![]() ![]() คว้าข่าวสาร อ่านเทรนด์ยุโรป ฉบับที่ 1, ธันวาคม 2564
ส่งข่าวสารถึงคุณโดย CPG สนับสนุนโดย KAS ![]() เรียน ท่านผู้อ่าน ยินดีต้อนรับสู่ Europe Monthly ฉบับที่สองของ Europe in Review ที่ให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับหลักธรรมาภิบาลของยุโรป ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความมั่นคง สิทธิมนุษยชน การเมืองและการปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญในยุโรป แก่ท่านผู้อ่านเป็นประจำทุกเดือน Europe Monthly ฉบับนี้เป็นฉบับแรกที่จะแปลบางส่วนเป็นภาษาไทย หากท่านสนใจรับข้อมูลข่าวสารเป็นภาษาไทย กรุณาลงทะเบียน ที่นี่ เราให้ความสำคัญกับทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของท่านผู้อ่านซึ่งจะเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มแรกของการดำเนินงานเกี่ยวกับ Europe in Review (EiR) เราหวังว่าท่านผู้อ่านจะสนุกไปกับเนื้อหาที่ทางทีม EiR ได้จัดทำขึ้น ขอแสดงความนับถือ เฮนนิ่ง กลาเซอร์ บรรณาธิการบริหาร
เว็บไซต์: https://www.cpg-online.de, เฟซบุ๊ก: https://www.facebook.com/CPGTU Main Sections
สหภาพยุโรป ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและภูมิรัฐศาสตร์ ![]() อียูเห็นชอบคว่ำบาตรเบลารุสครั้งใหม่ในเรื่องวิกฤตการณ์ผู้อพยพในท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน สหภาพยุโรปเห็นพ้องในมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ต่อเบลารุสเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ผู้อพยพต่อเนื่องที่ชายแดนโปแลนด์-เบลารุส ที่ได้จุดชนวนให้เกิดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยข่มขู่ว่าจะนำรัสเซีย สหรัฐฯ และนาโตเข้าสู่ส่งคราม [Euronews] การอพยพของชาวตะวันออกกลางส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาทางตะวันออกของอียูทำให้เกิดข้อกล่าวหาว่าเบลารุสกำลังจัดตั้งการโจมตีแบบ "ไฮบริด" ที่มุ่งทำลายเสถียรภาพของโปแลนด์และสหภาพยุโรปโดยรวมด้วยการกระตุ้นให้หลายพันคนข้ามพรมแดนโปแลนด์อย่างผิดกฎหมาย [Reuters] กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าเบลารุสซึ่งเป็นพันธมิตรของรัสเซีย จัดสถานการณ์วิกฤตการณ์ผู้อพยพขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการจัดตั้งกองกำลังของรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครน โดยรัฐบาลเครมลิน ปฏิเสธคำกล่าวอ้างนี้ [Reuters] วิกฤตการณ์ผู้อพยพทำให้เกิดความวุ่นวายทางการทูต โดยประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน เข้าพบประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ ส่วน ชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรปเดินทางไปโปแลนด์เพื่อแสดง "ความเป็นปึกแผ่นอย่างสมบูรณ์" กับโปแลนด์ และนายกรัฐมนตรีมาแตอุช มอราวีแยตสกี แห่งโปแลนด์ได้หารือกับผู้นำของเยอรมนี ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร [Euractiv] [Reuters] ในกรุงเบอร์ลิน มอราวีแยตสกี บอกผู้สื่อข่าวว่าเป้าหมายสูงสุดของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ ปูติน คือการทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสหภาพยุโรปและนาโต นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีผู้กำลังลงจากตำแหน่งกล่าวว่า “เรากำลังติดต่อกับสายสัมพันธ์ของรัสเซียที่นี่” เธอกล่าวเสริมว่า: “เรารู้ว่าลูกาเชนโกกับประธานาธิบดีปูตินมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก” [Politico Europe] เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นาโตประณามเบลารุสว่ามีบทบาทในวิกฤตการณ์นี้และเรียกร้องให้เบลารุส "ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ" รัฐบาลเบลารุสยังคงปฏิเสธความรับผิดชอบ แม้ว่าประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกแห่งเบลารุสจะกล่าวเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนว่ามัน “เป็นไปได้อย่างแน่นอน” ที่กองกำลังของเขาจะช่วยเหลือผู้อพยพไปยังพรมแดนของประเทศกับสหภาพยุโรป [NATO] [Euronews] [Guardian] การคว่ำบาตรครั้งใหม่ซึ่งตกลงกันโดยรัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรปมีแนวโน้มที่จะพุ่งเป้าไปยังและอายัดทรัพย์สินของ “ผู้คน สายการบิน ตัวแทนการท่องเที่ยว และทุกคนที่เกี่ยวข้องในการผลักดันผู้อพยพอย่างผิดกฎหมายนี้” โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของกลุ่มกล่าว [Guardian] ในความพยายามที่จะป้องกันไม่ให้ผู้อพยพเข้ามาที่ชายแดนมากขึ้นนั้น คณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ได้ขู่ว่าจะคว่ำบาตรสายการบินที่ช่วยขนส่งผู้อพยพโดยมีเป้าหมายที่จะเข้าสู่สหภาพยุโรปผ่านทางเบลารุส มาตรการที่เสนอจะขัดขวางไม่ให้บริษัทเหล่านี้เข้าสู่น่านฟ้าของสหภาพยุโรปได้ บทบาทของลูกาเชนโกในวิกฤตการณ์ผู้อพยพถือเป็นการตอบสนองต่อการคว่ำบาตรครั้งก่อนที่กระทำโดยสหภาพยุโรป ภายหลังจากมีการปราบปรามฝ่ายค้านทางการเมืองอย่างรุนแรงในเบลารุส [Politico Europe] ความตึงเครียดที่ชายแดนได้ทวีความรุนแรงขึ้นในบางครั้ง โดยทางการโปแลนด์ได้ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงและแก๊สน้ำตาเพื่อจัดการกับกลุ่มผู้อพยพในฝั่งเบลารุส กระทรวงกลาโหมของโปแลนด์กล่าวว่านี่เป็นการตอบสนองต่อยุทธวิธีรุนแรงที่ใช้โดยผู้อพยพที่พยายามใช้กำลังฝ่าสิ่งกีดขวางและโยนสิ่งของข้า มพรมแดนเข้ามา ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ของโปแลนด์จำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ กระทรวงกลาโหมในกรุงวอร์ซอยังกล่าวหาว่าเบลารุสกำลังจัดหาระเบิดเสียงให้กับผู้อพยพเพื่อโยนข้ามรั้วกั้นชายแดน [Reuters] ผู้อพยพหลายพันคนติดอยู่ที่ชายแดนในค่ายชั่วคราวที่มีอุณหภูมิต่ำเนื่องจากใกล้ฤดูหนาว และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คนในภูมิภาคนี้นับตั้งแต่เกิดวิกฤต เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ทางการเบลารุสเริ่มเคลื่อนย้ายผู้อพยพประมาณ 2,000 คนจากป่าเข้าไปอยู่ในโกดังสินค้า โดยกล่าวว่ามีการจัดหาอาหารและความอบอุ่นให้กับผู้อพยพ ซีเรียและอิรักได้เริ่มประสานงานกับรัฐบาลเบลารุสเพื่อนำพลเมืองบางส่วนของตนกลับประเทศ โดยผู้อพยพหลายร้อยคนได้เดินทางกลับบ้านโดยทางเครื่องบินแล้ว [Reuters] [Guardian] [BBC News] [Al Jazeera] (ek/pk) ที่ประชุมสุดยอดว่าด้วยสภาพภูมิอากาศให้คำปฎิญาณที่จะ 'ลด' การใช้พลังงานถ่านหินทีละน้อย ซึ่งทำให้นักรณรงค์ผิดหวัง เจ้าหน้าที่จากเกือบ 200 ประเทศซึ่งรวมถึงผู้นำระดับโลก 120 คนที่มาประชุมในสกอตแลนด์เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านสิ่งแวดล้อม UN COP26 บรรลุข้อตกลงที่มีเป้าหมายเพื่อลดความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่นักรณรงค์กล่าวว่าผู้เข้าร่วมยังน้อยไปและสายเกินไป หลังจากการคัดค้านในนาทีสุดท้ายโดยจีนและอินเดีย ซึ่งทั้งคู่เป็นผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ ความมุ่งมั่นหลักในการ "ลด" การใช้พลังงานถ่านหินลงทีละน้อยนั้นถูกทำให้อ่อนลง เพื่อให้คำปฏิญาณว่าจะ "ลด" การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษกล่าวว่าข้อตกลงที่ลดความเข้มข้นลงซึ่งตกลงกันในวันที่ 13 พฤศจิกายนในเมืองกลาสโกว์นั้น “น่าผิดหวัง” [Times] หลายประเทศ ซึ่งรวมทั้งรัฐที่เป็นเกาะเล็กๆ ต่างก็แสดงความผิดหวัง อย่างไรก็ตาม นับเป็นครั้งแรกที่การประชุม COP ร่างแผนที่ชัดเจนในการตัดการใช้ถ่านหินซึ่งทำให้โลกร้อนเร็วขึ้น ข้อตกลงดังกล่าวบรรลุผลในการประชุมสุดยอดที่ให้คำปฏิญาณว่าจะจัดสรรเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ประเทศยากจนจัดการกับผลกระทบของการเปล ี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเพื่อเปลี่ยนไปใช้พลังงาน "สะอาด" [BBC News] รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ อล็อก ชาร์มาซึ่งเป็นประธาน COP26 ยกย่องข้อตกลงดังกล่าวว่าเป็นข้อตกลงประวัติศาสตร์ แม้ว่าเขาจะยอมรับว่าในช่วงขณะสุดท้ายว่า ข้อตกลงนี้ตกอยู่ในอันตราย เขากล่าวเสริมว่า "เราสามารถพูดอย่างสนิทใจว่าเรารักษาเป้าหมายในการจำกัดภาวะโลกร้อนไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียสเหนือระดับอุณหภูมิก่อนยุคอุตสาหกรรม" [Guardian] นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งผู้นำระดับโลกตกลงที่จะทำงานภายใต้ข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศปี 2015 จะเห็นว่าโลกกำลังหลีกเลี่ยงจากผลกระทบร้ายแรงที่สุดของการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้เห็นไม่เพียงคลื่นความร้อนและความแห้งแล้งที่เพิ่มขึ้น แต่ยังรวมถึงน้ำท่วมด้วย [EiR Monthly November 2021] ในระหว่างการประชุมสุดยอดนั้น ประเทศออสเตรีย เดนมาร์ก เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก และโปรตุเกส ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรปกันไม่ให้พลังงานนิวเคลียร์อยู่ในอนุกรมวิธานการเงินสีเขียว (green finance taxonomy) ของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นชุดแนวทางสำหรับนักลงทุนในเงื่อนไขที่จะถือได้ว่าเทคโนโลยีต่างๆ นั้นยั่งยืน [Euractiv] (pk) ร่างยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงปลอดภัยของสหภาพยุโรปเตือนถึงภัยคุกคาม และเริ่มสร้างสมรรภถาพในการป้องกันตนเอง สหภาพยุโรปได้เตรียมการตอบสนองต่อภัยคุกคามเชิงยุทธศาสตร์ที่เกิดจากศัตรูด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ เช่น รัสเซียและจีน ขณะกลุ่มพยายามที่จะพัฒนาสมรรถภาพในการป้องกันตนเองมากขึ้น ในขณะที่ยังคงความร่วมมือด้านการป้องกันกับสหรัฐฯ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป โจเซฟ บอร์เรลล์ ประกาศในเอกสารนโยบายของวันที่ 12 พฤศจิกายนที่สรุปลำดับความสำคัญในการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ของกลุ่มในแง่ของความมั่นคงปลอดภัยและการป้องกัน บอร์เรลล์กล่าวว่านโยบาย “เข็มทิศยุทธศาสตร์” เป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาอิทธิพลของสหภาพยุโรปในฐานะผู้ดำเนินการในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยผสานรวมสินทรัพย์เพื่อตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อภัยคุกคามและความท้าทาย หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศยังกล่าวด้วยว่า “ขอบเขตทางการเมืองของสหภาพยุโรปกำลังถูกบีบ และค่านิยมเสรีของเราถูกท้าทายมากขึ้น” ในรายงานของสื่อซึ่งอธิบายว่าเป็นข้อความที่ส่งถึงรัสเซียและจีน ในขณะเดียวกัน ตามรายงานของบอร์เรลล์นั้น เอกสารเชิงยุทธศาสตร์ “ไม่มีทางขัดแย้งกับคำมั่นของยุโรปที่ให้ต่อนาโต” [Project Syndicate] [Politico Europe] [Monde] “เข็มทิศยุทธศาสตร์” เพิ่มโอกาสของ “สมรรถภาพในการเคลื่อนกำลังพลพร้อมอาวุธอย่างรวดเร็ว” ซึ่งมีรายงานว่าอยู่ในรูปแบบของกองกำลังรับมือเหตุวิกฤติของสหภาพยุโรปที่ประกอบด้วยทหาร 5,000 นาย ความพยายามก่อนหน้านี้ในการพัฒนาสมรรถภาพที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งรวมถึงข้อตกลงในการสร้าง “กลุ่มการต่อสู้ของสหภาพยุโรป” ขึ้นในปี 2007 นั้นยังไม่ถูกนำไปปฏิบัติ [Deutsche Welle] คาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 เอกสาร “เข็มทิศยุทธศาสตร์” จะถูกนำมาใช้แทนที่ “ยุทธศาสตร์สากล” ของสหภาพยุโรปที่พัฒนาขึ้นโดยเฟเดริกา โมเกรินี ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าบอร์เรลล์ และนำมาใช้โดยสหภาพยุโรปในปี 2016 ประเทศสมาชิก 27 ชาติจะต้องหาฉันทามติเกี่ยวกับลำดับความสำคัญของนโยบายต่างประเทศของกลุ่ม รวมถึงการเคลื่อนกำลังพลพร้อมอาวุธร่วมกันในต่างประเทศ ในท่ามกลางความไม่สงบทางการเมืองในซาเฮลและวิกฤตการณ์ผู้ลี้ภัยที่ชายแดนระหว่างโปแลนด์และเบลารุส [EiR Monthly November 2021] เมื่อถูกถามว่าแผนยุทธศาสตร์ใหม่จะมีผลกระทบต่อความร่วมมือกับสหรัฐฯ หรือไม่ เจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรปได้ให้เหตุผลก่อนหน้านี้ว่าสมรรถภาพทางการทหารในการป้องกันตนเองจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่พันธมิตรอเมริกันของพ วกเขา และไม่กีดกันความเป็นไปได้ของโครงการป้องกันร่วมกัน [Reuters] [Monde] สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปได้ดำเนินการเจรจาเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการป้องกันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าความคืบหน้าจะช้าเนื่องจากปัญหาด้านเทคนิคและการจัดการด้านการบริการ [Defense News] ในขณะเดียวกัน บรรดารัฐมนตรีกลาโหมของสหภาพยุโรปได้พิจารณาในการประชุมในเดือนพฤศจิกายนถึงหนทางที่สำนักงานป้องกันประเทศยุโรปจะสามารถกระตุ้นนวัตกรร มทางเทคโนโลยีสำหรับกองทัพยุโรป [Defense News] ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน กองทัพสหรัฐฯ ได้ประกาศการฟื้นคืนชีพของกองบัญชาการปืนใหญ่ของตนในยุโรป ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ปฏิบัติการครั้งสุดท้ายในทวีปนี้ในระหว่างปี 1986 และ 1991 มีรายงานว่าการเคลื่อนย้ายนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อวางกองทัพสหรัฐฯ ให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าในการต่อสู้กับ “ศัตรูหลัก” เช่น รัสเซีย และจีน [Army