่านมา [Al Jazeera]

(xh/gc, transl. by ph)

 

สหภาพยุโรปให้คำมั่นในการสนับสนุนแอฟริกาผ่านเงินทุนเพื่อต่อกรกับข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน

สหภาพยุโรปให้คำมั่นที่จะสนับสนุนแอฟริกาเป็นจำนวนเงิน 150 แสนล้านยูโรภายใต้โครงการ Global Gateway ที่เพิ่งถูกสร้างขึ้น เพื่อสนับสนุนในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน การแจกจ่ายวัคซีน และพลังงานสีเขียวในแอฟริกา โดยทั้งฝ่ายสหภาพยุโรป และสหภาพแอฟริกา (African Union) ได้ตกลงเห็นพ้องที่จะ “ขยายความเป็นหุ้นส่วน” ระหว่างการประชุมผู้นำสหภาพยุโรปและสหภาพแอฟริกาที่บรัสเซลส์ [euronews][rfi.fr] หลายฝ่ายต่างเห็นว่าการลงทุนของยุโรปต่อแอฟริกาคือการกระทำเพื่อตอบโต้ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน

Michael Tanchum นักวิจัยด้านนโยบายแอฟริกาแห่งสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของยุโรป (Africa programme of the European Council on Foreign Relations) ได้กล่าวก่อนมีการจัดประชุมระหว่างผู้นำดังกล่าวว่า “การลงทุนของจีนในทวีปแอฟริกามิได้ก่อให้เกิดการเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจตามแบบอย่าง ของจีนในแอฟริกา โดยยุโรปสามารถเติมช่องว่างนี้ได้ผ่านการลงทุนในสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ และเพิ่มมูลค่าการผลิตในแอฟริกาทางตอนใต้ของทะเล ทรายซาฮาร่า” [ecfr.eu] [Euractiv]

นางเออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน (Ursula von der Leyen) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปได้กล่าวปิดการประชุมผู้นำที่เกิดขึ้นเป็นเวลา 2 วันในบรัสเซลส์เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ว่า “ทางเรามีจุดประส งค์ที่จะเพิ่มการเข้าถึงการใช้ไฟฟ้าผ่านการขยายระบบโครงข่ายไฟฟ้า และพัฒนาระบบพลังงานไฮโดรเจน เพิ่มการเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตผ่านการ วางสายเคเบิลใต้น้ำซึ่งเชื่อมจากยุโรปถึงแอฟริกาและระบบเคเบิลบนพื้นทั่วทวีปแอฟริกา” อย่างไรก็ตาม Lidet Tadesse Shiferaw รองผู้อำนวยการศูนย์การพัฒนาและบริหารนโยบายแห่งยุโรป (European Centre for Development Policy Management) ได้กล่าวว่า “การที่ยุโรปเผยถึงโครงการใหญ่เพื่อที่จะดึงดูแอฟริกาอาจทำให้ยุโรปต้องล้มเหลวเสียเอง” [FT]

Macky Sall ประธานาธิบดีแห่งเซเนกัลและประธานคนปัจจุบันของสหภาพแอฟริกากล่าวว่ายุโรปอาจทำให้การผลักดันเพื่อเข้าสู่กระบวนการอุตสาหกรรมของแอฟริ กาล่าช้าลงและ “บั่นทอนความพยายามของเราในด้านการพัฒนาสังคม” ผ่านการส่งเสริมโครงการพลังงานและโครงการต่างๆที่มุ่งเน้นด้านสภาพอากาศ”  เขายังกล่าวเพิ่มอีกว่า “การที่ประเทศของพวกเราแสดงความต้องการเพื่อที่จะได้ความเท่าเทียมและเสมอภาคในการเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงานนั ้นเป็นสิ่งที่ชอบธรรม” [FT]

เหล่าผู้นำแห่งประเทศแถบแอฟริกาได้กล่าวหายุโรปอีกครั้งในเรื่องของการส่งเสริม “วัคซีนอะพาไทด์” ระหว่างการประชุมว่ายุโรปนั้นกักตุนว ัคซีนโควิด-19 และไม่ยอมให้สิทธิบัตรของวัคซีนที่ผลิตในยุโรป [euronews]

ในขณะเดียวกันองค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าประเทศในทวีปแอฟริกา 6 ประเทศรวมไปถึง เคนย่า และแอฟริกาใต้จะได้รับการส่งมอบเทคโนโลยีเพื่อ นำไปใช้ในการผลิตวัคซีนในประเทศตนเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาผู้ผลิตทางยุโรป[euronews] [Bloomberg]  [africanews] [euronews]

การรัฐประหารล่าสุดใน มาลี กีนี ซูดาน และบูร์กินาฟาโซทำให้ประเทศเหล่านี้ไม่สามารถปรากฏตัวในที่ประชุมดังกล่าวได้โดยสหภาพยุโรปได้ย้ ำถึงพัธกรณีต่อหน้าที่ในการสร้างสันติและต่อสู้กับการก่อการร้ายในแอฟริกา โดยการแถลงดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสประกาศ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ว่าจะถอนทัพออกจากมาลีเนื่องด้วยการปกครองระบอบเผด็จการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งเรื่องดังกล่าว มิได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดในที่ประชุมแต่อย่างใด[Brussels Times] [africanews]

เหล่าผู้นำของประเทศในแอฟริกาจบการประชุมสหภาพยุโรปและสหภาพแอฟริกาครั้งที่ 6 ด้วยความแคลงใจ นางเออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน กล่าวในพิธ ีปิดการประชุมว่า “สหภาพยุโรปไม่เคยที่จะมียุทธศาสตร์ในการลงทุนระดับโลกที่ใหญ่เท่านี้มาก่อน และไม่เคยที่จะลงเงินเป็นจำนวนมากเท่านี้ กับแอฟริกา”

แต่ Tian Johnson ผู้เชี่ยวชาญยุทธศาสตร์แห่งพันธมิตรแอฟริกา (African Alliance) กล่าวว่า “ประวัติศาสตร์นั้นทิ้งไว้ให้เห็นถึงสนธิสัญญาต่างๆ คำแถลงจากการประชุมสุดยอด แต่มันจะไม่มีความหมายเลยถ้าเราชาวแอฟริกันยั งคงอยู่ต่อไปกับโรคภัยไข้เจ็บ ความยากจน และความไม่เท่าเทียม” [euronews] [africanews] นางเออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอินยังได้เสนอให้มีการประชุมระหว่างสหภาพยุโรปและสหภาพแอฟริกาอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิเพ ื่อที่จะ “ขับเคลื่อนประเด็นดังกล่าว”

สหภายยุโรปได้เปิดตัวโครงการ Global Gateway เมื่อเดือนธันวาคมซึ่งเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐาน โดยตั้งเป้าจะใช้เงินลงทุนอยู่ที่ 3 แสนล้านยูโรเพื่อที่จะเสริมกำลังสายการผลิตและเ พิ่มขีดความสามารถการค้าทั่วยุโรป แอฟริกาแอฟริกาใต้ และเอเชียภายในปี 2027 [EiR January 2022]

(ht/pk, transl. by ph)

 

สหภาพยุโรปนำเรื่องที่จีนทำการค้าลักษณะ “บีบบังคับ” กับลิทัวเนียขึ้นสู่องค์การการค้าโลก

สหภาพยุโรปและจีนจะมีการเข้าหารือ ณ องค์การการค้าโลก เนื่องจากข้อกล่าวอ้างว่ารัฐบาลจีนใช้เศรษฐกิจขนาดใหญ่ของตนในการลงโทษลิทัวเนีย ต่อเรื่องการแสดงจุดยืนที่เป็นมิตรกับไต้หวัน โดยที่สหภาพยุโรปได้รับการสนับสนุนจากพัธมิตรจำนวนมาก

ในการส่งคดีไปที่องค์การการค้าโลกเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สหภาพยุโรปกล่าวหาว่าการตัดสินใจในเรื่องการจำกัดการนำเข้าสินค้าของลิทัว เนียเป็นการทำการค้าในลักษณะบีบบังคับ[Politico Europe]

ในขณะที่ทางการจีนยังไม่ได้ให้เหตุผลในการวางข้อจำกัดทางการค้าดังกล่าว สหภาพยุโรปเชื่อว่าทางจีนมีจุดประสงค์ที่จะลงโทษในเรื่องการแส ดงจุดยืนที่เห็นชอบต่อไต้หวัน [Deutsche Welle] รัฐบาลลิทัวเนียถูกมองว่ามีการยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันซึ่งปกครองตนเองมานานกว่า 80 ปีแต่ถูกอ้างความเป็นเจ้าของโดยจีน  หลังจากการเปิด“สำนักงานผู้แทนไต้หวัน” ในกรุงวิลนีอัสเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

เพื่อตอบโต้การกระทำดังกล่าว ทางจีนได้ใช้มาตรการทางเศรษฐกิจและลดบทบาททางการทูตในลิทัวเนีย [Politico Europe] [The Guardian] 

สหภาพยุโรปได้รับการสนับสนุนจากสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ซึ่งประเทศเหล่านี้ขอมีส่วนร่วมในคดี ที่ถูกนำขึ้นต่อองค์การการค้าโลก [Reuters] [Euractiv]

(wb/pk, transl. by ph)

 

หน่วยข่าวกรองของเอสโตเนียกล่าวหาจีนว่าทำการล้วงความลับจากประชากรของเขาเพื่อจุดประสงค์ในการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ

หน่วยข่าวกรองด้านการต่างประเทศของเอสโตเนีย (Välisluureamet) ได้กล่าวหาจีนในการเก็บข้อมูลอีเมลประชาชนและผู้อยู่อาศัยเพื่อการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื ่อ โดยกล่าวถึงอีเมลที่ส่งเป็นรายปักษ์จากสถานเอกอัครราชทูตจีน ณ กรุงทาลลินน์ถึงรายบุคคล มีเนื้อหาสื่อถึง “ความพร้อมด้านกำลัง” ของย ุทธวิธีการทูตวัคซีน การกล่าวหาจีนนั้นถูกนำขึ้นในรายงานประจำปี 2022

ความสัมพันธ์โดยรวมระหว่างจีนกับประเทศแถบบอลติกและสหภาพยุโรปแย่ลงเมื่อจีนกลายเป็นประเทศที่ใช้กลยุทธ์ในการบีบบังคับทางการเมืองและเ ศรษฐกิจกับประเทศที่ตั้งคำถามกับนโยบายของเขาอย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องมาจากข้อพิพาทกับลิทัวเนียในเรื่องของความสัมพันธ์กับไต้หวันซึ่ง สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย [Europe Monthly No. 2, February 2022]

หน่วยข่าวกรองฯอ้างว่าจีนใช้วิธีที่เฉพาะเจาะจงในการมุ่งไปที่ผู้วิจารณ์ โดยเห็นได้จากหลักฐานการคว่ำบาตรตัวบุคคลหรือสถาบันต่างๆ รวม ไปถึง สมาชิกสภายุโรป คระกรรมการการเมืองและความมั่นคงแห่งคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปหรือคณะกรรมการย่อยด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสภายุโรป รวมไ ปถึงมาตราการที่รุนแรงที่ต่อรัฐเช่นกรณีของลิทัวเนีย

สถานเอกอัครราชทูตจีน ณ กรุงทาลลินน์ตอบโต้รายงานดังกล่าวโดยการปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยังกล่าวหาทางเอสโตเนียกลับว่ารายงานดังกล่าว  “เต็มไปด้วยสมมติฐานที่มาจากความเอนเอียง กระบวนการคิดแบบสงครามเย็น และอคติ” และยังขาด “พื้นฐานที่อยู่บนความจริงโดยสิ้นเชิง” [ERR News] [South China Morning Post] 

(xh/gc, transl. by ph)

 

รัฐมนตรีมหาดไทยของไซปรัสโทษตุรกีเรื่องให้การสนับสนุนผู้อพยพจากซีเรียและพื้นที่แอฟริกาใต้สะฮารา

รัฐบาลของไซปรัสกล่าวหาตุรกีในเรื่องการสนับสนุนการหลั่งไหลของผู้ลี้ภัยชาวซีเรียและจากพื้นที่แอฟริกาใต้สะฮารามาสู่ประเทศในแถบเกาะเ มดิเตอร์เรเนียน ผ่านการวิพากษ์วิจารณ์ของรัฐมนตรีมหาดไทยซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตรึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองรัฐบาล

Nicos Nouris รัฐมนตรีมหาดไทยได้ให้ข้อมูลกับ AFP เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ว่าการอบยพเข้าสู่ไซปรัสที่ผิดกฎหมายทำให้เกิดภาวะฉุกเฉินในประเทศ โดยประมาณร้อยละ 4.6 ของประชากรในประเทศการเป็นผู้ลี้ภัยหรือผู้ได้รับผลประโยชน์จากการคุ้มกัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นอัตตราที่สูงที่สุดในสหภาพยุโรป [Euractiv][Digital Journal]

รัฐมนตรีฯอนุรักษ์นิยมผู้มาจากพรรค Democratic Rally กล่าวว่าการอพยพเป็น “ปัญหาที่ใหญ่” เพราะมีตุรกีชักใยอยู่เบื้องหลัง ผู้ลี้ภัยจำนวนมากมาด้วยการบินจากกรุงอิสตันบูลสู่ประเทศเกาะเล็กๆซึ่งกระจัดกระจายไปทางเหนือที่ผ่านการรับรองจากรัฐบาลตุรกี โดย “จากนั้นผู้พาลักลอบเข้าประเทศจะพาไปที่ Green Line [Euractiv][Digital Journal]

Nouris กล่าวว่าผู้อพยพที่ผิดกฎหมายประมาณ 60-80 คน ถูกนำทางโดยผู้พาลักลอบเข้าประเทศเพื่อที่จะข้ามเส้น Green Line ซึ่งมีความยาวกว่า 184 กิโลเมตรและลาดตระเวนโดยกองกำลังของสหประชาชาติ ราวร้อยละ 85 ของผู้ลี้ภัยเข้าประเทสด้วยวิธีนี้ รัฐมนตรีฯกล่าวว่า “ตุรกีทำกับเราได้รุนแรงมาก” โดยการสมัครเข้าขอเป็นผู้ลี้ภัยได้เพิ่มขึ้นกว่า 13,000 ฉบับในปีที่ผ่านมาในประเทศที่คนมีจำ นวนเพียง 850,000 คน [Euractiv][Digital Journal]

Nouris ปฏิเสธคำวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มด้านสิทธิและผู้สังเกตการณ์ในเรื่องความเป็นอยู่ที่สกปรกและแออัดในแคมป์ผู้อพยพ และการกระทำที่รุนแรงกับผู้ที่อพยพเข้ามา สืบเนื่องมาจากการปะทะในเดือนกุมภาพันธ์

(gc, transl. by ph)

 

ฝรั่งเศสถอนกำลังทัพต่อต้านกลุ่มญิฮาดในมาลี

ฝรั่งเศสและพันธมิตรทางยุโรปได้กล่าวว่าพวกเขากำลังทำการถอนทัพออกจากประเทศมาลีหลังจากที่ถูกลดทอนความสัมพันธ์กับรัฐบาลเผด็จการที่กำ ลังปกครองประเทศในปัจจุบัน โดยการถอนทัพออกจากการต่อสู้กับกลุ่มญิฮาดที่ยืดเยื้อมายาวนานถึง 10 ปีเป็นการเปิดทางให้มาลีได้รับอิทธิพลของ ทหารรับจ้างรัสเซีย [South China Morning Post] [France 24] [The Times]

นายเอมมานูเอล มาครง (Emmanuel macron) ประธาธิบดีแห่งฝรั่งเศสประกาศการถอนทัพดังกล่าวเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ โดยกล่าวว่า “เราไม่สามารถที่จะให้ความร่วมมือด้านการทหารในข ณะที่เราไม่ได้มียุทธศาสตร์และเป้าประสงค์ที่แอบแฝงร่วมกับรัฐบาลเผด็จการ” [Deutsche Welle] ฝรั่งเศสได้กล่าวหารัฐบาลทหารชั่วคราวของมาลีว่ามีส่วนในความล่าช้าในการจัดการเลือกตั้งตามแบบประชาธิปไตย มีเอี่ยวกับกลุ่มทหารรับจ ้างนามว่า Wagner Group ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลของรัสเซีย และแสดงความพยายามที่จะเจรจากับกลุ่มญิฮาดในพื้นที่ [France 24] [South China Morning Post]

หกเดือนต่อจากนี้กองทัพของฝรั่งเศสจำนวน 2,400 นายจะถูกย้ายไปประจำการที่ประเทศเพื่อนบ้านไนจีเรีย ซึ่งพวกเขาจะดำเนินการสนับสนุนความพยายา มระหว่างประเทศโดยสหประชาชาติและสหภาพยุโรปในการจัดการกับเหล่าผู้ก่อความไม่สงบที่มีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มอัลกออิดะฮ์ในพื้นที่ซาเฮล [africanews] [South China Morning Post]