Times] (qc/pk) สนธิสัญญามิตรภาพอิตาลี-ฝรั่งเศส: ความพยายามสร้างสมดุลใหม่ของอำนาจในยุโรป หลังจากความตึงเครียดทางการทูตมาเป็นเวลาหลายปี ฝรั่งเศสและอิตาลีได้ลงนามในกติกาสัญญามิตรภาพและความร่วมมือครั้งสำคัญ ข้อตกลงดังกล่าวยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อถ่วงดุลอำนาจในยุโรป ในขณะที่นายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล กำลังลงจากตำแหน่ง ตามการอ้างของสำนักข่าวรอยเตอร์จากแหล่งข่าวของรัฐบาลอิตาลี [Reuters] ในพิธีหนึ่งที่พระราชวังควิรินัลในกรุงโรมเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แอมานุแอล มาครง และนายกรัฐมนตรี มาริโอ ดรากี ของอิตาลี กล่าวถึงความจำเป็นในการประสานงานด้านกฎระเบียบทางงบประมาณ การลงทุน และการอพยพย้ายถิ่นของสหภาพยุโรปให้มากขึ้น และเพื่อจัดการกับความท้าทายทั่วไปอื่นๆ เช่น การเปลี่ยนผ่านพลังงาน [Financial Times] ตามความเห็นของนักวิจารณ์นั้น สนธิสัญญาดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ อิตาลีจะมีบทบาทมากขึ้นในระดับยุโรป ในขณะเดียวกัน ข้อตกลงนี้สามารถช่วยมาครงซึ่งคาดว่าจะได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง ฝรั่งเศสจะลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ในเดือนเมษายน [Financial Times] รัฐบาลฝรั่งเศสและอิตาลีได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าพวกเขาพร้อมที่จะทิ้งความตึงเครียดไว้เบื้องหลังหลังจากที่มีข้อพิพาทระหว่างกันนับ จากปี 2018 ถึง 2019 ในเรื่องการอพยพย้ายถิ่น ความขัดแย้งในลิเบีย และโครงการอุตสาหกรรมต่างๆ ในปี 2019 รองนายกรัฐมนตรีอิตาลี ลุยจี ดี มาโยในขณะนั้นได้พบปะกับผู้นำกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านมาครงที่ชื่อ “เสื้อกั๊กสีเหลือง” [Euronews] ฝรั่งเศสได้เรียกเอกอัครราชทูตของตนประจำอิตาลีกลับชั่วคราวเพื่อเป็นการตอบโต้ หลังจากดรากีเข้ารับตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศก็ดีขึ้น โดยที่รัฐบาลฝรั่งเศสและอิตาลีใกล้ชิดกันในขณะที่ประสานงานเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังโรคระบาดของสหภาพยุโรป [Politico Europe] ระยะเวลาของสนธิสัญญาควิรินัลมีความสำคัญเนื่องจากการออกจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล นั้นทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองขึ้นในยุโรป และดันจุดศูนย์ถ่วงอำนาจของสหภาพยุโรปให้ไปที่ฝรั่งเศสและอิตาลีในขณะนี้ สนธิสัญญาระหว่างฝรั่งเศสและอิตาลีทำให้ระลึกถึงสนธิสัญญาเอลีเซ่ระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนีที่ทำขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สองและต่ออา ยุสัญญาใหม่ในปี 2019 โดยมาครงและเยอรมนี [Politico Europe] อย่างไรก็ตาม มาครงกล่าวว่า "คุณไม่ควรมองว่า ในมิตรภาพที่เรากำลังสร้างขึ้นข้ามเทือกเขาแอลป์นั้น เป็นการทดแทนมิตรภาพที่เราทำให้มั่นคงขึ้นข้ามแม่น้ำไรน์" [Financial Times] “เราต้องติดตั้งเครื่องมือให้สหภาพยุโรปที่เข้ากันได้กับความทะเยอทะยานและความคาดหวังของพลเมืองของเรา สนธิสัญญาที่เราลงนามในวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้” ดรากีกล่าว [Financial Times] (kc/pk) ฝรั่งเศส, อังกฤษตำหนิเรื่องการค้าขณะผู้อพยพเสียชีวิตเนื่องจากพยายามข้ามช่องแคบ ความตึงเครียดระหว่างสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสได้เพิ่มสูงขึ้นเมื่อผู้อพยพพยายามข้ามช่องแคบอังกฤษที่อันตราย ช่องแคบนี้เป็นหนึ่งในเขตการขนส่งหลักของทวีป เดือนพฤษจิกายนเพียงเดือนเดียวได้เกิดวิกฤตการณ์ผู้อพยพที่กำลังดำเนินต่อเนื่องเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยมีจำนวนผู้ที่พยายามเดินทางมากเป็นประวัติการณ์ มีผู้เสียชีวิต 27 คนในวันที่ 24 พฤศจิกายนจากโศกนาฏกรรมที่ทำให้ทั้งสองประเทศตกตะลึง [Reuters] ฝรั่งเศสบอกอังกฤษให้หยุด "ให้บทเรียน" ในท่ามกลางข้อกล่าวหาของอังกฤษว่าฝรั่งเศสไม่ได้ทำมากพอที่จะหยุดยั้งผู้อพยพให้ทำการเดินทางที่เสี่ยงชีวิต เฌราลด์ ดาร์มาแนงรัฐมนตรีมหาดไทยของฝรั่งเศสกล่าวว่าสหราชอาณาจักรสร้างแรงจูงใจให้ข้ามพรมแดนด้วยคำสัญญาในเรื่องตลาดแรงงานที่ส่งเสริม “คนงานไม่ประจำผู้ได้รับสิทธิประโยชน์น้อยถูกจ้างด้วยค่าแรงต่ำ” รัฐมนตรีฯ ยังกล่าวอีกว่านี่เป็นงานขององค์กรนอกภาครัฐของอังกฤษที่ “ขัดขวางไม่ให้ตำรวจและกองกำลังทหารทำงาน” [France 24] เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน มีจดหมายฉบับหนึ่งที่ตีพิมพ์บนทวิตเตอร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ได้ขอให้ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แอมานุแอล มาครง ให้ "จัดทำข้อตกลงการรับกลับอีกครั้งระดับทวิภาคีเพื่ออนุญาตให้ผู้อพยพที่ผิดกฎหมายทุกคนที่ข้ามช่องแคบให้ถูกส่งตัวกลับได้" ความตึงเครียดจากการอพยพข้ามช่องแคบที่สร้างสถิติใหม่รายวันนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน โดยมีผู้พยายามเดินทางถึง 1,185 คน ผู้ค้าปลีกอุปกรณ์กีฬายี่ห้อดีแคทลอนกล่าวเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนว่าตนจะหยุดจำหน่ายเรือแคนูในกาแลและที่ร้าน Grande-Synthe ใกล้เมืองเดิงแกร์ก โฆษกของผู้ค้าปลีกรายนี้กล่าวว่าการขายเรือแคนูในภูมิภาคน ี้สามารถ “ถูกใช้เพื่อข้ามช่องแคบ” และว่า “(จะทำให้) ชีวิตตกอยู่ในอันตราย” [Euronews] ในวันเดียวกันนั้น ดาร์มาแนงได้สั่งให้ทำการกวาดล้างค่ายผู้อพยพ Grande-Synthe ด้วยความพยายามที่จะกระตุ้นให้ผู้อพยพสมัครขอลี้ภัยในฝรั่งเศสและหาที่หลบภัยที่เหมาะส ม แทนที่จะข้ามไปอังกฤษ ในช่วงต้นเดือนมกราคมถึงปลายเดือนสิงหาคม มีผู้อพยพ 15,400 คนพยายามข้ามช่องแคบในปีนี้ปีเดียว ซึ่งเทียบกับ 9,500 คนในปี 2020 มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 คนในวันที่ 24 พฤศจิกายนในการพยายามข้ามช่องแคบหลังจากเรือของพวกเขาจมลงใกล้เมืองกาแล องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานกล่าวว่านี่เป็น "การสูญเสียชีวิตคนเพียงครั้งเดียวที่มากที่สุดในช่องแคบ" ตาม [BBC News] ผู้แทนรัฐบาลจากฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียมได้พบกับเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรป แต่ไม่มีผู้แทนจากสหราชอาณาจักรในเมืองกาแลในวันที่ 26 พฤศจิกายน เพื่อหารือแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาวิกฤตที่กำลังดำเนินอย่างต่อเนื่องนี้ [Politico Europe] [Guardian] (ig/qc/pk) ความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปและไต้หวันทำให้เกิดความตึงเครียดกับจีน และนาโตจะไม่ตราหน้าจีนว่าเป็นปฏิปักษ์ ตามรายงานที่ระบุว่าสหภาพยุโรปยินดีที่จะกระชับความสัมพันธ์ของตนกับไต้หวันนั้น การเยือนเมืองหลวงไทเปของบรรดาสมาชิกรัฐสภายุโรปในเดือนพฤศจิกายนได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สมาชิกรัฐสภายุโรป 7 คนเยือนสาธารณรัฐจีนหรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อไต้หวัน เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน และได้พบปะกับประธานาธิบดีไต้หวัน ไช่ อิงเหวิน เพื่อแสดงความเป็นปึกแผ่นกับไต้หวัน “สำหรับความพยายามที่จะจัดการกับแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน” ในเดือนตุลาคม รัฐสภายุโรปได้รับรองข้อเสนอแนะต่อหัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการเมืองและความร่วมมือกับเจ้าหน ้าที่ในรัฐบาลไต้หวัน คำแนะนำดังกล่าวขอให้ “พิจารณาว่าไต้หวันเป็นคู่ค้าสำคัญและเป็นพันธมิตรในระบอบประชาธิปไตยในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกด้วยคุณสมบัติของไต้หวันเอง” ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปส่วนใหญ่ไม่มีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไต้หวัน และการเยือนครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเป็นหุ้นส่วนอย่างเป็นทางการมากขึ้น นักวิจารณ์กล่าวว่าสหภาพยุโรปกำลังถูกครอบงำมากขึ้นในเรื่องอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนที่มีต่อการเมืองยุโรป การบิดเบือนข้อมูล และการโจมตีทางไซเบอร์ [Al Jazeera] รัฐบาลจีนตอบโต้การเยือนดังกล่าวโดยกล่าวว่าสหภาพยุโรปควรแก้ไข “ความผิดพลาด” ของตน และเตือนว่าประเทศในยุโรปจะ “จ่ายราคา” สำหรับการดำเนินการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขึ้นกับไต้หวัน [Politico Europe] สาธารณรัฐประชาชนจีนถือว่าไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งมากกว่าเป็นประเทศเอกราช แม้ว่าดินแดนนั้นจะอยู่นอกการควบคุมด้านการบริหารของตน การเยือนสาธารณรัฐจีนของสมาชิกรัฐสภายุโรปเกิดขึ้นหลังจากการเยือนยุโรปของรัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน โจเซฟ หวู่ ซึ่งเขาได้จัดประชุมลับกับเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปในระหว่างการเยือนด้วย [Politico Europe] แม้จะมีความตึงเครียดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ประธานคณะกรรมาธิการการทหารของนาโตได้ปฏิเสธที่จะระบุว่าจีนเป็น “ปฏิปักษ์” หรือ “ศัตรู” ในเอกสารยุทธศาสตร์ที่กำลังจะมีขึ้นของพันธมิตร เนื่องจากไม่มีภัยคุกคามต่อขอบเขตผลประโยชน์ของนาโตโดยตรงในปัจจุบัน [Defense News] ในเดือนมิถุนายน ประมุขแห่งรัฐและรัฐบาลจากประเทศสมาชิกนาโตกล่าวในแถลงการณ์ว่า “ความทะเยอทะยานของจีนและพฤติกรรมที่รุกรานที่ระบุไว้ของจึนนำเสนอความท้าทายอย่างเป็นระบบต่อระเบียบระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนกฎและต ่อพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของพันธมิตร” (qc/pk) กรีซไม่พอใจข้อตกลงป้องกันประเทศระหว่างสเปนและตุรกีท่ามกลางความตึงเครียดภายในนาโต นายกรัฐมนตรีเปโดร ซันเชซแห่งสเปน และประธานาธิบดี เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน แห่งตุรกี ได้ตกลงที่จะส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่กระตุ้นให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากรัฐบาลกรีซ และเน้นย้ำความแตกแยกในระหว่างชาติสมาชิกนาโต ข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศในเดือนพฤศจิกายนมีขึ้นท่ามกลางข้อพิพาทเรื่องดินแดนที่มีมายาวนานระหว่างรัฐบาลกรีซและรัฐบาลตุรกี และการแข่งขันกันระหว่างฝรั่งเศสกับสเปนเพื่อแย่งชิงอิทธิพลในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก โฆษกรัฐบาลกรีซ ยานนิส อีโคโนโม แสดงความไม่พอใจต่อข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศ โดยเฉพาะกับสเปนซึ่งเป็นเพื่อนสมาชิกสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศของสเปน โฮเซ่ มานูเอล อัลบาเรส ให้ความมั่นใจแก่คู่เจรจาคือนายนิกอส เดนเดียส รัฐมนตรีต่างประเทศของกรีซ ว่าความเป็นปึกแผ่นของสเปนกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปนั้น “อยู่เหนือความสงสัย” อัลบาเรสกำลังเตรียมที่จะไปเยือนกรุงเอเธนส์เพื่อให้ “คำชี้แจง” เกี่ยวกับข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศกับตุรกี กระทรวงการต่างประเทศของสเปนกล่าวเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน [Ekathimerini] ในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว กรีซและตุรกี ซึ่งทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของนาโต เกือบจะเป็นศัตรูกันอันเนื่องจากการอ้างสิทธิ์ที่ขัดแย้งกันของแต่ฝ่ายต่อทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออ ก [Al Jazeera] ในปี 2020 เดนเดียสได้ส่งจดหมายถึงรัฐมนตรีต่างประเทศของสเปน อิตาลี และเยอรมนี เพื่อขอให้พวกเขาออกคำสั่งห้ามค้าอาวุธกับรัฐบาลตุรกี เขาขอให้พวกเขาไม่อนุญาตให้ส่งออกยุทโธปกรณ์ทางทหาร เช่น เครื่องบิน เรือดำน้ำ เรือฟริเกต และการอัพเกรดชุดเกราะเฉพาะ (specific armour upgrades) ไปยังตุรกี อิตาลีและสเปนเป็นผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ของยุโรปให้กับตุรกี [Euractiv] ข้อตกลงระหว่างสเปนและตุรกีเกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงฝรั่งเศส–กรีซเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งสองประเทศหลังให้สัตยาบันในกติกาสัญญาป้องกันร่วมกัน ข้อตกลงดังกล่าวให้คำมั่นว่าจะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันหากฝ่ายหนึ่งถูกโจมตีโดยประเทศที่สาม แม้ว่าประเทศที่สามจะเป็นสมาชิกของนาโตก็ตาม [Al Jazeera] รัฐบาลตุรกีกล่าวว่าข้อตกลงด้านความมั่นคงและการป้องกันระหว่างรัฐบาลฝรั่งเศสและรัฐบาลกรีซ “ข่มขู่จะทำอันตรายต่อพันธมิตรนาโต้” ในขณะเดียวกัน การขยายข้อตกลงด้านการป้องกันและความร่วมมือทางทหารระหว่างสหรัฐฯ และกรีซ ได้รับการตอบรับอย่างไม่กระตือรือร้นในรัฐบาลตุรกี ตุรกีถูกกีดกันไม่ให้ซื้อเครื่องบินขับไล่ เอฟ-35 ของสหรัฐฯ ที่มีเทคโนโลยีสูง เนื่องจากตุรกีได้ซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศ เอส-400 ของรัสเซียในปี 2019 [EiR Monthly November 2021] (ka/pk) ผู้แจ้งเบาะแสในการเปิดโปงเฟสบุ๊คกล่าวว่ากฎหมายการให้บริการดิจิทัลของสหภาพยุโรปจะถือเป็น “ระบบมาตรฐานหลัก” ในการกำกับดูแลเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ฟรานเซส เฮาเกน ผู้แจ้งเบาะแสในการเปิดโปงเฟสบุ๊คได้กล่าวถึงกฎหมายการให้บริการดิจิทัลของสหภาพยุโรปที่กำลังจะถูกบังคับใช้ว่าจะถือเป็น “ระบบมาตรฐานหลัก” ในการควบคุมช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ในขณะที่สหภาพยุโรปเองมีความพยายามที่จะกำกับดูแลเศรษฐกิจใหม่ในรูปแบบดิจิตอล [Euractiv] [Parliament Magazine] [Politico Europe] เฮาเกน ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเพิกเฉยของอดีตนายจ้างต่อวาทะสร้างความเกลียดชังและเนื้อหาที่ผิดกฎหมายในช่องทางเฟสบุ๊คผ่านการแถลงเม ื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนต่อสภายุโรป โดยกล่าวต่อสมาชิกสภายุโรปว่าการตัดสินใจโดยฝ่ายบริหารของเฟสบุ๊คนั้นถือเป็น “ปัญหาใหญ่สำหรับเด็ก ความปลอดภัยทางสาธารณะ และประชาธิปไตย” [Politico Europe] กฎหมายการให้บริการดิจิทัลคือความพยายามของสหภาพยุโรปที่จะบีบให้ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่นเฟสบุ๊คลงมือแก้ปัญหาในด้านเนื้อหาที่ผิดกฎหมายด้วยโทษปรับที่มีอัตรารุนแรง [Reuters] กฎหมายการให้บริการดิจิทัลได้ถูกรวมเข้ากับกฎหมายตลาดดิจิทัลเพื่อจุดประสงค์ที่จะกำกับดูแลช่องทางออนไลน์ที่รู้จักกันในนามว่า “ผู้เฝ้าประตู” เช่น กูเกิ้ล อเมซอน แอปเปิ้ล และเฟสบุ๊ค [Euractiv] [Politico Europe] เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน มาเกรท เวสเทเออร์ รองคณะกรรมาธิการยุโรปและหนึ่งในหัวหน้าการออกแบบกฎหมายดังกล่าว ได้กำหนดโทษแก่บริษัทกูเกิ้ลในการกระทำเมื่อปี 2017 ต่อการที่กูเกิ้ลมีพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขัน ซึ่งถูกพิพากษาโดยศาลทั่วไปแห่งสหภาพยุโรป [Euractiv] [EFF] (wb/qc/pk) แม้ความกังวลต่อจีน แต่แมร์เคิลเตือนถึงความเสียหายที่อาจเกิดจาดการแยกตัวทางเศรษฐกิจ แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหภาพยุโรปกำลังตกอยู่ท่ามกลางความตึงเครียดในเรื่องของการที่สหภาพยุโรปนั้นกล่าวหาการละเมิดสิทธิมนุ ษยชนโดยรัฐบาลกลางของจีน แต่นางแองเกล่า แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมนี ผู้มีลักษณะนิสัยที่เป็นกันเอง กลับได้กล่าวเตือนว่า “การแยกตัวทางเศรษฐกิจโดยสิ้นเชิง” จากยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียอาจส่งผลให้เกิดความเสียหาย แมร์เคิลอ้างผ่านการสัมภาษณ์กับสำนักงานข่าวรอยเตอร์ว่าแม้ความกังวลในเรื่องที่จีนนั้นมีการแฝงตัวเพื่อสืบข้อมูลจากรัฐบาลเยอรมนีหรือ มีการโจรกรรมด้านเทคโนโลยี แต่จีนนั้นก็เป็นผู้สนับสนุนหลักในด้านวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เธอกล่าวว่าเยอรมนีต้องทบทวนความเป็นหุ้นส่วนในบางด้านกับจีนเนื่องจากในช่วงแรกนั้น “การดำเนินการของความร่วมมือในบางเรื่องยังค่อนข้างขาดประสบการณ์” เธอได้เน้นย้ำถึงมาตรฐานการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเยอรมนี และกฎหมายใหม่ด้านความมั่นคงทางเทคโนโลยีซึ่งให้อำนาจรัฐบาลเยอรมนีในการคัดกรองบริษัท เช่น หัวเว่ยซึ่งเป็นบริษัทจากจีน ผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับเครือข่ายโทรคมนาคมที่ทันสมัย ในระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอันยาวนานเป็นเวลา 16 ปีของแมร์เคิลนั้น ปี 2016 เป็นปีที่จีนก้าวเข้ามาเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี ซึ่งก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเยอรมนีพึ่งพาทางฝ่ายจีนมากเกินไป [DW] [South China Morning Post] ในขณะเดียวกัน นายเยนส์ สปาห์น รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของเยอรมนีได้เรียกร้องให้มีการอภิปรายในเรื่องการหาหนทางลดการพึ่งพาที่เพิ่มขึ้นต่อแผ่นดินใหญ่เช่น ประเทศจีน เขายังได้เรียกร้องให้ทางเยอรมนีและสหภาพยุโรปกระจายการค้าไปในประเทศและภูมิภาคอื่นๆ [Reuters] (dql/pm/pk) สหภาพยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เห็นพ้องกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าท่ามกลางความกังวลที่มีต่อจีน เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสจากสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่นเห็นพ้องกันที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการค้า เพื่อเผชิญหน้ากับ “ความท้าทายของโลกซึ่งเกิดขึ้นจากระบบเศรษฐกิจที่มิใช่ระบบตลาดและหลักการปฏิบัติของประเทศนอกกลุ่ม” ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวนั้นสื่อถึงทางฝ่ายจีน [European Commission] [Mainichi] [South China Morning Post] ในขณะเดียวกัน นายชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป มีเป้าหมายที่จะส่งเสริมการค้าด้านสินค้าอุตสาหกรรมและความยั่งยืนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกผ่านการเข้าพบกับ นาย ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นักวิพากษ์วิจารณ์ต่างมองว่าการเยือนประเทศญี่ปุ่นของนายมิเชลถือเป็นสัญญาณล่าสุดของการแสดงความกังวลจากสหภาพยุโรปต่อผลการคุกคามจากอ ิทธิพลของจีนที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค [Kyodo News] (ec/pm/pk) ผู้นำสามประเทศสมาชิกเห็นพ้องกันที่จะจัดตั้งคณะกรรมมาธิการการดำเนินงานของข้อริเริ่มบอลข่านเสรี นายเอดี้
รามา นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐแอลเบเนีย นายอเล็กซานดาร์ วูชิช ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเซอร์เบีย และนายนิโคลา
ดิมิทรอฟ รองนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐมาซิโดเนียเหนือ เห็นพ้องกันที่จะจัดตั้งคณะกรรมมาธิการเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ ข้อริเริ่มบอลข่านเสรี ซึ่งแต่เดิมนั้นรู้จักกันในนามว่า “เชงเกนย่อยแห่งบอลข่าน” เป็นผลสืบเนื่องมาจากกระบวนการรวมตัวอันเป็นที่ยืดเยื้อของสหภาพยุโรปในกลุ่มประเทศบอลข่านตะวันตก ข้อริเริ่มดังกล่าวมีจุดประสงค์ที่จะสร้างการรวมกลุ่มของภาคการตลาดและมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าและประชากรอย่างเส รีระหว่างประเทศสมาชิกภายในปี ค.ศ. 2023 [Euronews] การประชุมดังกล่าวถูกจัดที่กรุงเบลเกรดเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดี วูชิช ได้กล่าวว่าจะมีการจัดการประชุมขึ้นอีกครั้งภายในปลายปีนี้ซึ่งจะมีการลงนามของประเทศสมาชิกต่อบันทึกความเข้าใจในเรื่องของใบอนุญาตการ ทำงาน นายกรัฐมนตรีรามา กล่าวว่าตัวเขานั้นเห็นแย้งกับเหตุผลในการปฏิเสธการเข้าร่วมข้อริเริ่มของ สาธารณรัฐคอซอวอ มอนเตเนโกร และ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา โดยนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐแอลเบเนียได้ส่งคำเชิญให้เข้าร่วมข้อริเริ่มแล้วอีกครั้งหนึ่ง[Euractiv] นาย อัลบิน กูร์ติ นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐคอซอวอ ได้ปฏิเสธการเข้าร่วมข้อริเริ่มบอลข่านเสรีโดยให้เหตุผลว่า ข้อริเริ่มดังกล่าวเป็นการเปิดช่องให้รัสเซียและจีนเข้ามาสร้างอิทธิพล “และยังเป็นการเปิดช่องทางเสรีให้แก่การทุจริต เผด็จการ และอาชญากรสงคราม” ในขณะเดียวกันมอนเตเนโกร และ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาได้ให้ถ้อยแถลงว่ามิได้เห็นข้อริเริ่มดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อประเทศของพวกเขา เพราะข้อตกลงทวิภาคีที่ได้ทำไว้แล้วนั้นครอบคลุมไปถึงการอำนวยความสะดวกของเรื่องการค้าและการท่องเที่ยว [Euronews Albania] [Balkan Insight] (ec/qc/pk) อาร์เมเนีย และอาเซอร์ไบจานเห็นพ้องในการใช้มาตราการหยุดยิงหลังจากเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดน นาร์กอโน-คาราบัค หลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนระหว่างแดนอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน ทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันที่จะกลับมาใช้มาตรา การการหยุดยิงเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ความรุนแรงดังกล่าวซึ่งได้ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนและถูกยืดเยื้อออกไปเป็นเวลาหลายวันเป็นเหตุการณ์ปะทะที่ร้ายแรงที่สุดของสงค รามในดินแดนแทรกนาร์กอโน-คาราบัค นับตั้งแต่ปีก่อนที่ได้มีการทำข้อตกลงสันติภาพซึ่งประสานงานโดยรัสเซีย[Reuters] อาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานต่างได้จัดพิธีรำลึกสงครามที่เกิดขึ้นหกสัปดาห์ในการชิงดินแดนนาร์กอโน-คาราบัคเมื่อปี 2020 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตม ากกว่า 6,000 ศพจากทั้งสองประเทศ [RFE/RL] การเปิดการต่อสู่อีกครั้งในบริเวณชายแดนถือเป็นการละเมิดต่อมาตราการการหยุดยิง โดยอาเซอร์ไบจานชี้แจงว่าทหารทางฝ่ายอาร์เมเนียได้ “กระทำการยุยงในวงกว้าง” ในขณะที่อาร์เมเนียกล่าวว่ากองกำลังทางทหารของฝ่ายอาเซอร์ไบจานได้ “พยายามที่จะรุกเข้ามาในบริเวณพรมแดนระหว่างประเทศของอาร์เมเนีย” [Al Jazeera] นายวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย ได้เป็นเจ้าภาพในการเจรจาหารือในเรื่องของพรมแดนในบริเวณดินแดนแทรกนาร์กอโน-คาราบัค แทรกเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนระหว่าง นาย นิโคล พาชิเนียนนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐอาร์เมเนีย และนาย อิลฮัม แอลีเยฟ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน [Euronews] คาดการณ์ว่าทั้งฝ่ายนายพาชิเนียนและนายแอลีเยฟ พร้อมผู้แทนจากสหภาพยุโรป จะมีการพบปะกันอีกครั้งในเดือนธันวาคม ณ กรุงบรัสเซลล์ เพื่อพูดคุยกันในเรื่องของความขัดแย้งในดินแดนนาร์กอโน-คาราบัค (qc/pk) กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปตะวันตก ![]() ฝรั่งเศส: สนามเลือกตั้งประธานาธิบดีคึกคักเมื่อประธานาธิบดีมาครงเลื่อนการประกาศลงเข้าชิงตำแหน่ง จำนวนผู้ลงสมัครเพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นผลมาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศสจะมีขึ้นใ นอีกห้าเดือนตามกำหนดการในเดือนเมษายน 2022 นายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสยังมิได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการเข้าลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ทำให้ความสนใจถูกเบนไปว่าบุคคลใดจะเป็นคู่แข่งหลักของเขา รวมไปถึงการเข้าลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งในวาระสุดท้ายของบุคคลภายนอกเช่น นายเอริค เซมมูร์ นักเขียนฝ่ายการเมืองขวาจัดและยังเป็นบุคคลในสื่อสาธารณะ เอมมานูเอล มาครงยังคงจำเป็นที่จะต้องประกาศว่าเขานั้นจะลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในเดือนเมษายนหรือไม่ สำหรับภายในพรรค La République En Marche เขายังได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามด้วยคะแนนเสียงจากเจ้าหน้าที่ผู้ผ่านการเลือกจากระดับท้องถิ่นประมาณ 599 เสียง ประธานาธิบดี นายเอดัวร์ ฟีลิป อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ซึ่งได้จัดตั้งพรรคของตนเองไม่นานมานี้ ก็ได้ให้การสนับสนุนเอมมานูเอล มาครง ผ่านพันธมิตรนามว่า “พลเมืองร่วมด้วยกัน!” ซึ่งเข้าร่วมโดยนักเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบเป็นกลาง เช่น โมเดม และอาจีร์ [Monde] [Euractiv] [EiR Monthly November 2021] มารีน เลอ แปน ผู้เข้าชิงจากพรรคแรลลี่แห่งชาติซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัดที่มีชื่อเดิมว่าพรรคแนวร่วมแห่งชาติ ลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป ็นครั้งที่สาม โดยมีนโยบายว่าด้วยการอพยพและความมั่นคง เลอ แปนถือว่าเป็นคู่แข่งที่สำคัญของมาครงในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ [Politico Europe] แอนน์ ไฮดาลโก ผู้ว่าการแห่งกรุงปารีส ชนะการแข่งขันเพื่อเป็นผู้เข้าชิงจากพรรคสังคมนิยมเมื่อเดือนตุลาคม
โดยกว่าร้อยละ 72 ของพรรคลงคะแนนให้เธอเป็นผู้เข้าลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
ไฮดาลโกดำรงตำแหน่งผู้ว่าการแห่งกรุงปารีสตั้งแต่ปี 2014 และรู้จักกันเป็นอย่างดีในเรื่องของการแก้ปัญหามลภาวะจากยานพาหนะในเมืองหลวง เธ
อต้องเผชิญหน้ากับความพยายามที่จะกอบกู้ความไว้วางใจของผู้โหวตที่มีต่อพรรคสังคมนิยมเนื่องจากคะแนนนิยมได้ลดลงอย่างมากในช่วงการดำรงต
ำแหน่งประธานาธิบดีหนึ่งสมัยของนายฟรองซัวส์ ฌอง-ลุค เมเลงชอน เป็นผู้ลงสมัครเข้าชิงจากพรรคการเมืองซ้ายจัดนามว่ากบฏฝรั่งเศส รุกขึ้นมาเป็นอันดับที่สี่ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุดและพบว่าเขาได้รับผลโหวตเป็นอัตราร้อยละ 10 จากการสำรวจความคิดเห็นในปั จจุบัน จุดยืนหลักของเขาคือด้านปัญหาสังคมและค่าครองชีพในฝรั่งเศสที่มีราคาสูง [Euronews] พรรคกรีนได้เลือก ยานนิก จาโด เป็นผู้ลงสมัครเข้าชิง
จาโดมิใช่ผู้เล่นหน้าใหม่ในสนามการเมืองด้วยเขานั้นเป็นสมาชิกของสภายุโรปอยู่แล้ว พรรคกรีนมีชัยชนะอย่างมากในการเลือกตั้งระดับท้องถิ