Macky Sall ประธานาธิบดีแห่งเซเนกัลกล่าวว่า “การต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ซาเฮลไม่ใช่ธุระของประเทศในแถบแอฟริกาเพียงอย่างเดียว” [France 24] ประธานาธิบดีมาครงปฏิเสธว่าการเข้าแทรกแทรงของฝรั่งเศสในมาลี ซึ่งมีการสูญเสียทหารไปถึง 48 คนนั้นเป็นความล้มเหลว [The Telegraph] [France 24]

ในขณะนี้ประเทศมาลีกำลังอยู่ภายใต้การปกครองโดยรัฐบาลทหารซึ่งเข้ายึดอำนาจเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา การรัฐประหารดังกล่าวเกิดขึ้นเป ็นครั้งที่สองในช่วงเวลา 2 ปี นำโดยผู้นำที่แข็งแกรงอย่างอัสซิมี โกอิตา (Assimi Goita) โดยรัฐบาลทหารได้ตัดสินใจเมื่อไม่นานมานี้ว่าจะเลื่อนการให้เลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่ให้สัญญาไว้ออกไปก่อนจนถึงปี 2027 [EiR No. 2, February/2022] [Al Jazeera]

ผู้สังเกตการณ์บางท่านมองการถอนทัพของฝรั่งเศสว่าเป็นสัญญาณที่อิทธิพลของฝรั่งเศสในพื้นที่ซาเฮลกำลังเรื่มเสื่อมลงAbed Charef นักวิจารณ์การเมืองและนักเขียนชาวอัลจีเรียกล่าวว่า “มาลีได้เปลี่ยนไปแล้ว เหตุใดที่ประเทศที่จนที่สุดในโลกซึ่งไม่มีโอกาสในอนาคตที่ ชัดเจนอย่างมาลีจะต้องยอมอยู่ภายใต้อิทธิพลของฝรั่งเศส” [middleasteye] [Al Jazeera] เขายังกล่าวเพิ่มอีกว่าการถอนทัพนั้นอาจเป็นการเปลี่ยนมือให้กับต่างชาติเข้ามาแสวงหาเพื่อสร้างอิทธิพลในพื้นที่ซาเฮลและแอฟริกา “จี นผู้มีส่วนด้านเศรษฐกิจและรัสเซียด้านการทหารจะเข้ามาแทนที่ในด้านโครงสร้างก่อนหน้ารวมไปถึงตุรกีที่กำลังเข้ามามีส่วนในการโยงใย” [middleasteye][DailySabah] [FT]

ประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี (Recep Tayyip Erdoğan) ได้ทำการเยือนแอฟริกากลางและตะวันออกเป็นเวลา 4 วันซึ่งได้จบลงเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ และได้ลงนามในการให้ความช่วยเหลือทางเงินทุนร วมถึงข้อตกลงด้านการทหารระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก [Yenisafak] [rfi.fr]

(ht/pk, transl. by ph)

 

คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มต่อสู้กับ “อธิปไตยด้านเซมิคอนดักเตอร์” ด้วยกฎหมายในเรื่องของชิป

คณะกรรมาธิการยุโรปได้แถลงถึงจุดประสงค์ในการลงทุนมูลค่า 11,000 ล้านยูโรในการวิจัยเรื่องเซมิคอนดักเตอร์และด้านการผลิต หลังจากการขาดแคลน ในระดับโลกสื่อให้เห็นว่าสหภาพฯต้องพึงพาการนำเข้าจากเอเชียตะวันออกมาเพียงใด

เซมิคอนดักเตอร์คือส่วนประกอบหลักของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ซึ่งมีความทันสมัยและมีขนาดที่เล็กเพียง 2 นาโนเมตรอย่างไรก็ตามขบวนการผลิต นั้นมีราคาที่สูงและจำเป็นต้องใช้แร่ที่หายากโดยต้องนำเข้าเท่านั้น [Bloomberg] [Reuters]

ยุโรปมีความล้าหลังในเรื่องของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ จำนวนการผลิตในทวีปยังห่างไกลกับสหรัฐอเมริกา จีน ไต้หวันเกาหลีใต้ และญี่ปุ่นอยู่ มาก ผู้เล่นหลักในตลาดอุตสาหกรรม
เซมิคอนดักเตอร์คือ Taiwan Semiconductor Manufacturing Corporation และบริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้[Reuters] [Guardian] [Financial Times]

ไม่ได้มีแต่เพียงยุโรปเท่านั้นที่ต้องการเสริมกำลังด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ อินเดียได้ลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านดอลล่าร์สหร ัฐในการอุดหนุนด้านอุตสาหกรรมการผลิต
เซมิคอนดักเตอร์ สหรัฐอเมริกาได้ลงทุนจำนวน 52,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในอุตสาหกรรมดังกล่าวเช่นกัน [TIME] [Reuters]

(wb/pk, transl. by ph)

 

สหรัฐอเมริกาบริจาคเฮลิคอปเตอร์ทหารแก่โครเอเชียท่ามกลางการแข่งขันในทางอาวุธระดับเล็กกับเซอร์เบีย 

สหรัฐอเมริกาได้ทำการบริจาคยูเอช-60 แบล็คฮอว์คจำนวนสองลำแก่โครเอเชีย ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 53 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ในขณะที่การแข่งขันในทางอ าวุธระดับเล็กกำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในแถบบาลข่าน แบล็คฮอว์คถูกส่งไปที่สนามบินในกรุงซาเกร็บเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ตัวเฮลิคอปเ ตอร์สามารถทำได้ตั้งแต่ขนส่งกองกำลังไปจนถึงปฏิบัติการพิเศษ [US Embassy in Croatia]

สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในโครเอเชียกล่าวว่าเฮลิคอปเตอร์จะเป็นตัวเพิ่มความสามารถด้านการป้องกันของโครเอเชียและความพร้อมทางการทหารในก ารสนับสนุนองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ซึ่งโครเอเชียเข้าร่วมเมื่อปี2009 และได้ส่งกองกำลังไปช่วยทหารของสหรัฐอเมริกาในอัฟกานิสถาน โ ปแลนด์ และโคโซโว

มาร์ค เฟลมมิง อุปทูตสหรัฐฯ กล่าวว่า “โครเอเชียได้รับชื่อเสียงในฐานะพันธมิตรนาโต้ที่มุ่งมั่นและมีความสามารถ” และกำลังทำงานเพื่อ “ป ระกันความมั่นคงในภูมิภาคและสนับสนุนความแข็งแกร่งของ  นาโต้ในวงกว้างมากขึ้น”  มาริโอ บาโนซิก รัฐมนตรีกลาโหมโครเอเชีย กล่าวขอบคุณรั ฐบาลสหรัฐฯ สำหรับการบริจาคนี้ และกล่าวว่า “ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น เป็นมิตร และเป็นพันธมิตร” ระหว่างทั้งสองประเทศมีความคืบหน้าทุก ปี

โครเอเชียได้กระชับความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ มาโดยตลอด  เมื่อเดือนที่แล้ว โครเอเชียตกลงซื้อรถรบแบรดลีย์ 89 คันจากสหรัฐฯ มีมูลค่า  145 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่หารือกันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560  [EURACTIV]

เซอร์เบีย ซึ่งทำสงครามกับโครเอเชียในทศวรรษ 1990 ได้จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์และยุทโธปกรณ์จากรัสเซียเพิ่มมากขึ้น การขนส่งขีปนาวุธรุ่นคอร์เ น็ตเพื่อต่อต้านรถถัง จากรัสเซียมาถึงเซอร์เบียเมื่อเดือนที่แล้ว และเมื่อเดือนธันวาคม อเล็กซานดาร์ วูลินรัฐมนตรีมหาดไทยของเซอร์เบีย  ประกาศว่าจะซื้อระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศรุ่นปันทีร์ แบบใหม่จากรัสเซีย  [EIR]

ความสัมพันธ์ทางการทูตและความร่วมมือทางทหารระหว่างเซอร์เบียและรัสเซียมีความแน่นแฟ้นอย่างต่อเนื่องในขณะที่มอสโกพยายามรักษาระดับอิท ธิพลทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาค ในอดีตรัสเซียมีผลประโยชน์ทางทหาร เศรษฐกิจ และการเมืองที่มีนัยสำคัญในคาบสมุทรบอลข่าน

(nw/gc, transl. by ph, tj)

 

รัฐสภายุโรปประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนในฟิลิปปินส์

มติรัฐสภายุโรปเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ประณามการวิสามัญฆาตกรรมและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงที่เกิดขึ้นใน“สงครามต่อต้านยาเส พติด” ในฟิลิปปินส์ภายใต้กประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต

รัฐสภายุโรปยังประณามการปราบปรามเสรีภาพของสื่อ เสรีภาพในการแสดงออก และการเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศ และขู่ว่าจะยุติผลประ โยชน์และการเข้าถึงตลาดของฟิลิปปินส์ภายใต้ ระบบสิทธิพิเศษทั่วไปทางภาษี ประเภทบวก ซึ่งให้แรงจูงใจพิเศษแก่ประเทศและไม่มีการเก็บภาษีส ินค้ามากกว่า 6,000 รายการ  [Rappler] 

ในมติดังกล่าว สมาชิกรัฐสภายุโรปได้เรียกร้องให้ทางการฟิลิปปินส์ยุติ "การติดป้ายแดง" บุคคลและองค์กรที่พยายามรายงานข้อกล่าวหาเรื่องก ารวิสามัญฆาตกรรมและการละเมิดสิทธิ ซึ่งเชื่อมโยงพวกเขากับกลุ่มคอมมิวนิสต์ และทำให้พวกเขาได้รับความรุนแรง ถูกคุกคามและล่วงละเมิด

องค์กรภาคประชาสังคมระบุว่า ทางการฟิลิปปินส์ได้สังหารผู้คนไปแล้วจำนวนระหว่าง 12,000 ถึง 30,000 คนในการปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติด ในขณะเดียวกั น รัฐบาลได้ระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 6,200 คนจากการปฏิบัติการของตำรวจ

ประธานาธิบดีดูเตอร์เต “สนับสนุนอย่างชัดเจนให้ตำรวจดำเนินการวิสามัญฆาตกรรม และสัญญาว่าพวกเขาจะไม่ต้องรับโทษ” มติดังกล่าวระบุ นอกจ ากนี้ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกว่า 146 คนและนักข่าวมากกว่า 22 คน ได้ถูกสังหารในช่วงการบริหารประเทศของ ดูเตอร์เต ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559

กระทรวงการต่างประเทศของฟิลิปปินส์ เรียกมติรัฐสภายุโรปว่าเป็น “ความพยายามที่ผิดทาง" ในการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจ ะมีขึ้น  [Manila Bulletin] 

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ รัฐสภายุโรปได้มีมติอีกสองข้อด้วยกัน ฉบับหนึ่งเรียกร้องให้ยุติการลงโทษประหารชีวิตในอิหร่าน และอีกฉบับประณ ามการทำรัฐประหารต่อรัฐบาลบูร์กินา ฟาโซ ที่ได้รับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 24 มกราคม  [European Parliament] 

(bs/pk, transl. by tj) 

 

สหภาพยุโรปออกมาตรการคว่ำบาตรใหม่กรณีละเมิดสิทธิในเมียนมาร์

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ คณะมนตรียุโรปได้ประกาศใช้มาตรการที่กำหนดเป้าหมายกลุ่มคน 22 รายและสถาบัน 4 แห่ง ในการคว่ำบาตรรอบที่ 4 ต่อการล ะเมิดสิทธิมนุษยชนของเมียนมาร์นับตั้งแต่ได้มีการก่อรัฐประหาร เมื่อปีที่แล้ว

มาตรการดังกล่าวรวมถึงการอายัดทรัพย์สิน การปิดกั้นการเข้าถึงเงินทุนและการห้ามเดินทาง ซึ่งกำหนดขึ้นภายหลังที่สหภาพยุโรปได้ออกมาตรก ารต่างๆ ต่อเมียนมาร์ก่อนหน้านี้ กล่าวคือการห้ามขนส่งอาวุธและอุปกรณ์ การห้ามและกำหนดข้อจำกัดการส่งออก และการห้ามการฝึกทหารและความร ่วมมือทางทหารกับรัฐบาลทหารของประเทศ

ในขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนชาวเมียนมาร์ และเรียกร้องให้ยุติควา มรุนแรงทั่วประเทศในทันที

จนถึงขณะนี้ คณะมนตรียุโรปได้กำหนดมาตรการที่เข้มงวดสำหรับบุคคล 65 รายและหน่วยงาน 10 แห่ง รวมถึงรัฐมนตรี สมาชิกสภาบริหารแห่งชาติ และคณ ะกรรมการการเลือกตั้ง ตลอดจนบริษัทของรัฐและเอกชน  [European Council] 

(bs/pk, transl. by tj)

 

สหภาพยุโรปสนับสนุนบังกลาเทศให้เลื่อนระดับจากหมวดประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด

ชาร์ล ไวท์ลีย์ หัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำบังกลาเทศ ได้ย้ำถึงการสนับสนุนของสหภาพยุโรปสำหรับการเลื่อนระดับอย่างยั่งยืนของบังก ลาเทศจากหมวดประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด [Daily Star]

บังคลาเทศยังต้องการการสนับสนุนจากสวีเดนในการเลื่อนระดับจากหมวดประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด ซึ่งเอกอัครราชทูตสวีเดนกล่าวถึงศักยภาพที่ สูงมากในตลาดของประเทศนี้ในเอเชียใต้ และกล่าวว่าสตอกโฮล์มพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้กับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม โดยความช่วยเหลือจาก บริษัทสวีเดนที่ดำเนินงานอยู่ในบังกลาเทศ [The Business Standard]

(ap/gc, transl. by tj)

 

สหภาพยุโรปสนับสนุนการพัฒนาของติมอร์-เลสเต

สหภาพยุโรปตกลงที่จะให้เงินทุนแก่ติมอร์-เลสเต จำนวน 55 ล้านยูโร จนถึงปี ค.ศ. 2024 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ และส่งเสริมความร่วมมือซึ่งกันและกัน

เงินทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการบ่งชี้หลายปีของสหภาพยุโรปสำหรับติมอร์-เลสเต ประจำปี ค.ศ. 2021-27 ระยะแรก ความคิดริเริ่มนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนและดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลเพื่ อการพัฒนาที่ยั่งยืน [Timor-Leste Government] 

(bs/pk, transl. by tj)

 

เนเธอร์แลนด์: นายกรัฐมนตรีขอโทษอินโดนีเซียสำหรับความทารุณโดยกองทหารดัตช์ในปี พ.ศ. 2488

มาร์ค รุตเต นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ขอโทษอินโดนีเซียที่กองทหารดัตช์ใช้ “ความรุนแรง” ระหว่างปี พ.ศ. 2488-49 ซึ่งคร่าชีวิตชาวอินโดนีเซียไปประมาณ 100,000 คน

ความโหดร้ายดังกล่าวในช่วงต้นได้รับการยินยอมโดยรัฐบาลดัตช์ ซึ่งพยายามที่จะตั้งอาณานิคมอีกครั้งหลังจากการประกาศเอกราชของอินโดนีเซี ยในปี พ.ศ. 2488

ผลการศึกษาเมื่อเร็วๆนี้ พบว่า การทรมานและการประหารชีวิตชาวอินโดนีเซียโดยกองทหารดัตช์รุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่ออินโดนีเซียประกาศเอกรา ช การวิจัยสรุปว่าเนเธอร์แลนด์มีความผิดฐาน “การกักขัง การทรมาน การเผาหมู่บ้าน การประหารชีวิต และการสังหารพลเรือน”

คำกล่าวโทษไม่ได้เป็นของทหารแต่ละคน แต่เป็นของระบบในขณะนั้น โดยรุตเต กล่าวว่า “วัฒนธรรมในช่วงนั้นคือการมองไปทางอื่น การหลบเลี่ยง แ ละความสำนึกที่ผิดเกี่ยวกับความเหนือกว่าของเจ้าอาณานิคม” เขากล่าวด้วยว่า “นั่นเป็นการตระหนักรู้ที่เจ็บปวด แม้เวลาจะผ่านมาหลายปีแล้ วก็ตาม” [The Guardian] [ The Jakarta Post]

ในปี พ.ศ. 2554 ศาลดัตช์ได้สั่งให้รัฐบาลชดเชยครอบครัวของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของความทารุณในช่วงปี พ.ศ. 2488-49 ที่กองทหารดัตช์ก่อขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้จัดให้มีการชดเชยในปี พ.ศ. 2556 [Aljazeera] [The Guardian] 

(bs/gc, transl. by tj)

 

ยุโรปและภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกประชุมระดับรัฐมนตรีเพื่อความร่วมมือในอินโด-แปซิฟิก

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรป 27 รายและรัฐมนตรี 30 รายจากภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกได้พบกันที่กรุงปารีสเพื่อเข้าร ่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือในอินโด-แปซิฟิก โดยฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานหมุนเวียนของคณะมนตรีสหภาพยุโรป ทำหน้า ที่เป็นประธาน และมีผู้แทนระดับสูงอื่นๆ ของสหภาพยุโรปเข้าร่วมด้วย

การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อติดตามผลแผนยุทธศาสตร์สหภาพยุโรปเพื่อความร่วมมือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกและแผยยุทธศาสตร์“โกลบอลเกตเวย์ ” ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 โดยมีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของยุโรปต่อลัทธิพหุภาคีในภูมิภาคเอเชีย

หนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของความร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรป-อินโด-แปซิฟิก คือการเสริมสร้างความเชื่อมโยงเชิงยุทธศาสตร์กับหุ้นส่วนในอินโด -แปซิฟิกโดยการใช้ “โกลบอลเกตเวย์” ผ่านการระดมเงินทุน 3 แสนล้านยูโร สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านการเชื่อมต่อ ธรรมาภิบาล และความ ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึง การเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นกลางเกี่ยวกับสภาพอากาศ

นอกจากนี้ สหภาพยุโรปตกลงที่จะเข้าร่วมเชิงยุทธศาสตร์ในอินโด-แปซิฟิก เพื่อสนับสนุนความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาคพร้อมยืนยันความมุ่ งมั่นของสหภาพยุโรปต่อกฎหมายระหว่างประเทศและการเดินเรือตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล (UNCLOS). 

สหภาพยุโรปแสดงเจตจำนงที่จะประสานงานกับหุ้นส่วนในอินโด-แปซิฟิกในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของการเดินเรือในมหาสมุทรอินเดียตะวันตกเฉ ียงเหนือและในทะเลจีนใต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ที่ประชุมยังยืนยันถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของสมาช ิกของทั้งสองภูมิภาคเพื่อรับรองเสรีภาพในการเดินเรือ

อีกประเด็นหนึ่งที่หารือกันคือการอนุญาตให้สหภาพยุโรปมีสถานะถาวรในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกและเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ความร่วมมือระหว่ างคู่ค้าโดยการเสริมสร้างกระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูล

จุดเน้นหลักมุ่งไปที่การรักษาความปลอดภัยและการป้องกันโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการหารือเกี่ยวกับเกมอำนาจที่กำลังดำเนินอยู่ระหว ่างจีนและสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และทำให้ประเทศต่างๆในอินโด-แปซิฟิก มีทางเลือก มากขึ้น

ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นพ้องที่จะเร่งดำเนินการตามยุทธศาสตร์สหภาพยุโรปปี ค.ศ. 2021 เพื่อความร่วมมือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกซึ่งรวมถึงความคิดริเริ่มในด้านความมั่นคง การเชื่อมต่อทางดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากา ศ ความหลากหลายทางชีวภาพและมุ่งมั่นที่จะสร้างสถานะทางเศรษฐกิจและการเมืองในภูมิภาค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทางเลือกในปัจจุบันระหว ่างสหรัฐอเมริกาและจีน [European Council on Foreign Relations] [EEAS Europa] 

(bs/bp, transl. by tj)

 

สหราชอาณาจักร: สหราชอาณาจักรและญี่ปุ่นลงนามในข้อตกลงเพื่อดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับเซ็นเซอร์ตรวจจับเครื่องบินขับไล่ชั้นนำของโลก

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ สหราชอาณาจักรและญี่ปุ่นลงนามในข้อตกลงเพื่อดำเนินการวิจัยร่วมกันเกี่ยวกับเซ็นเซอร์ตรวจจับเครื่องบินขับไล่ ชั้นนำของโลกที่จะตรวจจับภัยคุกคามที่ร้ายแรง [GOVUK]

ทั้งนี้ รัฐบาลระบุในถ้อยแถลงว่าจะมีการสร้างงาน 75 ตำแหน่งในอังกฤษ รวมถึงงานวิศวกรรม 40 ตำแหน่งในสก๊อตแลนด์ และเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศา สตร์การต่อสู้ทางอากาศของสหราชอาณาจักร ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเงินทุน 2 พันล้านปอนด์ในช่วง4 ปีข้างหน้า [GOVUK] 

เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ความถี่วิทยุสากลที่รู้จักกันในชื่อ “จากัวร์" จะช่วยให้กองกำลังติดอาวุธสามารถตรวจจับภัยคุกคามทางอากาศทางบก และท างทะเล ได้ดีขึ้นและสามารถระบุตำแหน่งเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ และปฏิเสธเทคโนโลยีการเฝ้าระวังที่ดำเนินการโดยคู่ต่อสู้ [GOVUK]

(gc, transl. by tj)

 

สหราชอาณาจักร: สหราชอาณาจักรผ่านขั้นตอนแรกของการเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก

สหราชอาณาจักรได้ผ่านขั้นตอนแรกของกระบวนการภาคยานุวัติ “ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค (ซีพ ีทีพีพี)” ซึ่งหมายความว่าแนวทางการค้าโดยรวมได้รับการอนุมัติแล้ว [Politico] [GOVUK]

ลอนดอนจะดำเนินต่อไปสู่ขั้นตอนที่สองและขั้นสุดท้ายของกระบวนการ ซึ่งเป็นการเจรจาเกี่ยวกับการเข้าถึงตลาดของกลุ่มการค้าเพื่อเข้าร่วม เขตการค้าเสรี ซีพีทีพีพี ที่มีมูลค่า 8.4 ล้านล้านปอนด์ การประกาศเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์มีขึ้นก่อนการเยือนอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และสิงค โปร์ของรัฐมนตรีการค้า แอนน์-มารี เทรเวลเลียน เพื่อดูแลการเปิดตัวของขั้นตอนการเข้าเป็นภาคีขั้นสุดท้ายและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า ทั่วทั้งภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก [Politico] [GOVUK] 

ประโยชน์ของสหราชอาณาจักร ในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก อาจรวมถึงการรับประกันใหม่เกี่ยวกับการเข้าถึงตลาดบริการ ซึ่งเป็นโอกาสอันมีค่าสำห รับอุตสาหกรรมบริการระดับโลกของ      สหราชอาณาจักรในการเพิ่มการส่งออกไปยังประเทศสมาชิก ซีพีทีพีพีช่วยให้มั่นใจได้ว่าบริษัทในสหราชอ าณาจักรจะอยู่ในสถานะที่ดียิ่งขึ้นในการขยายการเข้าถึงดิจิทัลในตลาดโลกด้วย  กฎเกณฑ์สมัยใหม่ของซีพีทีพีพี สำหรับการค้าแบบดิจิทัลในทุ กภาคส่วนของเศรษฐกิจ [GOVUK]

ซีพีทีพีพีจะทำให้การส่งออกของสหราชอาณาจักรบางรายการได้รับการยกเว้นภาษีได้ง่ายกว่าภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคีเพียงอย่างเดียว แ ละความต้องการที่เพิ่มขึ้นในหมู่สมาชิก ซีพีทีพีพี สำหรับการนำเข้าสินค้าของสหราชอาณาจักร เช่น เครื่องยนต์ของอังกฤษ ตลอดจนกฎว่าด้วยแ หล่งกำเนิดสินค้าของ ซีพีทีพีพี  ทำให้ผู้ค้าสามารถนำเข้าสินค้าจากสมาชิกรายอื่นได้ง่ายขึ้น[GOVUK]

(gc, transl. by tj)

 

สหราชอาณาจักร: สำนักคลังความคิดเห็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจอังกฤษจากข้อตกลงการค้ากับอินเดีย

มูลนิธิเรสซะลูชั่น ซึ่งเป็นสำนักคลังความคิด กล่าวในรายงานว่า ราชอาณาจักรอาจได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกันจากข้อตกลงการค้ากับอิน เดียเช่นเดียวกับข้อตกลงกับสหรัฐฯ แต่อาจทำให้เศรษฐกิจของอังกฤษเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น [The Guardian]

มูลนิธิเรสซะลูชั่นกล่าวว่า การเจรจาที่ประสบความสำเร็จระหว่างลอนดอนและนิวเดลีอาจได้เปรียบ "ผู้เสนอญัตติรายแรก" ในอินเดียและลอกแบบค วามสำเร็จของผู้ส่งออกการผลิตของเยอรมนีไปยังจีน มูลนิธิฯ เตือนว่ามีความเสี่ยงที่บริษัทให้บริการธุรกิจของอังกฤษจะถูกตัดราคาโดยคู่แข ่งจากอินเดียที่มีต้นทุนต่ำกว่า ในการลอกแบบการผลิตในสหรัฐฯ จากการแข่งขันของจีน [The Guardian]

(gc, transl. by tj)

 

อินเดียเจรจากับบริษัทเบลารุสโปแตช แม้จะมีการคว่ำบาตรมินสค์

อินเดียกำลังเจรจากับบริษัทเบลารุสโปแตชซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ เพื่อซื้อโปแตช 1 ล้านตัน แม้ว่าจะมีการคว่ำบาตรจากนานาชาติที่ทำให้มินสค์ ไม่สามารถขายสารอาหารพืชผลให้กับตลาดโลก สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ โดยอ้างเจ้าหน้าที่อินเดียสองคนที่คุ้นเคยกับ การเจรจาดังกล่าว [Euractiv]

เพื่อหลีกเลี่ยงการลงโทษที่กำหนดโดยสหรัฐฯและสหภาพยุโรปในการทำธุรกรรมของเบลารุสในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐหรือยูโรบริษัทเบลารุสโปแตชที่ ดำเนินการโดยรัฐ สามารถเปิดบัญชีเงินสกุลรูปีกับธนาคารอินเดียได้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ [Euractiv]

สหภาพยุโรป สหรัฐฯ และชาติตะวันตกอื่นๆ ได้ดำเนินการประสานงานเพื่อเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อเบลารุส เพื่อตอบสนองต่อข้อกล่าวหาว่ายังคง ละเมิดสิทธิมนุษยชนและยุยงให้ผู้อพยพข้ามชาติข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรปอย่างผิดกฎหมาย มาตรการคว่ำบาตรนี้ เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตที่ชายแดนโ ปแลนด์-เบลารุส ซึ่งผู้อพยพยังคงเผชิญกับสภาวะที่ยากลำบากในการพยายามเข้าสู่สหภาพยุโรป [Europe Monthly No.1 January 2022]

(gc, transl. by tj)

 

สหราชอาณาจักร: สหราชอาณาจักรร่วมกับออสเตรเลียจัดตั้งสถานทูตในมัลดีฟส์

สหราชอาณาจักรได้จัดตั้งสถานเอกอัครราชทูตในมัลดีฟส์ และเป็นประเทศยุโรปประเทศแรกที่เปิดภารกิจในมาเล่อย่างเป็นทางการหนึ่งสัปดาห์ภาย หลังจากที่ออสเตรเลียได้ประกาศแผนการที่จะเปิดสถานเอกอัครราชทูตของตนเช่นเดียวกัน พัฒนาการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความสำคัญทางภูมิยุทธ ศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นของหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดีย [Avas]

จากการประกาศของแคนเบอร์รา สมาชิกทั้ง 4 ของความร่วมมือด้านความมั่นคงของประเทศมหาอำนาจทั้ง 4 หรือ “ควอด” ได้แก่สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อ ินเดีย และออสเตรเลีย จะมีสถานเอกอัครราชทูตในมัลดีฟส์ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2566

(lm/gc, transl. by tj)

 

บริษัทการบินและอวกาศของโปแลนด์ ลงนามข้อตกลงกับฟิลิปปินส์ เกี่ยวกับเฮลิคอปเตอร์ทหาร

รัฐมนตรีกลาโหมของฟิลิปปินส์ได้ลงนามในข้อตกลงมูลค่า 624 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับบริษัท     พีซีแอล มีเล็ค ผู้ผลิตอากาศยานของโปแลนด์ เพื่อซ ื้อเฮลิคอปเตอร์รุ่นเหยี่ยวดำ เอส-70 ไอ จำนวน 32 ลำ การฝึกอบรมนักบิน ทีมงานซ่อมบำรุง และระบบสำรองด้านโลจิสติกส์ เฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวสามารถใช้ในการขนส่งทหาร การปฏิบัติกา รรบ และการตอบสนองต่อภัยพิบัติ

ข้อตกลงนี้ เป็นการซื้อครั้งที่สองของฟิลิปปินส์กับบริษัทพีซีแอล มีเล็ค ก่อนหน้านี้ ได้มีการซื้อเฮลิคอปเตอร์รุ่นเหยี่ยวดำ 16 ลำ เพื่อ ใช้ตอบสนองต่อพายุไต้ฝุ่นในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2021

[Business Standard] [AiR No. 7, February/2022, 3] [AiR No. 4, January/2022, 4] [AiR No. 4, January/2022, 4]

(lb, transl. by tj)

 

เซอร์เบีย: ประธานาธิบดีวูชิชพบปะกับผู้นำจีน สี จิ้นผิง ในกรุงปักกิ่งเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระดับทวิภาคี

ประธานาธิบดีอาเล็กซานดาร์ วูชิชแห่งเซอร์เบียได้พบปะกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีนที่ศาลาประชาคมในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นการพบปะอย่างเป็นทางการครั้งที่เจ็ดระหว่างผู้นำทั้งสอง เนื่องจากทั้งสองประเทศมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ

วูชิชกล่าวว่าข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างทั้งสองประเทศสามารถลงนามได้ภายในสิ้นปีนี้ สีพรรณนาถึงจีนและเซอร์เบียว่าเป็น “เพื่อนที่เหนียวแน่น” ด้วยความไว้วางใจทางการเมืองที่มีต่อกันในระดับสูง โดยเสริมว่าความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีนี้ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น [EURACTIV]

ในระหว่างการพบปะกันนั้น สีกล่าวว่าปักกิ่งและเบลเกรดควรพัฒนาความร่วมมือกันต่อไปในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) โครงการนี้เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่รัฐบาลจีนนำมาใช้ในปี 2013 เพื่อเชื่อมต่อจีนกับภูมิภาคตะวันตกผ่านเส้นท างคมนาคมทางบกและเส้นทางรถไฟ [EURACTIV]

ทั้งสองประเทศได้ปรับปรุงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา ในท่ามกลางคลื่นลูกแรกๆ แห่งการระบาดใหญ่ของโควิด-19 จีนและเซอร์เบียได้ประกาศเรื่องราวแห่ง “มิตรภาพเหล็ก” ซึ่งทั้งสองได้รักษาไว้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา [AP]

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้ลงทุนอย่างมหาศาลในเซอร์เบียด้วยโครงการเงินกู้และการก่อสร้างมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อเซอร์เบียเนื่องจากวูชิชพยายามเพิ่มการลงทุนจากต่างชาติและเพื่อให้ความสนับสนุนพันธมิตรระหว่างประเทศที่เป็นมห าอำนาจ

ข่าวสารทางเศรษฐกิจในทางบวกและเหมาะแก่เวลาจากการเยือนโดยประมุขแห่งรัฐอาจเป็นประโยชน์ต่อวูชิชก่อนการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น รัฐสภา และประธานาธิบดีซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นในเซอร์เบียในวันที่ 3 เมษายน ผู้นำทั้งสองได้พบปะกันที่ประเทศจีนเมื่อวูชิชไปเยือนเพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่จัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง [Chinese Embassy to UK] [EURACTIV]

(nw/gc, transl. by vv)

 

กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปตะวันตก 

 
 

ฝรั่งเศส: อินโดนีเซียลงนามในข้อตกลงเพื่อซื้อเครื่องบินขับไล่ไอพ่นราฟาลอย่างน้อย 6 ลำ

ฝรั่งเศสลงนามในข้อตกลงเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เพื่อขายเครื่องบินขับไล่ไอพ่นราฟาลจำนวน 6 ลำให้กับอินโดนีเซีย ในขณะที่รัฐบาลฝรั่งเศสเสริมความแข็งแกร่งให้กับกองกำลังทหารของตนที่ประจำการอยู่ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เพื่อถ่วงดุลอำนาจกับการครอบงำทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน อินโดนีเซียจะซื้อเครื่องบินขับไล่ไอพ่นราซาลจำนวน 42 ลำในข้อตกลงมูลค่า 8.1 พันล้านดอลลาร์ [The Defence Post]

คำสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ไอพ่นของฝรั่งเศสมีขึ้นเนื่องจากที่อินโดนีเซียจะนำเครื่องบินเหล่านั้นมาแทนที่ฝูงบิน เอฟ -16 ของอเมริกาและยุทโธปกรณ์ Sukhois ของรัสเซียที่เก่าแก่โบราณ ในท่ามกลางการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และโดยที่อินโดนีเซียอยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางสำคัญทางการทูตของการแข่งขันนี้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภูมิภาคอาเซียน (ASEAN) กำลังพยายามรักษาตำแหน่งที่เป็นกลาง โดยสร้างสมดุลระหว่างความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ของตนกับตะวันตกและจีนที่กำลังผงาดขึ้นมา [AiR Weekly, February 15]

อินโดนีเซียยังได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตนารมณ์กับฝรั่งเศสเพื่อการวิจัยและพัฒนาเรือดำน้ำ โดยอินโดนีเซียอาจสั่งซื้อเรือดำน้ำ Scorpene จำนวน 2 ลำในอนาคตอันใกล้นี้ ข้อตกลงนี้คาดว่าจะช่วยให้ฝรั่งเศสปรับปรุงความสัมพันธ์กับอินโดนีเซียและสร้างพันธมิตรของตนขึ้นใหม่อีกครั้งในภูมิภาคนี้