่นที่ผ่านมาทั้งในบอร์โดและลียง แต่ยังคงต้องแข่งขันกับพรรคสังคมนิยมและ พรรคอนุรักษนิยมซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายขวายังมิได้ทำการเลือกผู้เข้าชิงในการลงสมัคร อย่างไรก็ตาม เซเวียร์ เบทรอง ประธานสภาท้องถิ่นแห่งอิล เดอ ฟรองซ์ มิเชล บาร์นี อดีตคณะกรรมาธิการยุโรป และแวลารี แปเครส ประธานสภาท้องถิ่นแห่งโอดฟร็องส์ต่างลงสมัครเพื่อเป็นตัวแทนผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี [Le Monde] ฟรองซัว อัสเซลิโน ผู้ก่อตั้งพรรคสหภาพแห่งอนุรักษนิยมเป็นผู้ประกาศลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2022 เป็นคนแรก โดยเมื่อเมษายนของปี 2019 เขานั้นเคยประกาศเจตจำนงในการลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี [Connexion France] เอริค เซมมัวร์ สื่อการเมืองขวาจัดผู้เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาได้กล่าวว่าเขานั้นจะลงสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีถัดไป อย่างไรก็ตามเขานั้นยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการเป็นผู้เข้าชิง [Euractiv] เซมมัวร์เป็นที่รู้จักดีจากการให้ความเห็นอย่างเปิดเผยในเรื่องอิสลามและ “สังคมที่ถูกกระทบโดยสตรีนิยม” [Washington Post] จากผลสำรวจความคิดเห็นในปัจจุบันพบว่า เซมมัวร์ได้รับการโหวตเป็นอัตราร้อยละ 14 ซึ่งใกล้เคียงกับคู่แข่งหลังของมาครงซึ่งก็คือ มารีน เลอ แปนผู้ได้รับการโหวตเป็นอัตราร้อยละ 18 และเซมมัวร์ยังได้รับการโหวตที่มีอัตราสูงกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ เบทรอง จากพรรคการเมืองฝ่ายขวา (ร้อยละ 13) [Politico Europe] (ig/qc) ฝรั่งเศส: รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาเยือนปารีสหลังจากวิกฤตการณ์ทางการทูต กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาเยือนฝรั่งเศสเป็นเวลาห้าวันเพื่อหารือด้านสันติภาพระหว่างประเทศ สถานการณ์ในประเทศลิเบียและความมั่นคงทางไซเบอร์ การเยือนดังกล่าวเป็นเหตุมาจากข้อพิพาททางการทูตระหว่างสหรัฐฯและฝรั่งเศสในเรื่องข้อตกลงเรือดำน้ำของทางอังกฤษ-สหรัฐฯกับออสเตรเลียท ี่ทำให้ข้อตกลงระหว่างฝรั่งเศสและออสเตรเลียตกไป ในการนี้แฮร์ริสเป็นผู้ทรงเกียรติจากต่างชาติเพียงผู้เดียวที่ได้ปรากฎตัว ณ ประตูชัยของฝรั่งเศสในวันรำลึกการสิ้นสุดสงคราม [Politico Europe] แฮร์ริสพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการตอบคำถามจากผู้สื่อข่าวในเรื่องดังกล่าวแม้ว่าข้อพิพาทระหว่างสองประเทศจะเพิ่งเกิดขึ้น เธอได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวท่านหนึ่ง ณ ทำเนียบประธานาธิบดี ที่ถามว่าเธอนั้นจะ “ชดเชย” กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร ด้วยวลีที่ว่า “ฉันยินดีที่ได้มาที่ปารีส” [New York Times] แฮร์ริสได้ให้หลักประกันผ่านการเข้าพบนายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-ฝรั่งเศสอยู่บนพื้นฐานของการมองไปข้างหน้ามิใช้การมองไปข้างหลังและได้เห็นพ้องกั บประธานาธิบดีมาครงว่าการพบกันครั้งนี้ก่อให้เกิด “ยุคใหม่” ของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ [New York Times] แฮร์ริสได้เริ่มเยือนฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ณ สถาบันปาสเตอร์สถานที่ซึ่งมารดาของเธอได้มีส่วนในการวิจัยมะเร็งเต้านมในช่วงทศวรรษ 1980 หลังจากนั้นเธอได้เข้าร่วมการประชุมสันติภาพป ารีสที่มุ่งเน้นทางด้านระบบสุขภาพโลกในยุคการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเธอได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยความจำเป็นในการแก้ปัญหา “ความไม่เท่าเทียมที่เพิ่มขึ้นและความจำเป็นที่ผู้นำระดับโลกร่วมมือกันแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม” [France 24] ระหว่างวาระสุดท้ายของการเยือนที่มีเวลาจำกัดของเธอนั้น แฮร์ริสได้เข้าร่วมการประชุมในเรื่องของลิเบียเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน
โดยให้การสนับสนุนการจัดตั้งระบบรัฐสภาและการเลือกตั้งประธานาธิบดีในลิเบีย
ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นได้ถูกคัดค้านโดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวทาง (ig/qc) เยอรมนี: สามพรรคการเมืองเสนอข้อตกลงพรรคร่วมรัฐบาลภายหลังการเจรจาอันยาวนาน พรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย พรรคกรีน และพรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยได้เปิดตัวข้อตกลงพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งมีนามว่า “กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า” เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน หลังจากการเจรจาที่ยืดเยื้อนานร่วมเดือนของการหาฉันทามติในเรื่องของปัญหาสภาพภูมิอากาศและการเงิน [Tagesschau] การเจรจาร่วมกันเดิมเริ่มขึ้นเมื่อปลายเดือนตุลาคมแต่กลับถูกยืดเยื้อโดยพรรคกรีนไปจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน [Spiegel] [Euractiv] โดยทางพรรคให้เหตุผลของการล่าช้าดังกล่าวว่า “ความคืบหน้ามีเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับแก่นแท้ของปัญหา” โดยเฉพาะในเรื่องของ การปกป้องสภาพภูมิอากาศ นโยบายทางสังคมและเรื่องการเงิน [Süddeutsche Zeitung] ข้อพิพาททางด้านการจัดแจงตำแหน่งปรากฎในช่วงเริ่มต้นของการเจรจา โดย คริสเตียน ลินด์เนอร์ หัวหน้าพรรคพรรคเสรีนิยมประชาธิปไตย และ โฮเบิร์ต ฮาแบ๊ค ผู้นำร่วมจากพรรคกรีนต่างหวังที่จะได้เก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง [ZDF] ข้อตกลงขั้นสุดท้ายมีมติเอื้อให้พรรคพรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยได้ตำแหน่งในกระทรวงการคลังและกระทรวงอื่นๆ ในขณะที่พรรคกรีนได้ตำแหน่งในห้ากระทรวงประกอบไปด้วยกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงเกิดใหม่ที่ผนวกด้านเศรษฐกิจและการปกป้องสภาพภูมิอ ากาศเข้าด้วยกัน พรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยจะดำรงตำแหน่งในเจ็ดกระทรวงซึ่งรวมไปถึง กระทรวงกิจการภายใน กระทรวงแรงงาน และกระทรวงกิจการสังคม [Tagesschau] ประเด็นอื่นที่สำคัญในข้อตกลงคือการเพิ่มขึ้นของการปันส่วนพลังงานหมุนเวียนให้ถึงอัตราร้อยละ 80 ภายในปี 2030 และการกลับไปใช้กฎการกำหนดเพด านหนี้ค้าง พร้อมทั้งลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในขณะเดียวกัน แต่ละพรรคต่างเห็นพ้องกันในการลงทุนด้านขนส่งสาธารณะและการเพิ่มค่าแรง [FAZ] ข้อตกลงพรรคร่วมรัฐบาลยังคงต้องได้รับการอนุญาตอย่างเป็นทางการจากที่ประชุมระหว่างพรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยและพรรคสังคมนิยมประชาธิปไต ย รวมทั้งผลของประชามติภายในพรรคกรีนซึ่งล่าช้าไปหนึ่งวันจากเดิมที่วางแผนไว้เป็นวันที่ 26 พฤศจิกายน [Tagesschau] เนื่องจากข้อพิพาทเกี่ยวกับที่นั่งรัฐมนตรีภายในพรรค สมาชิกพรรคทั้งหมดจำนวน 125,000 คนสามารถทำการโหวตได้จนถึงวันที่ 6 ธันวาคม มีการคาดการณ์ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะแต่งตั้งให้นายโอลอฟ ชอล์ทซ์ เป็นนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์ที่สองของเดือนธันวาคม [Spiegel] ในขณะเดียวกันพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียนแห่งเยอรมนีซึ่งเป็นพรรคอนุรักษนิยมที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งในเดือนตุลาคม ประกาศว่าจะเลือกผู้นำพรรคใหม่ระหว่าง 4 ถึง 6 ธันวาคม จากการโหวตประมาณ 400,000 เสียงของสมาชิกพรรค [Politico Europe] ผู้เข้าชิงตำแหน่งคนปัจจุบันได้แก่ นอเบิร์ต รอทเกนต์ ที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศ เฮลเก บราวน์ รักษาการนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และเฟเดอริก เมอร์ซ สมาชิกของพรรคผู้เป็นทหารผ่านศึก [FAZ] [Spiegel] การเปลี่ยนผู้นำของพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียนแห่งเยอรมนีกำลังใกล้เข้ามา สมาชิกพรรคหวังที่จะได้เลือก ซัสสเกีย เอสเกน ผู้นำพรรคอย่างเป็นทางการคนปัจจุบันและ ลาร์ส คลิงก์เบล เลขาธิการพรรค เป็นผู้นำร่วมใหม่สำหรับพรรคในต้นเดือนธันวาคม [FAZ] (mm/qc) เยอรมนี: หน่วยงานของรัฐบาลกลางระงับกระบวนการรับรองของโครงการนอร์ดสตรีม 2 หน่วยงานเครือข่ายของรัฐบาลกลางซึ่งกำกับดูแลเรื่องของพลังงานในเยอรมนีได้ระงับกระบวนการการรับรองท่อส่งแก๊สของโครงการนอร์ดสตรีม 2 ซึ ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อส่งแก๊สจากรัสเซียสู่เยอรมนีผ่านคาบสมุทรบอลติก ท่อส่งแก๊สดังกล่าวที่กำลังเป็นที่ถกเถียงนั้นจะเปิดให้บริการมิได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐบาลกลาง [FAZ] หน่วยงานของรัฐบาลกลางกล่าวว่าการเปิดใช้งานท่อส่งแก๊สของโครงการนอร์ดสตรีม 2เอจี ซึ่งดำเนินการโดยสวิตเซอร์แลนด์ จะต้องถูกจัดระเบียบภายใต้กฎหมายของเยอรมนีก่อนที่จะดำเนินขั้นตอนการรับรอง ทางบริษัทท่อส่งแก๊สซึ่งถูกควบคุมโดยองค์กรทางด้านพลังงานของรัสเซียนามว่า “แก๊สพรอม” เป็นหลักได้แถลงว่าจะแก้ไขปัญหาโดยจัดตั้งบริษัทลูกในเยอรมนี [Spiegel] ถ้อยแถลงของหน่วยงานรัฐบาลกลางนั้นได้ก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของราคาแก๊สทั่วยุโรป อีกทั้งยังเพิ่มความรุนแรงให้วิกฤตการณ์ด้านพลังงานและความหวาดกลัวต่อความมั่นคงทางพลังงานของยุโรปเมื่อเริ่มก้าวสู่ฤดูหนาว [Tagesschau] ที่ผ่านมาบางประเทศในยุโรปเช่นโปแลนด์และลิทัวเนีย รวมถึงสหรัฐอเมริกาได้กล่าวหารัสเซียว่าจงใจในการส่งแก๊สในระดับต่ำเพื่อบีบบังคับให้เปิดใช้โครงการนอร์ดสตรีม 2ซึ่งรัสเซียก็ได้ปฏิเสธ ข้อกล่าวหาทั้งหมด [RFE/RL] [Handelsblatt] มุมมองในด้านการพึ่งพาที่เพิ่มขึ้นของยุโรปต่อรัสเซียนั้นเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้โครงการดังกล่าวเป็นที่ถกเถียง [Economist] สหรัฐอเมริกานั้นได้ออกมาแสดงอย่างชัดเจนถึงความกลัวที่รัสเซียจงใจใช้ท่อส่งแก๊สในการ “สร้างความแตกแยกและบ่อนทำลายความมั่นคงทางพลังงานของยุโรป” [Guardian] สหรัฐฯได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรในปี 2019 เพื่อบีบให้ยุติการก่อสร้างท่อส่งแก๊สดังกล่าวและประกาศมาตราการคว่ำบาตรใหม่แก่หน่วยงานที่มีส่วนเช ื่อมโยงของโครงการนอร์ดสตรีม 2 เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน [Zeit] [Zeit] กลุ่มประเทศในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะยูเครนและโปแลนด์ ได้แสดงความกังวลถึงด้านการทหารและความมั่นคงผ่านการดำเนินงานของโครงการนอร์ดสตรีม 2 โดยกลัวรัสเซียจะแข็งกร้าวขึ้นเนื่องจากท่อส่งแก๊ส ดังกล่าวจะทำให้ประเทศของพวกเขาเป็นทางผ่านของรัสเซีย [Deutsche Welle] แองเกล่า แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมนีได้ออกปกป้องโครงการดังกล่าวท่ามกลางความลำบากที่เกิดขึ้นและพยายามให้การยืนยันเพื่อบรรเทาความกังวลของยูเครน ว่าแก๊สจะถูกส่งไปยังยูเครนอย่างต่อเนื่อง [Tagesschau] ปัญหาของโครงการนอร์ดสตรีม 2 ได้ส่งผลให้เกิดความแตกแยกของพรรการเมืองซึ่งก่อให้เกิดข้อตกลงของพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งลงมติในสัปดาห์นี้ ทางพรรคกรีนและพรรคเสรีประชาธิปไตยได้แสดงข้อคัดค้านต่อโครงการดังกล่าวในขณะที่พรรคสังคมประชาธิปไตยเยอรมนีได้แสดงความเห็นชอบ [Tagesschau] อย่างไรก็ตามแต่ละพรรคตัดสินใจที่จะงดหารือในเรื่องของโครงการนอร์ดสตรีม 2 ระหว่างการเจรจา [Spiegel] (mm/qc) ไอร์แลนด์ : ผลสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่า พรรคชาตินิยม Sinn Féin ได้รับการสนับสนุน พรรคชาตินิยมฝ่ายค้าน Sinn Féin ได้รับคะแนนเพิ่มสูงขึ้นในผลสำรวจความคิดเห็น ซึ่งมีโอกาสสูงที่พรรคฯ จะได้จัดตั้งรัฐบาลในสมัยต่อไป แม้ว่าพรรคฯ จะมีสัมพันธ์เชื่อมโยงกับกองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์ (Irish Republican Army – IRA) ก็ตาม หากสิ่งนี้เกิดขึ้น จะถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไอริชที่รัฐบาลนำโดยพรรคฝ่ายซ้าย ผลสำรวจความคิดเห็นครั้งใหม่จากหนังสือพิมพ์ Sunday Times แสดงให้เห็นว่าพรรค Sinn Féin ได้รับการสนับสนุนอย่างสูง โดยได้รับเสียงสนับสนุนที่ร้อยละ 37 ขณะที่พรรคคู่แข่งหลัก ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวา-กลาง Fine Gael ได้รับเสียงสนับสนุนที่ร้อยละ 21 และพรรค Fianna Fáil ที่ร้อยละ 20 [Journal] นอกจากนี้ ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี ค.ศ. 2020 ทั้ง 3 พรรค ได้รับคะแนนเสียงเกือบจะเท่ากัน ซึ่งทำให้เห็นว่าการทะยานขึ้นของพรรค Sinn Féin นั้น มีนัยสำคัญยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม พรรค Sinn Féin มีอดีตที่เป็นที่ถกเถียง เนื่องจากพรรคฯ เป็นเสมือนปีกทางการเมืองให้แก่กองทัพ IRA และสนับสนุนการต่อสู้ติดอาวุธเพื่อต่อต้านการปกครองของอังกฤษในไอร์แลนด์เหนือ ในช่วงทรับเบิลส์ (Troubles) ปี ค.ศ. 1968 – 1998 ทั้งนี้ กองทัพ IRA ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มขององค์การก่อการร้าย ทั้งในไอร์แลนด์และต่างประเทศ และสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งของพรรค Sinn Féin หลายคน เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนหน้านี้ในความผิดฐานก่อการร้าย [Irish Times] รวมทั้งมีข้อกล่าวหาว่า นายGerry Adams หัวหน้าพรรคฯ ช่วงปี ค.