ปราโบโว ซูเบียนโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียได้พบปะกับ ฟลอเรนซ์ ปาร์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของฝรั่งเศสในกรุงจาการ์ตา ซึ่งเป็นที่ที่มีการลงนามในข้อตกลงนี้ [The Defence Post]

(gc, transl. by vv)

 

ไอร์แลนด์: กองกำลังป้องกันไม่สามารถปกป้องประเทศได้หากไม่มีการเพิ่มงบประมาณที่สำคัญ

กองกำลังป้องกันของไอร์แลนด์ไม่สามารถปกป้องประเทศจากการโจมตีเป็นระยะเวลานานได้ เว้นแต่งบประมาณของกองทัพจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ตามรายงานของคณะกรรมาธิการกองกำลังป้องกัน

กองทัพของประเทศนั้น “ไม่ได้ติดตั้ง วางตำแหน่ง หรือเตรียมการที่ปฏิบัติได้จริงเพื่อดำเนินการป้องกันประเทศอย่างสำคัญจากกองกำลังสู้รบตลอดช่วงการทำสงคราม (full spectrum force) ใดๆ ที่ยาวนาน” คณะกรรมาธิการกล่าวในเดือนกุมภาพันธ์ คณะกรรมาธิการดังกล่าวเสนอสถานการณ์ที่ครอบคลุมและหลากหลายสามสถานการณ์พร้อมด้วยการเพิ่มงบประมาณจากร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 300

หากไม่มีการเพิ่มงบประมาณแล้ว ประเทศก็ไม่สามารถป้องกันภัยคุกคามจากภายในและภายนอกได้ ซึ่งรวมถึงภัยคุกคามจากกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงและกลุ่มขวาจัด และจากกิจกรรมต่างๆ ของรัสเซียและจีน และประเทศจะต้องลดความสามารถของตนในการรักษาสันติภาพด้วยเช่นกัน

การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ซึ่งเป็นทางเลือกที่สองนั้น จะทำให้ไอร์แลนด์ปรับปรุงการป้องกันทางอากาศของตนให้ทันสมัยด้วยการจัดหาระบบเรดาร์ใหม่ ขณะนี้กองทัพไม่สามารถตรวจจับเครื่องบินเหนือดินแดนของไอร์แลนด์ได้หากปิดการตอบโต้ [Sunday Independent]

ข้อเสนอที่สามจะเพิ่มงบประมาณขึ้นสามเท่าเป็น 3 พันล้านยูโรต่อปี ซึ่งจะทำให้กองทัพสามารถเพิ่มโครงสร้างของกองกำลังได้จาก 9,500 ถึง 13,500 นาย กองทัพเรือจะได้รับเรือเพิ่มขึ้น และกองทัพอากาศ ซึ่งปัจจุบันไม่มีเครื่องบินขับไล่ไอพ่นใช้เลย ก็จะติดตั้งเครื่องบินขับไล่ได้ประมาณ 12 ถึง 24 ลำ [Irish Examiner]

รายงานดังกล่าวถูกเปิดเผยหลังจากรัสเซียกล่าวว่าตนจะจัดการซ้อมรบทางเรือตามแผนที่วางไว้นอกเขตเศรษฐกิจพิเศษของไอร์แลนด์ หลังจากการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากรัฐบาลไอร์แลนด์ที่กล่าวว่าการซ้อมรบดังกล่าว “ไม่เป็นที่ต้อนรับ” ในท่ามกลางความตึงเครียดทางการทูตอย่างต่อเนื่องระหว่างมอสโกกับบรรดาชาติตะวันตกก่อนที่รัสเซียจะส่งกำลังทหารเข้าไปในยูเครน [Europe Monthly No. 2, February 2022]

หากไม่มีระบบเรดาร์ปฐมภูมิแล้ว ไอร์แลนด์ก็จะไม่มีประสิทธิภาพและความสามารถในการเฝ้าระวังเรือของรัสเซียแบบละเอียดได้ แทนที่จะพึ่งพากองทัพเรือของนาโต [Independent]   

ประธานคณะกรรมาธิการฯ เอเดน โอ’ดริสโคล กล่าวว่าการเพิ่มงบประมาณการป้องกันเป็นสามเท่าอาจดูแปลก แต่นี่จะทำให้ไอร์แลนด์อยู่ในแนวเดียวกับประเทศยุโรปขนาดเล็กอื่นๆ เท่านั้น [Irish Times]

ไอร์แลนด์ใช้จ่ายเพียงร้อยละ 0.27 ของจีดีพีในการป้องกันประเทศ ซึ่งต่ำที่สุดในบรรดาสมาชิก 27 ประเทศในสหภาพยุโรป ไอร์แลนด์มีประวัติศาสตร์ความเป็นชาติที่เป็นกลางมายาวนาน โดยไม่ได้เป็นสมาชิกของนาโตและไม่เคยทำสงครามในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาเลยนับตั้งแต่มีการก่อตั้งประเทศขึ้น

รายงานดังกล่าวยังวิพากษ์วิจารณ์ว่ากองกำลังต่างๆ นั้นจัดการกับความคับข้องใจของสมาชิกอย่างไร โดยอ้างถึงวัฒนธรรมเพศชาย (masculine culture - รูปแบบของวัฒนธรรมที่คนในสังคมให้ความสำคัญกับความสำเร็จ ความร่ำรวย ความมั่นคง การแข่งขัน ความท้าทาย ซึ่งเป็นอุปนิสัยส่วนใหญ่ของผู้ชาย) การขาดการเห็นคุณค่าต่อความหลากหลาย และการต่อต้านการเข้าร่วมของสตรี รวมทั้งยังแนะนำว่ากองกำลังป้องกันเหล่านี้ควรตั้งเป้าที่จะบรรลุการมีส่วนร่วมของผู้หญิงให้ได้ร้อยละ 35 ภายในปี 2025 ซึ่งเป็นจำนวนห้าเท่าของอัตราในปัจจุบัน

กลุ่มที่เป็นตัวแทนของสมาชิกสตรีในกองกำลังป้องกัน ซึ่งกล่าวหาว่าพวกตนถูกเลือกปฏิบัติและถูกคุกคามทางเพศในกองทัพ ได้เดินออกจากที่ประชุม (ซึ่งประชุมร่วม) กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยอ้างว่าการประชุมครั้งนี้ “เสียเวลา” [Irish Times]

(rn/gc, transl. by vv)

 

กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปกลาง

 
 

สาธารณรัฐเช็ก: อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ได้รับความนิยมได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ANO อีกครั้ง

อดีตนายกรัฐมนตรีอันแดรย์ บาบิช ผู้ได้รับความนิยมได้รับเลือกให้เป็นประธานพรรค ANO ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของสาธารณรัฐเช็กอีกครั้งในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ แม้จะพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อปีที่แล้ว

บาบิชเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานเพียงคนเดียวและได้รับคะแนนเสียง 76 จาก 95 เสียง เขาไม่ได้ยืนยันว่าเขาวางแผนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของสาธารณรัฐเช็กที่จะจัดให้มีขึ้นในปี 2023 หรือไม่ แต่กล่าวว่าพรรคขวากลาง ANO ควรส่งผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งนี้ [Euractiv]

บาบิชซึ่งเป็นมหาเศรษฐีผู้ต่อต้านอำนาจที่เพิ่มขึ้นของสหภาพยุโรป (Eurosceptic) และพูดต่อต้านผู้อพยพย้ายถิ่นฐานอย่างเปิดเผยนั้น เป็นบุคคลที่ได้รับการวิพากษ์วิจารย์ โดยเขาถูกผู้ตรวจสอบของคณะกรรมาธิการยุโรปพบกว่าได้ทำการฝ่าฝืนกฎการขัดกันของผลประโยชน์ (conflict of interest) ในขณะดำรงตำแหน่ง เขาปฏิเสธการกระทำผิดนั้น [Reuters] ความพ่ายแพ้อย่างหวุดหวิดของเขาในการเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อเดือนตุลาคมนั้น ผู้สังเกตการณ์บางคนมองว่าเป็นสัญญาณว่าคลื่นประชานิยมในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกกำลังลดลงในท่ามกลางความสามัคคีที่เพิ่มขึ้นในหมู่ฝ ่ายตรงข้าม [The New York Times]

(pk, transl. by vv)

 

กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้

 
 

บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา: อันดับความน่าเชื่อถืออาจได้รับผลกระทบร้ายแรงจากความตึงเครียดทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น