ศ. 1983 – 2018 เคยเป็นสมาชิกอาวุโสของกองทัพ IRA อย่างไรก็ดี เขาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้เสมอ [Irish Times] พรรค Sinn Féin ไม่เหมือนพรรคชาตินิยมอื่นในยุโรป เพราะพรรคฯ ไม่ใช่พรรคการเมืองที่ต่อต้านผู้อพยพ หรือมีแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรป (Eurosceptic) แต่พรรค Sinn Féin นั้น เป็นพรรคฝ่ายซ้ายและต่อต้านเบร็กซิต (Brexit) ทั้งนี้ นาง Mary Lou McDonald หัวหน้าพรรคฯ ได้พยายามที่จะพัฒนาภาพลักษณ์ใหม่ และทำให้ไปไกลเกินกว่าแกนชาตินิยมดั้งเดิมของพรรคฯ โดยพรรค Sinn Féin มีฐานเสียงเป็นเยาวชน ชนชั้นแรงงาน และผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่อาศัยอยู่บริเวณพรมแดนไอร์แลนด์เหนือ แต่ผลสำรวจความคิดเห็นหลายครั้ง แสดงให้เห็นว่าพรรคฯ เริ่มได้รับการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่เป็นชนชั้นกลางด้วยแล้ว การสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นของพรรค Sinn Féinเชื่อมโยงกับการเรียกร้องให้รัฐเข้ามาแทรกแซงทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดหาที่อยู่อาศัยและการดูแลสุขภาพถ้วนหน้า แม้ว่านักวิจารณ์จะกล่าวหาว่าเป็นประชานิยมและไม่เคารพสถาบันต่าง ๆ ของรัฐ [Irish Examiner] การเมืองไอริชมักถูกนำโดยพรรคฝ่ายขวา-กลาง Fianna Fáil และ Fine Gael ซึ่งตกลงที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสมเป็นครั้งแรก เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งก็เพื่อป้องกันไม่ให้พรรค Sinn Féin ได้อำนาจไปได้ หากแนวโน้มในการสำรวจความคิดเห็นยังมีอยู่ พรรค Sinn Féin จะทำลายการนำของทั้งสองพรรคลง และเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็นผู้นำของรัฐบาลสมัยต่อไป ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นพรรครัฐบาลฝ่ายซ้ายแรกของไอร์แลนด์ แต่ยังเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลจะนำโดยผู้นำหญิง นั่นคือหัวหน้าพรรค Sinn Féin นาง Mary Lou McDonaldทั้งนี้ พรรคฯ ได้ให้คำสัญญาหลักไว้ว่า จะเปิดสำรวจความคิดเห็นในประเด็นพรมแดน เพื่อให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงในไอร์แลนด์เหนือ ได้มีสิทธิเลือกว่าพวกเขาปรารถนาที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักรต่อไป หรือมาร่วมกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ขณะที่เป้าหมายแห่งการเป็นไอร์แลนด์หนึ่งเดียว (United Ireland) ถือเป็นความฝันของประชากรไอริชคาทอลิคมาอย่างยาวนาน แต่ความฝันนี้ กลับถูกคัดค้านโดยประชากรบริทิชโปรเตสแตนต์ [Irish Examiner] (rn) เนเธอร์แลนด์ : ประเด็นกฎหมายความเป็นส่วนตัว และการสอดส่องของทหาร เพิ่มความกังวลในการเมืองดัตช์ หน่วยงานด้านการคุ้มครองข้อมูลของเนเธอร์แลนด์ แสดงความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายใหม่ ซึ่งอนุญาตให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างรัฐบาลและสถาบันเอกชนได้ ในประเด็นอาชญากรรมทางการเงินที่ถูกกล่าวหา [NOS] ขณะที่ธนาคารและรัฐบาลเห็นชอบกับความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น และการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มากขึ้น เพื่อที่จะต่อสู้กับการฉ้อโกงและการก่ออาชญากรรมที่ทำเป็นระบบ ก็มีความหวาดกลัวว่า กฎหมายนี้ จะพุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนจำนวนมากที่เป็นผู้ต้องสงสัย โดยปราศจากเหตุอันสมควร ประธานแห่งหน่วยงานด้านการเฝ้าระวังความเป็นส่วนตัว ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนดัตช์ว่า “กฎหมายนี้ กว้าง คลุมเครือ และมีขอบเขตมาก ซึ่งทำให้ประชาชนต้องหวาดกลัวถึงประเด็นใหม่ เช่น เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับผลประโยชน์” [NOS] ทั้งนี้ เรื่องอื้อฉาวว่าด้วยผลประโยชน์เกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้ หลังจากที่หลายครอบครัวถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ ว่า ฉ้อโกงโครงการค่าเลี้ยงดูบุตรของรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ทำให้คณะรัฐมนตรีต้องยุติบทบาทลงในเดือนมกราคมที่ผ่านมา [EiR Monthly November 2021] ต่อมาเดือนในเดือนพฤศจิกายน ศาลปกครองเนเธอร์แลนด์ ได้ออกมาขอโทษเหยื่อในเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับผลประโยชน์ดังกล่าว เนื่องจากการคุ้มครองทางกฎหมายที่ไม่เพียงพอ ขณะที่คณะกรรมาธิการของสภา ได้กล่าวว่า “หลักการพื้นฐานของหลักนิติธรรมได้ถูกละเมิดแล้ว” [Dutch News] [AD] ร่างกฎหมายการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แม้ว่าหน่วยงานการคุ้มครองข้อมูลจะออกมาเตือนแล้วก็ตาม ขณะนี้ วุฒิสภากำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาได้ขอให้หน่วยงานด้านการคุ้มครองข้อมูลทำการประเมินกฎหมายดังกล่าวโดยละเอียดยิ่งขึ้น [Dutch News] นอกจากนี้ ในเดือนพฤศจิกายน กระทรวงกลาโหมของเนเธอร์แลนด์ ก็อยู่ภายใต้การตรวจสอบจากการเก็บรวบรวมข้อมูลของพลเมือง ซึ่งได้ละเมิดกฎความเป็นส่วนตัวของประเทศฯ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายจะระบุว่า มันไม่มีฐานกฎหมายหรือข้อบัญญัติในการรวบรวม ประเมิน และวิเคราะห์ข้อมูลในช่วงการระบาดใหญ่ในปี ค.ศ. 2020 แต่อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานทหารต่าง ๆ ก็ไม่สั่งให้ทหารหยุดติดตามพฤติกรรมของกลุ่มผู้ประท้วงที่ต่อต้านการฉีดวัคซีน และกลุ่มผู้ประท้วงอื่น ๆ [Computable] [NOS] (qc) สหราชอาณาจักร : ศาลฎีการะงับคดีติดตามโทรศัพท์กับบริษัทกูเกิล เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ศาลฎีกาสหราชอาณาจักรระงับคดีความกับกูเกิล เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลในทางที่ผิด มูลค่า 3 พันล้านปอนด์ [Guardian] ซึ่งคดีความนี้ ถูกฟ้องร้องโดยนาย Richard Lloyd นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิผู้บริโภค ในปี ค.ศ. 2018 ในนามของประชาชนกว่า 4 ล้านคน ในอังกฤษและเวลส์ โดยนาย Lloyd ได้กล่าวหาว่าบริษัทกูเกิลติดตามข้อมูลของผู้ใช้อย่างผิดกฎหมาย ระหว่างปี ค.ศ. 2011 – 2012 [Reuters] ทั้งนี้ หากคดีความนี้ดำเนินต่อไป มันอาจจะกลายเป็นแบบอย่างให้ตัวแทนคนเดียวสามารถฟ้องร้องแทนคนนับล้าน โดยที่ผู้ได้รับผลกกระทบไม่จำเป็นต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือพิสูจน์ความเสียหายที่เฉพาะเจาะจงในกรณีของตน [BBC News] ศาลฯ มีมติเอกฉันท์ให้บริษัทกูเกิลยื่นอุทธรณ์ต่อคดีของนาย Lloyd โดยคำตัดสินระบุว่า บุคคลไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยจากบริษัทฯ หากพวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างแน่ชัดถึงความเสียหายทางวัตถุ ซึ่งจะกลายเป็นแบบอย่างที่ส่งผลต่อการกล่าวหาแบบเดียวกันต่อไป [Law Society Gazette] [Week] อาทิ คดีความแบบเดียวกันต่อติ๊กต็อก (TikTok) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสำหรับแบ่งปันวิดีโอ โดยนาง Anne Longfield อดีตคณะกรรมาธิการด้านเด็กแห่งประเทศอังกฤษ ได้ฟ้องร้องในนามของเด็กนับล้านคนในสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป และคดีนี้ ยังไม่ได้รับการตัดสินจากศาลฯ [BBC News] (wb/qc) สหราชอาณาจักร : การรณรงค์เพื่อเรียกร้อง และต่อต้านเอกราชของสกอตแลนด์ โอกาสที่จะเกิดการลงประชามติครั้งที่สองว่าด้วยเอกราชของสกอตแลนด์ ทำให้ขบวนการผู้สนับสนุนการรวมกับประเทศอื่น (pro-unionist) และผู้สนับสนุนเอกราช (pro-independence) เพิ่มการรณรงค์เพื่อให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงได้เห็นแนวคิดข องพวกเขาสำหรับอนาคตของสกอตแลนด์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าการลงประชามติเพื่อเอกราชของสกอตแลนด์ครั้งที่สองจะเกิดขึ้นเมื่อใด เพราะขณะนี้ พรรคแห่งชาติสกอตแลนด์ (Scottish National Party – SNP) ที่ปกครองสกอตแลนด์อยู่นั้น กำลังวุ่นวายกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) [BBC News] ทั้งนี้ ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา นาง Nicola Sturgeon นายกรัฐมนตรีสกอตแลนด์ ได้กล่าวว่า รัฐบาลของเธอตั้งใจที่จะจัดการลงประชามติเพื่อเอกราชของสกอตแลนด์ ภายในสิ้นปี ค.ศ. 2023 และรัฐบาลสกอตแลนด์จะดำเนินการจัดการลงประชามติฯ โดยยึดความเห็นชอบจากรัฐบาลอังกฤษ เฉกเช่นเดียวกับการลงประชามติครั้งที่หนึ่ง อย่างไรก็ดี รัฐบาลอังกฤษคัดค้านแนวคิดการจัดการลงประชามติครั้งที่สอง อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ที่จะเกิดการลงประชามติอีกครั้ง ได้ทำให้ประชาชาวชาวสกอตติชแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย โดยข้อมูลจากผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดแสดงให้เห็นว่า คำถามว่าด้วยเอกราชของสกอตแลนด์ คำตอบระหว่าง “ใช่” และ “ไม่” ถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนที่เกือบจะเท่า ๆ กัน โดยคำตอบ “ไม่” นำหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น [Institute of Government] ทั้งนี้ ในการปะทะกันระหว่าง 2 ฝ่าย เพื่อคะแนนเสียงส่วนใหญ่ ได้มีการอ้างว่า กลุ่มรณรงค์การรวมกับประเทศอื่น (pro-union) ได้รับการบริจาค ซึ่งอาจจะละเมิดกฎการหาทุนทางการเมือง นอกจากนี้ กลุ่มรณรงค์ที่มีชื่อว่า “สกอตแลนด์แมทเทอร์” (Scotland Matters) ได้รับเงินกว่า 46,000 ปอนด์ หรือราว 54,700 ยูโร ในช่วงใกล้การเลือกตั้งของสกอตแลนด์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จากศูนย์เพื่อการศึกษาและการฝึกฝนทางด้านเศรษฐกิจ (Centre for Economic Education and Training – CEET) “ที่คลุมเครือ” [Guardian] ซึ่งข้อมูลที่มีอยู่อย่างจำกัดเกี่ยวกับศูนย์ CEET และแรงจูงใจเบื้องหลังการบริจาคหลายครั้งนั้น ทำให้พบว่าศูนย์แห่งนี้ มีการใช้สมาคมอย่างไม่เป็นทางการต่าง ๆ บริจาคเงินทุน และเงินทุนส่วนใหญ่ถูกใช้ไปเพื่อการโฆษณาต่อต้านการเรียกร้องเพื่อเอกราชของสกอตแลนด์บนโซเชียลมีเดียและผ่านไปรษณีย์ [Times] การรณรงค์เพื่อการลงประชามติของสกอตแลนด์กำลังเข้มข้นขึ้น แม้ว่าการลงประชามติในปี ค.ศ. 2023 จะยังไม่ยืนยันก็ตาม ทั้งนี้ โครงการรณรงค์ของกลุ่มผู้สนับสนุนเอกราช (pro-independence) ต้องการตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ฉบับพิเศษสำหรับการลงคะแนนเสียง “ใช่” 1 ล้านฉบับ และเพื่อจะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น หนังสือพิมพ์ The National ของสกอตแลนด์ ได้ร่วมมือกับพรรครัฐบาลของนาง Sturgeon พรรค SNP และองค์กร“เชื่อในสกอตแลนด์” (Believe in Scotland) ซึ่งเป็นองค์กรการรณรงค์เพื่อเอกราชของสกอตแลนด์ [National] (yp/qc) กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปเหนือ ![]() ฟินแลนด์ : คณะกรรมาธิการพิสูจน์การเลือกปฏิบัติต่อชนพื้นเมือง Sámi รัฐบาลฟินแลนด์ได้ให้ไฟเขียวแก่คณะกรรมาธิการหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมาธิการนี้ จะสอบสวนการเลือกปฏิบัติและการละเมิดสิทธิชนพื้นเมือง Sámi จำนวน 10,000 คน อันเป็นผลมาจากนโยบายของทางการ ทั้งนี้ ชนพื้นเมือง Sámi ซึ่งกระจายอยู่ทั่วฟินแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน และรัสเซีย ตกอยู่ภายใต้นโยบายกลืนกลาย (assimilation policies) ซึ่งกร่อนเซาะวัฒนธรรมของพวกเขา [Arctic Today] คณะกรรมาธิการฟินแลนด์นี้ คาดว่าจะสรุปผลการสอบสวนได้ภายในระยะเวลา 2 ปี นอกจากนี้ อีกกว่า 40 ประเทศ ก็ได้ตั้งคณะกรรมาธิการสำหรับชนพื้นเมืองแบบเดียวกันขึ้นมาด้วยเช่นกัน อาทิ นอร์เวย์ ขณะที่สวีเดนก็พร้อมที่จะจัดตั้งองค์กรประเภทนี้ขึ้นเองด้วย [Euractiv] (pk) กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปกลาง ![]() ออสเตรีย : แผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ภาคบังคับ จุดประกายการวิพากษ์วิจารณ์และการประท้วง การตัดสินใจนำเสนอแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ภาคบังคับของประเทศออสเตรีย ที่เริ่มต้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวแรกโดยประเทศในสหภาพยุโรป และจุดประกายการวิพากษ์วิจารณ์ว่าด้วยการบังคับพลเมืองของตนปกป้องสุขภาพ จะทำให้ประชาธิปไตยไปได้ไกลแค่ไหน เนื่องจากยุโรปเป็นศูนย์กลางของการระบาดใหญ่ทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ออสเตรียจึงได้ออกมาตรการล็อกดาวน์ทั้งประเทศอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ตั้งแต่การระบาดฯ ได้เริ่มต้นขึ้น ทั้งนี้ หน่วยงานรัฐได้ออกคำสั่งให้ผู้พักอาศัยในออสเตรียอยู่บ้าน ยกเว้นกรณีที่พวกเขามีความจำเป็นอย่างยิ่ง อาทิ ออกไปทำงาน ออกกำลังกาย หรือออกไปซื้ออาหาร จึงจะสามารถออกจากบ้านได้ [Reuters] [BBC News] ผู้คนนับหมื่นพากันออกไปที่ถนนต่าง ๆ ในกรุงเวียนนา เพื่อที่จะแสดงความโกรธเคืองต่อข้อจำกัดและการฉีดวัคซีนภาคบังคับ โดยชาวออสเตรียที่ปฏิเสธการรับวัคซีนต้องเผชิญกับค่าปรับอย่างหนัก ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งทำให้นายกรัฐมนตรี Alexander Schallenberg ที่เพิ่งเข้าสู่ตำแหน่ง ได้รับการขู่ฆ่า ประธานาธิบดีออสเตรีย Alexander Van der Bellen จึงออกมาเตือนว่า กฎใหม่เหล่านี้ อาจจะยิ่งสร้างรอยร้าวแห่งความแตกแยกในสังคมออสเตรีย [Euractiv] ทั้งนี้ แผนการฉีดวัคซีนภาคบังคับ ถูกประกาศออกมาเนื่องจากแผนกผู้ป่วยหนักของออสเตรียหนาแน่นไปด้วยผู้ป่วยโควิด-19 และแผนการฯ ได้กระตุ้นให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นทั่วยุโรป โดยมีข้อถกเถียงหลักว่า ผู้ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีนจะต้องได้รับการกดดัน ขณะที่อีกฝ่ายยืนกรานว่า ประชาชนมีสิทธิที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของตัวพวกเขาเอง แม้ว่าจะเป็นช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 [Eurotopics] ด้านผู้อำนวยการภูมิภาคขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization) นาย Hans Kluge เตือนว่าโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัสอาจคร่าชีวิตกว่าครึ่งล้านภายในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ถ้ารัฐบาลต่าง ๆ ทั่วยุโรปไม่กระชับมาตรการต่อต้านโรคโควิด-19 [BBC News] (pk) โครเอเชีย : ศาลตัดสินให้ตำรวจมีความผิดฐานละเมิดสิทธิของเด็กหญิงชาวอัฟกัน ในกรณีการส่งกลับ ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (European Court of Human Rights) ได้ตัดสินว่า โครเอเชียละเมิดสิทธิของเด็กหญิงอัฟกัน วัย 6 ขวบ ซึ่งเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถไฟ หลังจากที่ตำรวจบังคับให้ครอบครัวของเธอออกจากประเทศโครเอเชีย โดยไม่ให้โอกาสในการสมัครขอลี้ภัย [Guardian] เด็กหญิง Madina Hussiny เสียชีวิตในความมืดบริเวณชายแดนโครเอเชีย - เซอร์เบีย ช่วงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2017 เป็นเวลา 1 ปีหลังจากที่ครอบครัวของเธอหนีออกจากอัฟกานิสถาน ในช่วงคลื่นผู้อพยพถาโถมเข้าสู่สหภาพยุโรป[BBC News] ทั้งนี้ การเสียชีวิตของเธอบนรางรถรถไฟได้เน้นย้ำให้เห็นถึงปัญหาการส่งกลับ (pushbacks) และทำให้สาธารณชนมุ่งความสนใจไปที่ปัญหาผู้ลี้ภัยในคาบสมุทรบอลข ่าน เนื่องจากผู้ลี้ภัยเหล่านี้ พยายามหาทางเข้าสู่ยุโรปตะวันตก [AP] เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ศาลฯ ตัดสินว่า โครเอเชียต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นจำนวนเงิน 40,000 ยูโร และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เป็นจำนวนเงิน 16,700 ยูโร แก่ครอบครัวของเด็กหญิง Madina Hussiny [Euractiv] อย่างไรก็ตาม ทางการโครเอเชียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าพวกเขาละเมิดสิทธิผู้ลี้ภัย ด้านรองผู้อำนวยการแห่งภูมิภาคยุโรป ประจำแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล นาย Massimo Morratti กล่าวว่า คำตัดสินของศาลฯ ยืนยันว่า “รายงานต่าง ๆ ว่าด้วยการส่งกลับ และการละเมิดอย่างกว้างขวางโดยตำรวจโครเอเชีย ได้รับการปฏิเสธซ้ำ ๆ จากทางการโครเอเชีย” เขายังกล่าวเพิ่มเติมต่อไปว่า คำตัดสินของศาลเป็นเสมือนข้อความที่ส่งไปยังรัฐบาลยุโรปอื่นด้วยว่า การส่งกลับ การขับไล่ (collective expulsions) และการปฏิเสธโอกาสของผู้ลี้ภัยในการสมัครขอลี้ภัย ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (European Convention on Human Rights) (pk) โครเอเชีย : หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์กับฝรั่งเศส โดยได้ลงนามในข้อตกลงการซื้อเครื่องบินขับไล่ โครเอเชียและฝรั่งเศสได้ลงนามความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ และข้อตกลงภายใต้เงื่อนไขที่ว่ารัฐบาลโครเอเชียจะซื้อเครื่องบินรบรุ่น Rafale ที่ใช้แล้ว 12 ลำ ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นจำนวนเงินเกือบ 1 พันล้านยูโร ความตกลงนี้ได้รับการลงนามในช่วงที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นาย Emmanuel Macron เดินทางไปยังเมืองหลวงของโครเอเชีย เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน โดยนายกรัฐมนตรีโครเอเชีย นาย Andrej Plenković ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า การหารือกับนาย Macron ถือเป็นการเริ่มต้นก้าวใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งทั้งสองประเทศต่างเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organization – NATO) [Xinhua] ทั้งนี้ โครเอเชียไม่ต้องการที่จะเดินตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเซอร์เบียในด้านความสามารถทางการทหาร ซึ่งเซอร์เบียนั้น เป็นพันธมิตรของรัสเซีย และเมื่อไม่นานมานี้ เซอร์เบียได้สั่งเครื่องบินรบรุ่น MiG-29 ที่ใช้แล้ว 6 ลำ ของรัสเซีย และเครื่องบินแบบเดียวกันอีก 4 ลำจากเบลารุส [France 24/AP] (pk) ฮังการี: ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปตัดสินว่า กฎหมาย 'Stop Soros' เกี่ยวกับผู้อพยพ ขัดต่อหลักการ การเคลื่อนไหวของฮังการีที่กำหนดให้การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยและผู้อพยพยื่นขอลี้ภัยเป็นการกระทำความผิดทางอาญา ถือเป็นการละเม ิดกฎหมายของสหภาพยุโรป ศาลแห่งสหภาพยุโรปได้ทำการตัดสิน คําตัดสินของศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปเป็นผลเสียต่อนายกรัฐมนตรีฝ่ายขวาของฮังการี Viktor Orbán ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นํายุโรปที่เปิดเผยเรื่องการต่อต้านการย้ายถิ่น ปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวกับการลี้ภัยให้มีความเข้มงวด หลังเกิดวิกฤตผู้อพยพในยุโรปปี 2015 [Euronews] [Reuters]. ออร์บันกล่าวหาว่านักการเงินชาวฮังการีและชาวอเมริกันจอร์จ โซรอสและกลุ่มที่เกี่ยวกับเขาส่งเสริมผู้อพยพ สามปีที่แล้วรัฐบาลในกรุงบูดาเปสต์ได้นํามาตรการที่ขนานนามว่ากฎหมาย "หยุดโซรอส" ซึ่งกำหนดให้ช่วยเหลือผู้อพยพเพื่อยื่นขอลี้ภัยเป็นการกระทำความผิดทางอาญา [AP] ศาลยุติธรรมแห่งสภหาพยุโรปกล่าวเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนว่ากฎหมายฮังการีจํากัด "ประสิทธิภาพของสิทธิที่ผู้ลี้ภัยมี กล่าวคือสิทธิในการได้รับคำแนะนำ หรือปรึกษาด้านกฎหมายหรือที่ปรึกษาอื่น ๆ ได้โดยมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเอง" นอกจากนี้ ยังเสริมว่าการกำหนดให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดทางอาญา "ขัดขวางการใช้สิทธิที่ได้รับการคุ้มครองโดยสภานิติบัญญัติของสหภาพยุโรปในส่วนที่เกี่ยวกับความช่วยเหลือของผู้ยื่นลี้ภัยเพื่อการคุ้มค รองระหว่างประเทศ" การปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยและผู้อพยพของรัฐบาลฮังการีทำให้เกิดการปะทะกันหลายครั้งกับคณะกรรมาธิการยุโรป ผู้บริหารของกลุ่มและพันธมิตรสหภาพยุโรปของบูดาเปสต์หลายฝ่าย [AP] หากฮังการีไม่ปฏิบัติตามคําตัดสินของศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปและปฏิเสธที่จะเปลี่ยนหรือถอนกฎหมายที่เป็นที่ขัดแย้งดังกล่าว คณะกรรมาธิการยุโรปสามารถขอให้ศาลกําหนดบทลงโทษทางการเงินได้ [Euronews] (pk) ฮังการี: หัวหน้าฝ่ายค้านเรียกร้องให้มีท่าทีแบบสนับสนุนยุโรป ระมัดระวังรัสเซีย และจีน ผู้นําฝ่ายค้านฮังการี Péter Márki-Zay ได้เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศโดยกล่าวว่าประเทศควรส่งสัญญาณว่า "ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของยุโรปจริง ๆ " และเข้าร่วมสถาบันอื่น ๆ เช่น สํานักงานอัยการยุโรป (Politico Europe) Márki-Zay ได้รับเลือกจากพันธมิตรของหกพรรคฝ่ายค้านในเดือนตุลาคมเพื่อแข่งขันการเลือกตั้งรัฐสภาของฮังการีในฤดูใบไม้ผลิ เขาตั้งเป้าที่จะเข้าชิงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีจาก Viktor Orbán ซึ่ง ถูกกล่าวหาว่าบ่อนทําลายบรรทัดฐานประชาธิปไตยและ ได้กระทบกระทั่งกับสหภาพยุโรปซ้ำแล้วซ้ำอีก [EiR ประจําเดือน พฤศจิกายน 2564] ในการเยือนบรัสเซลส์อย่างเป็นทางการครั้งแรกในฐานะผู้นําฝ่ายค้านในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน Márki-Zay นายกเทศมนตรีฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้พบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรป เขากล่าวว่าหัวหน้ากลุ่มสังคมนิยมและพรรคสีเขียวในรัฐสภายุโรปซึ่งมีความสนใจในประเทศของเขา ว่าประเทศฮังการียึดถือค่านิยมของยุโรป "เปิดกว้างให้ฮังการีที่กําลังสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่" [Budapest Times] ผู้นําฝ่ายค้านอ้างว่า Orbán ได้กลายเป็น "หุ่นเชิด" ของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูตินของรัสเซีย นอกจากนี้เขายังวิพากษ์วิจารณ์ Orbán ที่ลอยอยู่ใกล้จีนมากเกินไปและอนุญาตให้สร้างวิทยาเขตมหาวิทยาลัย Fudan ในฮังการีซึ่งเป็นคอมเพล็กซ์แห่งแรกในยุโรป (Politico Europe) Márki-Zay ซึ่งใช้ท่าทีต่อต้านการทุจริตเพื่อดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เรียกร้องให้สหภาพยุโรประมัดระวังในวิธีการจัดการทางการเงินไปยังฮังการีเพื่อให้เงินทุนเข้าถึงพลเมืองแทนที่จะเป็น oligarchs จากพรรค Fidesz ปีกขวาของ Orbán [Euractiv] ขณะเดียวกันในการประชุมเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ออร์บันได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้นําของฟิเดสซ์ที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกสองปี [Euractiv] (pk) โปแลนด์: กลุ่มรัฐสภายุโรปเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการระงับกองทุนหลังโควิดของโปแลนด์ ผู้นํากลุ่มการเมืองส่วนใหญ่ในรัฐสภายุโรปได้เรียกร้องให้ผู้บริหารของสหภาพยุโรประงับการอนุมัติพันล้านสําหรับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังก ารระบาดใหญ่ของโปแลนด์จนกว่าประเทศจะดำเนินการตามมาตรฐานประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม ในจดหมายถึงประธานคณะกรรมาธิการยุโรป Ursula von der Leyen ผู้นํากลุ่มกล่าวว่า" ศาลโปแลนด์ทุกชั้นศาลได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่สามารถรับประกันสิทธิในการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมโดยความอิสระและเป็นกลางที่จัดตั้งขึ้ นตามกฎหมาย" [Euractiv] นักวิจารณ์กล่าวว่าพรรคกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมแห่งชาติของโปแลนด์ (PiS) ได้ทําให้ผู้พิพากษาถูกควบคุมทางการเมืองและกัดเซาะหลักนิติธรรม กฎหมายและความยุติธรรมยืนยันว่าจําเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อกำจัดกลุ่มชนชั้นยุคคอมมิวนิสต์ที่มีมลทินในกระบวนการยุติธรรมในโปแลนด์ กลุ่มอนุรักษ์นิยมและนักปฏิรูปยุโรป (ECR) แสดงความโกรธแค้นในจดหมาย von der Leyen ที่ส่งมาในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน โดยสมาชิกรัฐสภาด้านกฎหมายและความยุติธรรม ในรัฐสภายุโรป กลุ่ม ECR ที่เป็นประธานร่วมแสดงความเห็นถึงข้อเรียกร้องที่โปแลนด์ควรถูกลงโทษว่า "รุนแรง" คณะกรรมาธิการยุโรปได้ทำการระงับการอนุมัติที่จําเป็นสําหรับแผนของวอร์ซอเกี่ยวกับวิธีการใช้จ่ายมากกว่า 20 พันล้านยูโรในกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม [Reuters] von der Leyen ในเดือนตุลาคมได้สรุปการประนีประนอมสําหรับการปลดล็อกเงินกองทุนดังกล่าวและลดความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับวอร์ซอซึ่งกล่าวหาว่าบรัสเซ ลส์มีอํานาจมากเกินไปและการแทรกแซงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในกิจการภายในประเทศของโปแลนด์ [Euractiv] เว็บไซต์ข่าว Politico รายงานว่า บรัสเซลส์วางแผนที่จะผูกเงินกองทุนฟื้นฟูของสหภาพยุโรปของโปแลนด์กับ "เหตุการณ์สําคัญ" ซึ่งวอร์ซอต้องมุ่งมั่นที่จะสร้างความเป็นอิสระของผู้พิพากษาอีกครั้ง (Politico Europe) เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปสั่งให้โปแลนด์จ่ายค่าปรับ 1 ล้านยูโรต่อวันเนื่องจากปฏิเสธที่จะระงับการดำเนินการทางวินัยภายในศาลฎีกาในวอร์ซอ แม้ว่าศาลในลักเซมเบิร์กก่อนหน้านี้กล่าวว่า การดำเนินการทางวินัยละเมิดความเป็นอิสระของตุลาการ ทฤษฎีสำคัญของสหภาพยุโรป [Reuters] ศาลสูงสุดของสหภาพยุโรปโต้เถียงกันในเดือนกรกฎาคมว่า ดำเนินการทางวินัยภายในศาลทำให้ผู้พิพากษาสามารถได้รับการลงโทษสําหรับเนื้อหาในคําตัดสินของพวกเขา ในจดหมายของพวกเขาถึง Von der Leyen ผู้นํากลุ่มรัฐสภายุโรปกล่าวว่า “มาตรการของศาลยุติธรรมสามารถสรุปได้ว่า “ปฏิบัติตามทันทีหรือจ่าย” ซึ่งคณะกรรมาธิการไม่สามารถแสดงท่าทีของ “มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามในอนาคตและเราจะจ่าย'" [Euractiv] เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ศาลสูงสุดของสหภาพยุโรปได้ตําหนิวอร์ซออีกครั้ง โดยกล่าวว่ากฎของโปแลนด์อนุญาตให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแต่งตั้งและปลดผู้พิพากษาออกจากศาลอาญาละเมิดกฎหมายของกลุ่ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของโปแลนด์ Zbigniew Ziobro เป็นสมาชิกคนสําคัญของแนวร่วมฝ่ายขวาของประเทศและยังเป็นอัยการสูงสุด (Politico Europe) ความตึงเครียดระหว่างสองหน่วยงานของสหภาพยุโรป เรื่องช่องทางหนึ่งของกองทุนยุโรป ในช่วงปลายเดือนตุลาคม สมาชิกสภายุโรปได้ยื่นฟ้องคณะกรรมาธิการยุโรปด้วยเหตุที่ไม่สามารถใช้กลไกที่เชื่อมโยงการจ่ายเงินโดยบรัสเซลส์กับการรักษามาตรฐานหลักน ิติธรรมในประเทศสมาชิก [EiR ประจําเดือน พฤศจิกายน 2564] ความตึงเครียดระหว่างบรัสเซลส์และวอร์ซอเพิ่มขึ้นเมื่อศาลรัฐธรรมนูญของโปแลนด์ - ศาลสูงสุด - ตัดสินเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมว่าบางส่วนของสนธิสัญญาสหภาพยุโรปไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญของประเทศ Von der Leyen กล่าวว่าคําตัดสินดังกล่าวก่อให้เกิด "ความท้าทายโดยตรงต่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคําสั่งทางกฎหมายของสหภาพยุโรป" เกิดความขัดแย้งเพิ่มเติมกับสถาบันในยุโรป เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ศาลสูงสุดของโปแลนด์กล่าวว่า ศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป (ECHR) ไม่มีสิทธิตั้งคําถามเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้พิพากษา คําวินิจฉัยดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก ECHR ในเดือนพฤษภาคมตั้งคําถามถึงความถูกต้องตามกฎหมายของการแต่งตั้งผู้พิพากษาต่อศาลรัฐธรรมนูญในวอร์ซอ ซึ่งหลายคนเห็นว่าอยู่ภายใต้การควบคุมทางการเมืองโดยชาตินิยมปกครองของโปแลนด์[Politico Europe] [Euractiv] [Notes From Poland] (pk) สโลวีเนีย: ประธานาธิบดีวางแผนที่จะจัดการเลือกตั้งในเดือนเมษายนท่ามกลางความตึงเครียด ประธานาธิบดีสโลวีเนียกล่าวว่าเขาต้องการจัดการเลือกตั้งรัฐสภาในเดือนเมษายนซึ่งเป็นวันที่เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ท่ามกลางความตึง เครียดทางการเมืองและการเรียกร้องโดยนักวิจารณ์ว่ารัฐบาลกําลังทําลายหลักนิติธรรมและการจัดการการแพร่ระบาดของ Covid-19 ไม่ถูกต้อง ประธานาธิบดีโบรุต ปาฮอร์ กล่าวว่า ประชาชนจํานวนมากต้องการฟังว่าจะมีการเลือกตั้งตามกําหนดเมื่อใดหากการเลือกตั้งล่วงหน้าไม่ได้เกิดขึ้นล่วงหน้า นักการเมืองฝ่ายค้านในสโลวาเกียซึ่งดํารงตําแหน่งประธานาธิบดีของสหภาพยุโรปที่เวียนทุก ๆ หกเดือน กล่าวว่าพวกเขาจะติดตามการเรียกร้องให้มีการลงคะแนนเสียงของรัฐสภาในช่วงต้นโดยไม่คํานึงถึงการประกาศของปาฮอร์ [Euractiv] ในเดือนพฤษภาคม นายกรัฐมนตรีฝ่ายขวา นายเจนซ์ จานา รอดจากการถอดถอนโดยฝ่ายค้าน โดยกล่าวหาว่าเขากําลังปิดปากสื่อและไม่สามารถจัดหาวัคซีน Covid-19 ให้เพียงพอสําหรับชาวสโลวีเนีย ประชาชนหลายพันคนประท้วงเมื่อต้นปีนี้เรียกร้องให้รัฐบาลลาออก [US News/AP] Janša ถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการโจมตีความเป็นอิสระของตุลาการและถูกกล่าวหาว่าบ่อนทําลายมาตรฐานประชาธิปไตยในประเทศของเขา [Guardian] ในขณะเดียวกันสํานักข่าวสโลวีเนีย (STA) ซึ่งเป็นสถาบันของรัฐในเดือนพฤศจิกายนก็ได้รับเงินทุนจากรัฐสําหรับปีนี้ นักวิจารณ์อ้างว่าเจ้าหน้าที่กําลังกดดันหน่วยงานดังกล่าว ในขณะที่หน่วยงานในยุโรปมีความกังวลที่คล้ายกัน รัฐบาลได้กล่าวว่าความขัดแย้งกับสํานักข่าวไม่ได้เชื่อมโยงกับเสรีภาพสื่อแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม การวิพากษ์วิจารณ์นักข่าวโดย Janša ทำให้เกิดความกังวลว่าสื่อในสโลวีเนียกําลังถูกข่มขู่ (Politico Europe) ในเดือนตุลาคม Janša กลายเป็นประเด็นในสื่อออนไลน์ ระหว่างการเยือนสโลวีเนียโดยสมาชิกสภาผู้แทนของรัฐสภายุโรปเพื่อประเมินเสรีภาพสื่อมวลชนและสถานะของหลักนิติธรรมในประเทศ [EiR ประจําเดือน พฤศจิกายน 2564] (pk) กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปใต้ ![]() โปรตุเกส: การเลือกตั้งในเดือนมกราคมท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมือง โปรตุเกสจะจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 30 มกราคมหลังจากประธานาธิบดีตัดสินใจที่จะยุบสภาท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดจาก การที่สมาชิกรัฐสภาปฏิเสธร่างงบประมาณของรัฐบาลสังคมนิยมที่มีเสียงข้างน้อยในสภาฯ สําหรับปี 2022 เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีมาร์เซโล รีเบโล เดอ ซูซา ประกาศว่าจะเรียกการเลือกตั้งล่วงหน้าก่อนกําหนด 2 ปี ความพ่ายแพ้ของร่างกฎหมายงบประมาณ แสดงให้เห็นถึงการสิ้นสุดเสถียรภาพทางการเมืองที่มีมากว่าหกปีภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี António Costa พรรคสังคมนิยม การสํารวจความคิดเห็นชี้ให้เห็นว่าอาจไม่มีวิธีที่ง่าย ที่จะทำให้หลุดพ้นจากวิกฤติ ผลสํารวจล่าสุดระบุว่าพรรคสังคมนิยมที่อยู่ฝ่ายกลางซ้าย จะได้รับการเลือกตั้งอีกครั้ง แต่จะยังไม่ได้รับเสียงข้างมากอีกครั้ง ซึ่งหมายความว่พรรคาสังคมนิยมจะต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภาสําหรับการออกกฎหมายและนําโปรตุเกสกลับมาที่จุดเริ่มต้นก่อนวิกฤตทางการ เมือง [AP] ในสถานการณ์ที่แนวร่วมที่ซับซ้อนแย่งชิงกันเพื่อรวบรวมคะแนนเสียงก่อนวันเลือกตั้ง พรรคประชานิยมฝ่ายขวาแห่งแรกของโปรตุเกสเชกา! (พอ!) กําลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จากการสํารวจความคิดเห็น พรรคอาจจะสามารถชนะ ได้มากที่สุดถึง 20 ที่นั่งจาก 230 ที่นั่งในรัฐสภา และทําหน้าที่เป็น Kingmaker [AP] พรรคคอมมิวนิสต์และพรรคฝ่ายซ้ายซึ่งเป็นพันธมิตรของรัฐบาลปิดกั้นร่างกฎหมายงบประมาณโดยกล่าวว่า Costa กระตือรือร้นที่จะลดการขาดดุลมากเกิ นไปและเพิกเฉยต่อการเรียกร้องให้มีการคุ้มครองแรงงานที่ดีขึ้นประกันสังคมที่ใจกว้างมากขึ้นและการลงทุนในบริการสาธารณสุขมากขึ้น [DW] ข้อเสนองบประมาณของรัฐใหม่อาจไม่ได้รับก่อนรัฐสภาจนถึงเดือนเมษายน [AP] (kc/pk) สเปน: แนวร่วมรัฐบาลฝ่ายกลางซ้ายที่ผลักดันให้เกิดอาชญากรรมในยุคฟรังโก จะได้รับการดําเนินคดี แนวร่วมฝ่ายกลางซ้ายของสเปนได้เริ่มผลักดันประเด็นทางกฎหมายซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสืบสวนอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามกลางเมืองของ ประเทศและเผด็จการของนายพลฟรานซิสโกฟรังโกในปี 1939-1975 แนวร่วมนี้ประกอบด้วยพรรคแรงงานสังคมนิยมสเปน (PSOE) ของนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ และ Unidas Podemos รุ่นน้องที่มีเป้าหมายที่จะสร้างการตีความกฎหมายนิรโทษกรรมปี 1977 ของประเทศโดยแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ หลังระบุว่าการอภัยโทษของอาชญากรรมทางการเมืองไม่สามารถใช้กับอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เช่น อาชญากรรมสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการทรมาน กฎหมายนิรโทษกรรม พ.ศ. 2520 ได้รับการประกาศใช้เพื่อบรรเทาการเปลี่ยนผ่านของสเปนไปสู่ระบอบประชาธิปไตยหลังจากการเสียชีวิตของฟรังโก โดยการอภัยโทษนักโทษทางการเมืองของระบอบการปกครอง แม้ว่าในภายหลังจะกลายเป็นเครื่องมือในการป้องกันการดําเนินคดีของบุคคลจากเผด็จการที่ก่ออาชญากรรมก่อนปี 1977 กฎหมายดังกล่าวกลายเป็นที่รู้จักกันในนาม "สัญญาแห่งการลืม" [País] [Reuters] ประชาชนกว่าครึ่งล้านคนเสียชีวิตในช่วงสงครามกลางเมืองระหว่างปี 1936-39 ในขณะที่นักประวัติศาสตร์ได้ประเมินว่าประชาชนอีกประมาณ 150,000 คนถูกฆ่าตายในการปราบปรามในภายหลังโดยรัฐบาลของฟรังโก [Reuters] การผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นสิ่งสําคัญสําหรับการบริหาร ฝ่ายกลางซ้ายของสเปน แต่การรวบรวมคะแนนเสียงจากรัฐสภาให้เพียงพอนั้นพิสูจน์ได้ยากกว่าที่คาดไว้ หากร่างกฎหมายผ่าน จะเป็นครั้งแรกที่อาชญากรรมภายใต้ระบอบการปกครองของฟรังโกสามารถถูกนําไปยังศาลสเปนได้ จนถึงขณะนี้กระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยุคฟรังโกเป็นไปได้หากดำเนินการนอกประเทศเท่านั้น [País] (sd/pk) กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปตะวันออก ![]() เบลารุส: ประเทศ OSCE กล่าวหาเบลารุสว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนเนื่องจากการปราบปรามสื่อยังคงดําเนินต่อไป สามสิบห้าประเทศขององค์กรว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลยุโรปที่มุ่งเน้นด้านความมั่นคงและสิทธิมนุษยชนได้ ร้องขอ ให้เบลารุสให้รายละเอียดเกี่ยวกับ "การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง" ที่เกิดขึ้นในประเทศ ประเทศในกลุ่ม OSCE ใช้ "กลไกเวียนนา" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่องค์กรใช้เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและประเด็นที่เกี่ยวข้อง คําร้องขอนี้แสดงถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการจับกุม การทรมาน เสรีภาพของสื่อที่ลดลงและข้อ จํากัดเกี่ยวกับเสรีภาพขั้นพื้นฐาน [RFE/RL] ในประเทศเยอรมัน องค์กรสิทธิมนุษยชนสองแห่งได้กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่เบลารุสละเมิดสิทธิมนุษยชนในคำร้องที่ยื่นในเยอรมันภายใต้หลักการของเขตอํานาจศาลสา กลเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน [Deutsche Welle] คณะกรรมการสืบสวนในเบลารุสได้เริ่มกระบวนการสืบสวนอดีตเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายซึ่งขณะนี้กําลังสนับสนุนฝ่ายค้าน [RFE/RL] ทางการของประเทศดำเนินการโจมตีสื่อมวลชนต่อไป หนังสือพิมพ์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศและช่องทางโซเชียลมีเดียถูกศาลระงับเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนตามคําร้องขอจากหน่วยงานของรัฐ [RFE/RL] เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนช่องข่าว Belsat ที่ดําเนินงานจากโปแลนด์ได้รับการประกาศให้เป็นองค์กร "หัวรุนแรง" [Reuters] นักข่าวและสามีของเธอถูกศาลตัดสินจําคุกในเบลารุสสําหรับการเผยแพร่เนื้อหาที่มีความเป็น "หัวรุนแรง" บนโซเชียลมีเดีย [RFE/RL] (qc) จอร์เจีย: การย้ายมาโรงพยาบาลทหารของ Saakashvili เป็นการสิ้นสุดการประท้วงความหิวโหยของเขา อดีตประธานาธิบดีจอร์เจีย Mikheil Saakashvili ยุติการประท้วงความหิวโหยของเขาหลังจากที่เขาถูกย้ายจากเรือนจําไปยังโรงพยาบาลทหารเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ในช่วงก่อน Saakashvili ได้หมดสติชั่วคราวและประสบกับภาวะที่สุขภาพของเขาทรุดตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤศจิกายน ทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปแสดงความกังวลเกี่ยวกับเงื่อนไขการจําคุกของ Saakashvili และการดําเนินการเลือกตั้งท้องถิ่นในจอร์เจียซึ่งเขากลับไปยังประเทศบ้านเกิดของเขาในช่วงต้นเดือนตุลาคม [RFE/RL] [France 24] ถนนในทบิลิซีถูกทําเครื่องหมายโดยการประท้วงเป็นเวลาหลายวันหยุดสุดสัปดาห์ซึ่งจัดโดยพรรค Saakashvili ขบวนการแห่งชาติแห่งสหประชาชาติ (UNM) ผู้นําขององค์กร Nika Melia ได้ขอให้อดีตประธานาธิบดีได้รับการปล่อยตัวจากการคุมขังและการเลือกตั้งได้รับการจัดระเบียบใหม่ ซึ่งรัฐบาลปฏิเสธทันที [RFE/RL] Saakashvili เขียนจดหมายเปิดผนึกในเดือนพฤศจิกายนซึ่งเขาเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนชาวจอร์เจียใน "แรงบันดาลใจในระบอบประชาธิปไตยและตะวันตกต่อภัยคุกคามของเผด็จการ" [Politico] การพิจารณาคดีของอดีตประธานาธิบดีกลับมาอีกครั้งเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนในศาลในทบิลิซี [RFE/RL] (rr/qc) ลิทัวเนีย: ความสัมพันธ์กับจีนถูกลดระดับ ความสัมพันธ์กับรัสเซียที่จุดต่ำสุดท่ามกลางคําตัดสินเกี่ยวกับสายลับ ทางการลิทัวเนียพยายามแยกตัวออกจากกรุงปักกิ่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาในขณะที่คําตัดสินของศาลที่เกี่ยวข้องกับข้อหาสอดแนมได้ก่อ ให้เกิดข้อพิพาทกับรัสเซีย ความสัมพันธ์กับจีนทรุดโทรมลงตั้งแต่ วิลนีอุสตัดสินใจในเดือนสิงหาคมเพื่อให้มีการจัดตั้งตัวแทนทางการทูตไต้หวันในลิทัวเนีย ไต้หวันเปิดสํานักงานการทูตในวิลนีอุสเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ลิทัวเนียยังได้ถอนตัวออกจากแพลตฟอร์ม "17 + 1" ที่ประกอบด้วยสาธารณรัฐประชาชนจีนและรัฐส่วนใหญ่ในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ Arnoldas Pranckevičius กล่าวว่าปัญหากับปักกิ่ง เป็นการร้อง“ทำให้ตื่น" สําหรับส่วนที่เหลือของยุโรปเพื่อ “ดำเนินการร่วมกับ” ในจุดที่ตรงข้ามกับประเทศจีน" [Reuters] รัฐบาลจีนตอบโต้เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนต่อการตัดสินใจของไต้หวันในการเปิดสํานักงานการทูตในลิทัวเนียโดยการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับวิลนีอุส [Euractiv] หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ ของจีนกล่าวว่า วอชิงตันเป็น "มือที่ซ่อนอยู่" ที่รับผิดชอบต่อการเมืองของลิทัวเนียเกี่ยวกับไต้หวัน [Global Times]รัฐบาลสหรัฐระบุว่าประเทศอื่น ๆ ไม่ควรแทรกแซงความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างลิทัวเนียและไต้หวัน [Euronews] ในข่าวที่เกี่ยวข้อง กระทรวงกลาโหมของลิทัวเนียประกาศในเดือนพฤศจิกายน ว่าจะเริ่มการแก้กฎหมายที่จะทําให้ผู้ผลิตจีนรัสเซียและเบลารุสไม่สามารถขายเทคโนโลยีให้กับประเทศได้ มีรายงานว่ากระทรวงฯ มีความกังวลเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของผู้รับเหมาจากประเทศที่ "ไม่น่าเชื่อถือ" ในการจัดการ "โครงสร้างพื้นฐานข้อมูลที่สําคัญ" [LRT] ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์กับรัสเซียดีขึ้นหลังจากพลเมืองชาวลิทัวเนียสองคนถูกตัดสินจําคุกในข้อหาสอดแนม ศาลใน Klaipeda ตัดสินว่าผู้ต้องหามีความผิดในการรวบรวมข้อมูลและส่งต่อข้อมูลไปยังบริการรักษาความปลอดภัยของรัสเซีย [RFE/RL] ในแถลงการณ์ที่ตีพิมพ์หลังจากคําตัดสินของศาลสถานทูตรัสเซียในลิทัวเนียกล่าวว่า "การกระทําของรัฐบาลลิทัวเนีย" นั้น "น่าอับอาย" [Delfi] (qc) รัสเซีย: เสรีภาพในการแสดงออกภายใต้การคุกคาม ขณะที่ทางการมุ่งเป้าไปที่ผู้สื่อข่าวและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนหน่วยงานภาครัฐในรัสเซียกำลังเพ่งเล็งผู้สื่อข่าวและนักเคลื่อน ไหวทางด้านสิทธิมนุษยชนโดยดำเนินมาตรการทางกฎหมายและทางการเมืองเพื่อกีดกันมิให้มีการสอบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือประเด็นทางการเม ืองที่มีความละเอียดอ่อน อาทิ การปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุดของรัสเซียได้ขอให้ศาลปกครองสูงสุดของประเทศสะสางและยุติกิจการของกลุ่มสิทธิมนุษยชนที่ชื่อ เมมอเรียล เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับ “ตัวแทนต่างชาติ” ทั้งนี้เมมอเรียลเป็นองค์กรที่ขึ้นชื่อในเรื่องการสืบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงการปราบปรามทางการเมือง และได้ถูกบรรจุในทะเบียน “ตัวแทนต่างชาติ” ในปี 