อันดับความน่าเชื่อถือของบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (BiH) อาจได้รับผลกระทบร้ายแรงจากความตึงเครียดทางการเมืองในประเทศที่เพิ่มขึ้นหลังจากสาธารณรัฐเซิร์ปสกาประกาศว่าตนกำลังเตรียมที่จะถอนตัว จากสถาบันระดับรัฐหลายแห่ง ทั้งนี้เป็นคำกล่าวของบริษัทสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส (S&P)[Euractiv]

หน่วยงานจัดอันดับนี้ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศว่าอยู่ในระดับ B โดยมีแนวโน้มในเชิงบวก อันดับความน่าเชื่อถือนี้หมายความว่าสถานะความน่าเชื่อถือของประเทศซึ่งการเสี่ยงภัยเก็งกำไรมีความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือสูง และอยู่เหนืออันดับที่แย่ที่สุดที่ระดับ C เพียงขั้นเดียว [Euractiv]

หน่วยงานนี้ระบุว่า “เราคาดว่าในที่สุดการเผชิญหน้ากันจะลดระดับลง โดยโครงสร้างทางการเมืองส่วนใหญ่ใน BiH จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่การแก้ปัญหาในอนาคตอันใกล้นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้” และ “เราพิจารณาว่าความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่อาจส่งผลกระทบในทางลบต่อการเติบโต ซึ่งเราคาดการณ์ว่าจะชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 2.7 ในปี 2022 จากประมาณร้อยละ 6.7 ในปี 2021” [Euractiv]

ความตึงเครียดได้เพิ่มขึ้นในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาหลังจากผู้นำชาวเซิร์บบอสเนีย มิโลรัด โดดิก กล่าวว่าสาธารณรัฐเซิร์ปสกาเป็น “รัฐของเรา” และ “วันหนึ่งจะเป็นรัฐอิสระและจะมีสถานะเป็นสหพันธรัฐหรือสมาพันธรัฐกับเซอร์เบีย” ประธานาธิบดี เซลคา สวียาโนวิช แห่งสาธารณรัฐฯ กล่าวว่าบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนาเป็น “ความล้มเหลวและเป็นอันตรายต่อพวกเราทุกคน” [Europe Monthly No. 2, February 2022]

สหภาพยุโรปเตือนว่าตนสามารถใช้ “กล่องเครื่องมือขนาดใหญ่ (wide toolbox)” แห่งมาตรการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการคว่ำบาตรและการถอนความช่วยเหลือ ต่อสาธารณรัฐฯ ที่ปกครองโดยเซอร์เบียของบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา หลังจากที่บรรดาผู้นำใช้ภาษาเพื่อเฉลิมฉลองวันหยุดซึ่งกลุ่มกล่าวว่าเป็น “วาทศิลป์ในเชิงลบ ที่สร้างความแตกแยก และปลุกเร้าความรู้สึกโกรธและความรุนแรง” สหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรโดดิกเมื่อต้นเดือนมกราคม Europe Monthly No. 2, February 2022

ความตึงเครียดยังคงเกิดขึ้นเช่นกันในขณะที่ประเทศประสบปัญหาทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น

ประชาชนเป็นหนี้ที่เกี่ยวกับการบริโภคมากขึ้น จากหนี้ทั้งหมด 4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากถึงร้อยละ 75 ที่เป็นสินเชื่อเพื่อการบริโภคทั่วไป ประชากรที่เป็นผู้ใหญ่เกือบทุกคนเป็นหนี้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ มากกว่า 1,740 ดอลลาร์ Sarajevo Times

(gc, transl. by vv)

 

ตุรกี: ผู้นำฝ่ายค้านตกลงที่จะฟื้นฟูระบบรัฐสภาของตุรกีเพื่อพยายามกำจัดแอร์โดอัน

ผู้นำพรรคฝ่ายค้านหกพรรคในตุรกีจัดประชุมเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการคืนประเทศสู่ระบบรัฐสภา เพื่อจำกัดอำนาจของเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน

บรรดาผู้นำกล่าวในแถลงการณ์ที่เผยแพร่หลังการประชุมว่าพวกเขาจะ “สร้างความแข็งแกร่งให้แก่ระบบรัฐสภา” หากพวกเขาชนะการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเสริมว่าระบบประธานาธิบดีกำลังทำให้เกิด “วิกฤตการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่รุนแรงยิ่ง” ในประวัติศาสตร์ [Euronews] [Sozcu]

ผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมนั้นได้แก่ เคมาล คิลิกดาโรกลู จากพรรคประชาชนรีพับลิกัน (CHP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่สำคัญ, เมราล อัคเซเนอร์ จากพรรคกู๊ด (IYI Parti), เทเมล คารามอลลาโอกลู จากพรรคเฟลิซิตี (Saadet Partisi), ยูเทคิน อูยซาล จากพรรคประชาธิปไตย (Demokrat Parti), อาลิ บาบาจาง จากพรรคประชาธิปไตยและความก้าวหน้า (DEVA) และ อาห์เม็ด ดาวูโทกลู จากพรรคอนาคต(Gelecek Partisi)

พรรคประชาธิปไตย (HDP) ที่สนับสนุนชาวเคิร์ด ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่ใหญ่เป็นอันดับสองไม่ได้เข้าร่วมในการประชุมนี้ พรรคนี้ได้สนับสนุนพันธมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นของประเทศในปี 2019 แม้ว่าพรรคนี้จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพันธมิตรที่เป็นทางการก็ตาม [Al-Monitor]พรรคประชาชนรีพับลิกัน, พรรคกู๊ด, พรรคเฟลิซิตี และพรรคประชาธิปไตยก็เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรแห่งชาติ (Millet Ittifakı) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในระหว่างการเลือกตั้งทั่วไปของตุรกีในปี 2018 บาบาจางและดาวูโทกลู ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งระดับสูงในพรรคยุติธรรมและการพัฒนา (AKP) ที่ปกครองประเทศ ได้จัดตั้งพรรคของตนเองขึ้นหลังจากลาออกจากพรรครัฐบาลแล้ว ก็สนับสนุนให้ประเทศกลับคืนสู่ระบบรัฐสภาด้วย [Euronews] [Hurriyet Daily News]

หลังจากการลงประชามติในปี 2017 ประเทศนี้ก็ได้ยกเลิกระบบรัฐสภาเมื่อแอร์โดอันชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี แม้ว่าตำแหน่งประธานาธิบดีส่วนใหญ่แล้วจะเป็นตำแหน่งทางพิธีการมาก่อน แต่ระบบใหม่นี้ได้ทำให้ประธานาธิบดีสามารถปกครองได้โดยใช้กฤษฎีกาของประธานาธิบดี (presidential decree) ในขณะที่เพิ่มอำนาจของเขาขึ้นอย่างกว้างขวาง [Al-Monitor] [Euronews]

การเลือกตั้งรัฐสภาและประธานาธิบดีครั้งหน้าคาดว่าจะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายนปี 2023 ในประเทศตุรกี

(go/gc, transl. by vv)

 
 

Contributors and editorial team:

Eric Kliszcz (ek), Glen Carey (gc), Harry McNeil (hm), Harry Taunton (ht), Henning Glaser (hg), Imogen Groves (ig), Ivandzhelin Bozadzhieva (ib), Kendall Ashlee (ka), Marlene Busch (mb), Mustafa Hussain (mh), Nicholas Warren (nw), Peter Kononczuk (pk), Quentin Vidberg (qv), Robert Nielsen (rn), Sarah Donald (sdo), Venus Phuangkom, Vincenzo Bardo (vb), Florien van Weerelt (fvw), Warren Ó Broin (wb), Yara Pstrong (yp)

 

Translators:

Tomwit Jarnson (tj), Natthanicha Lephilibert (nl), Aekpaween Anuson (aa), Vachiravan Vanlaeiad (vv), Pattariya Hansawong (ph)

 

เราจะขอบคุณมากสำหรับความคิดเห็นของคุณ! โปรดส่งความคิดเห็นใดๆ ที่คุณมีเกี่ยวกับจดหมายข่าวนี้ไปที่ : info@cpg-online.de 

นอกจากนี้ อย่าลืมกด Like CPG บน Facebook และเยี่ยมชม เว็บไซต์ ของเราสำหรับการอัปเดตข้อมูลข่าวสารอื่นๆ

 
FacebookWebsite
 
German-Southeast Asian Center of Excellence for Public Policy and Good Governance - CPG

Room 207, Faculty of Law, Thammasat University, 2 Prachan Road, Bangkok 10200, Thailand

www.cpg-online.de
www.facebook.com/cpgtu
Preferences  |  Unsubscribe