2559 ในทำนองเดียวกัน นาย อีวาน ปัฟลอฟ ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนที่มีชื่อเสียง ก็ถูกบรรจุในทะเบียนดังกล่าวเช่นกัน หลังจากที่เขาปกป้องนาย อะเลกเซย์ นาวัลนีย นักการเมืองฝ่ายค้าน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเรือนจำ และให้การสนับสนุนทางกฎหมายแก่นาย อีวาน ซาโฟรนอฟผู้สือข่าวที่ถูกกล่าวหาว่าทรยศเนื่องว่าขายข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในซีเรีย [RFE/RL] [Reuters] เมื่อเดือนที่แล้ว คณะกรรมาธิการลูกขุนระหว่างประเทศได้ เรียกร้อง ให้ทางการรัสเซีย "ยุติการล่วงละเมิด" นาย อีวาน ปัฟลอฟ ในเดือนพฤศจิกายน ทางการรัสเซียได้ขับไล่ "การละเมิดทางปกครอง" ผู้สื่อข่าวชาวดัตช์คนหนึ่งซึ่งทำงานเป็นสื่อมวลชนต่างประเทศในรัสเซีย [Guardian] และผู้จัดพิมพ์ เว็บไซต์ สื่ออิสระของรัสเซียก็ได้ถูกบรรจุในบัญชีผู้ต้องหาของกระทรวงมหาดไทย เพราะเขา ถือสองสัญชาติคือแคนาดาและรัสเซีย [RFE/RL] ในรายงานโลกปี 2564 ซึ่งเป็นการทบทวนแนวโน้มสิทธิมนุษยชนทั่วโลกประจำปีขององค์กรเอกชน ระหว่างประเทศ ฮิวแมนไรตส์วอตช ระบุ ว่าทางการรัสเซียมักจะใช้วิธี “การดำเนินคดีที่มิชอบด้วยกฎหมายต่อผู้สื่อข่าวในข้อหาก่อการร้ายและกบฏ และใช้ยุทธวิธีอื่นๆ เพื่อแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน” การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการแสดงออกได้ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อดีตนักโทษชาวรัสเซียคนหนึ่งและปัจจุบันเป็นผู้ขอลี้ภัยในฝรั่งเศสบอกกับสื่อต่างประเทศเกี่ยวกับการทรมานและการล่วงละเมิดที่เกิดขึ้นอ ย่างกว้างขวางในระบบเรือนจำของรัสเซีย ซึ่งเขาได้บันทึก ไว้ในวิดีโออย่างลับๆ [Guardian] ในการตอบโต้อัยการรัสเซียได้เริ่มกระบวนการสอบสวนในท้องที่เกี่ยวกับการทรมานผู้ต้องขังในโรงพยาบาลในเรือนจำ [RFE/RL] และเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูตินได้ปลดหัวหน้าระบบเรือนจำกลางของรัสเซียออกจากตำแหน่ง [Moscow Times] (qc) รัสเซีย : สหรัฐฯ เตือนหลังทดสอบขีปนาวุธในอวกาศและขายระบบป้องกันภัยทางอากาศ การทดสอบขีปนาวุธของรัสเซียที่ทำลายดาวเทียมดวงหนึ่งของประเทศในวงโคจรเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ได้ส่งผลให้ลูกเรือบนสถานีอวกาศนานาชาติ หรือ ไอเอสเอสต้องหาที่หลบภัยจาก เศษซากที่อาจเกิดขึ้น [RFE/RL] ในระหว่างการบรรยายสรุป ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า "สหพันธรัฐรัสเซียทำการทดสอบดาวเทียมทำลายล้างของขีปนาวุธต่อต้านดาวเทียมโดยตรงกับดาวเทียมของตนเอง"ส่วนหน่วยงานด้านอวกาศของรัสเซียตอ บโต้ว่าดาวเทียมดังกล่าวไม่ได้อยู่ในวงโคจรของ ไอเอสเอส และไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงกระทันหันแต่อย่างใด [BBC News] ความถี่ที่เพิ่มขึ้นของการทดสอบอาวุธใหม่ ได้นำไปสู่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย ตลอดจนจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา [South China Morning Post] เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน กองทัพรัสเซียได้ประกาศการทดสอบขีปนาวุธล่องเรือที่มีความเร็วเหนือเสียงในเขตอาร์กติก ซึ่งยากต่อการสกัดกั้นกว่าขีปนาวุธทั่วไป [Moscow Times] รัสเซียเป็นที่ยอมรับในด้านความเชี่ยวชาญทางขีปนาวุธและระบบป้องกันประเทศ รวมถึงระบบ ป้องกันภัยทางอากาศ เอส-400 การจัดหาระบบขีปนาวุธเหล่านี้ ให้กับตุรกี และอินเดียได้ สร้าง ความตึงเครียดกับสหรัฐฯ ซึ่งมีรายงานว่า อาจพิจารณาคว่ำบาตรอินเดีย และไม่รวม ตุรกีในการ จัดหาเครื่องบินขับไล่ เอฟ-35 รุ่นล่าสุด [Al Jazeera] [Asia Nikkei] [EiR Monthly November 2021] (qc) ยูเครน: รัสเซียซ้อมรบทางทหารท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น บุคลากรของกองทัพบกรัสเซียได้ดำเนินการฝึกซ้อมทางทหารเสร็จสิ้นในพื้นที่ทะเลดำเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ท่ามกลางความหวาดกลัวที่ทวีขึ้นต่อการบุกรุก กองทัพรัสเซียได้ดำเนินการซ้อมรบ โดยเห็นว่าเป็นการเตรียมความพร้อมต่อกิจกรรมของนาโต้ที่เพิ่มขึ้นใกล้บริเวณพรมแดน รัสเซียกล่าวว่าจำเป็นต้องเสริมสร้างความพร้อมของกองกำลังรูปแบบเดิมและกองกำลังนิวเคลียร์เพื่อตอบรับต่อการเคลื่อนไหวของกองกำลังของอ งค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ยูเครนซึ่งหวาดกลัวว่าการบุกโจมตีของรัสเซียกำลังใกล้เข้ามาได้ดำเนินการฝึกซ้อมทางทหารของตนเองใกล้กับชายแดนในเบลารุส กิจกรรมทางทหารที่เพิ่มขึ้นของทั้งสองฝ่ายมีขึ้น ภายหลังความเป็นปรปักษ์ระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสัปดาห์ [Reuters] ขณะนี้ เป็นที่คาดว่ามีทหารรัสเซียประมาณ 100,000 นายประจำการอยู่ที่บริเวณชายแดนรัสเซีย-ยูเครน ประธานาธิบดี โวโลดีไมร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ได้ขอความช่วยเหลือจากประชาคม ระหว่างประเทศ ในขณะที่รัสเซียยังคงเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางทหารของตนต่อไป การซ้อมรบทางทหารล่าสุด เป็นการเพิ่มระดับความตึงเครียดและความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องระหว่าง ประเทศที่มีพรมแดนติดกับรัสเซียซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2557 เมื่อกองกำลังทหาร รัสเซีย บุกเข้ายึดภูมิภาคไครเมียของยูเครน และต่อมาได้ผนวกดินแดนดังกล่าว หลังจากประชามติ ที่ชาวไครเมียลงคะแนนเข้าร่วมสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งผลที่ออกมายังเป็นที่โต้แย้งกัน รัสเซียยังคงมีความคลุมเครือเกี่ยวกับเหตุผลของการเพิ่มกำลังพลอย่างต่อเนื่อง โดยหลายคน ในยูเครนเกรงกลัวการโจมตีในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งรัสเซียสนับสนุน กลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ประกาศให้ภูมิภาคนี้เป็นเขตปกครองตนเองทั้งนาโต้และทำเนียบขาว ได้ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเอกราชและอธิปไตยของยูเครนอย่างแน่วแน่ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งได้ไปเยือนยูเครนเมื่อต้นปีนี้ กล่าวว่า หากรัสเซีย “กระทำการเชิงรุกต่อยูเครนอีก เราขอให้คำมั่น และเยอรมนีก็มุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างเหมาะสม เช่นกัน” [EUobserver] ถ้อยแถลงของนายบลิงเคน มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้ส่งนาย บิล เบิร์นส์ ผู้อำนวยการ ซีไอเอ ไปยังกรุงมอสโกเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน เพื่อไปแจ้งฝ่ายรัสเซีย ว่าสหรัฐฯ กำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของทหารรัสเซียใกล้พรมแดนยูเครนอย่างใกล้ชิด และกำลังประเมินแรงจูงใจเบื้องหลังการกระทำของรัสเซีย [CNN] รัสเซียอธิบายโดยแสร้งว่าการเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารของตนในบริเวณชายแดนไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก โดยนายดมิทรี เปสคอฟโฆษกของประธานาธิบดี ปูตินกล่าวว่า “การเคลื่อนไหวของกองกำลังในดินแดนของเราไม่ควรเป็นสาเหตุให้ทุกคนต้องเป็นกังวล” [Deutsche Welle] ถ้อยแถลงของเขาสะท้อนถึงท่าทีของประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน ซึ่งปฏิเสธแนวคิดที่ว่ารัสเซีย กำลังวางแผนบุกโจมตีทางทหาร ซึ่งถือเป็นการ “ปลุกระดม” ในการให้สัมภาษณ์กับ รัสเซีย 1 เมื่อต้นเดือนนี้ [CNBC] การแถลงของผู้นำรัสเซียไม่ได้ช่วยปลอบโยนรัฐบาลยูเครนเท่าไหร่นัก แต่กลับไหวตัวเพิ่มขึ้น ตั้งแต่บทความของประธานาธิบดี ปูติน ที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนกรกฎาคม ในหัวข้อเรื่อง “ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวทางประวัติศาสตร์ของชาวรัสเซียและชาวยูเครน” ซึ่งได้ตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของพรมแดนของยูเครน [Atlantic Council] อนึ่ง ความขัดแย้งที่เริ่มขึ้นเมื่อปี 2557 ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 14,000 คน และทำให้มีผู้พลัดถิ่น 1.5 ล้านคนจนถึงปัจจุบัน (bm) กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ![]() บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา: ภารกิจรักษาสันติภาพที่นำโดยสหภาพยุโรปขยายเวลาออก ไปท่ามกลางวิกฤตรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ลงมติเป็น เอกฉันท์ สนับสนุนให้ต่ออายุ อียูฟอร์ ซึ่งเป็นกองกำลังรักษาสันติภาพที่นำโดยสหภาพยุโรป มีกำลังพล 600 นายในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ขณะที่วิกฤตรัฐธรรมนูญที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น กำลังส่งผลกระทบสนธิสัญญาเดย์โทนา 1995 ที่ได้นำสันติภาพมาสู่ประเทศ ภายหลัง สงคราม บอสเนีย [Reuters] [Euractiv] วิกฤติดังกล่าวเกิดขึ้นจากความตั้งใจของประธานาธิบดี มิโลรัด โดดิค แห่งสาธารณรัฐเซิร์ปสกา ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางที่ปกครองโดย เซอร์เบียในบอสเนีย เพื่อถอนตัวจากรัฐบาลกลาง เช่น ฝ่ายตุลาการและกองกำลังติดอาวุธ และจัดตั้งกองทัพอิสระสำหรับหน่วยงานดังกล่าว [RFE/RL] นายคริสเตียน ชมิดท์ ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปประจำบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา อธิบายว่าแผนดังกล่าว “เทียบเท่ากับการแยกตัวออกจากกัน” และ “ภัยคุกคามอัตถิภาวนิยม ที่ใหญ่โตที่สุดของประเทศในช่วงหลังสงคราม” [Reuters] การเคลื่อนไหวของ โดดิค แม้ว่าได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียและเซอร์เบีย แต่ถูกประณาม จากสหภาพยุโรปและฝ่ายค้านภายใน สาธารณรัฐเซิร์ปสกา เอง ความตั้งใจของเขา คือการบรรลุเอกราชอย่างเต็มรูปแบบภายในบอสเนียสำหรับนิติบุคคล [Balkan Insight] [Reuters] ขณะที่เขาถอนภัยคุกคามแรกเริ่มกลับมา การประกาศดังกล่าวทำให้ผู้สังเกตการณ์จากต่างประเทศ ตื่นตระหนก [Euractiv] อียูโฟร์ มีพันธกิจในการ “รับประกันสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย” และสนับสนุนกองทัพสหพันธรัฐ ของบอสเนีย และเฮอร์เซโกวีนา ซึ่งคณะมนตรีความมั่นคงได้ขยายเวลาออกไปอีกหนึ่งปี [Sarajevo Times] การต่ออายุภารกิจสามารถปรามการต่อต้านในชั้นต้นจากรัสเซียและจีน และเพื่อประนีประนอม จึงไม่ให้มีการกล่าวถึงสำนักงานผู้แทนระดับสูงในข้อมติ [RFE/RL] รัสเซียและจีน อ้างว่าสำนักงานผู้แทนระดับสูง ไม่มีความชอบธรรมทางกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะมนตรีความมั่นคง ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนากล่าวว่า นายชมิดท์ มีอคติและเป้าหมายของเขาคือ การรบกวนความสงบสุขในบอสเนีย [Euractiv] [Reuters] ผู้แทนระดับสูงเป็นฝ่ายพลเรือนของภารกิจ ยูโรฟอร์ สำนักงานมีขอบเขตอำนาจที่กว้างขวางมาก รวมถึงการเลิกจ้างเจ้าหน้าที่และกำหนดกฎหมายฉุกเฉินในประเทศ [Reuters] การต่ออายุ อียูโฟร์ เป็นหนึ่งในมาตรการระหว่างประเทศในการจัดการกับสถานกาณ์ในบอสเนีย และเฮอร์เซโกวีนา ซึ่งสหรัฐฯ มีบทบาทนำทางการทูตในเรื่องนี้ [Politico Europe] นายเกเบรียล เอสโคบาร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เข้าพบนาย โดดิค เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ขณะที่เขากล่าวว่าการประชุม "มีประสิทธิผล" เขาได้เตือนว่าแผนของนายโดดิค "เป็นภัยต่อเสถียรภาพมาก" [RFE/RL] เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน นายเดเรค โชเลท์ ที่ปรึกษาของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สะท้อนถ้อยแภลงของนาย เอสโคบาร์ โดยกล่าวว่าแผนดังกล่าวจะ “ทำลายเสถียรภาพของภูมิภาคและจะไม่ส่งผลดีในการปรับปรุงชีวิตของประชาชนทั่วไป” [Euractiv] เยอรมนียังได้กดดันสหภาพยุโรปให้คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ในรัฐบาล สาธารณรัฐ เซิร์บสกา สำหรับฮังการีซึ่งเป็นเจ้าภาพการเยือนอย่างเป็นทางการของ โดดิค เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน คาดว่าจะคัดค้านมาตรการเหล่านี้อย่างเต็มที่ [RFE/RL] (wb) บัลแกเรีย: พรรคฝ่ายกลางชนะการเลือกตั้งรัฐสภาครั้งที่สาม ประธานาธิบดีที่พ้นจากตำแหน่ง ได้รับเลือกอีกครั้ง คาดว่า พรรคฝ่ายกลางและฝ่ายกลาง-ขวา จะจัดตั้งรัฐบาลผสม หลังจาก การเลือกตั้งรัฐสภาครั้งที่สามของบัลแกเรีย เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ในการเลือกตั้งนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่มอบความไว้วางใจให้กับพรรค ฝ่ายกลางที่ยังเคยไม่ผ่านการทดสอบ และในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันเดียวกัน ประชาชนต้องการความมั่นคงและเสถียรภาพ โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดี รูเมน ราเดฟ อีกครั้ง [RFE/RL] พรรคฝ่ายกลาง ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ “เราจะเปลี่ยนแปลงต่อไป” ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนร้อยละ 25.67 ได้ 67 ที่นั่งในสภาผู้แทนของบัลแกเรีย [RFE/RL]. พรรคต้องจัดตั้งรัฐบาลผสม เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญของบัลแกเรียระบุว่าพรรคนำต้องมีสมาชิก รัฐสภา 121 คนจาก 240 คนในการบริหารประเทศ พรรคได้เสนอให้ นายคีริส เปทคอฟ หนึ่งในประธานร่วม เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี [Standart News] พรรคกลาง-ขวา โปรยุโรป “พลเมืองเพื่อการพัฒนายุโรปของบัลแกเรีย (จีอีอาบี)” ได้รับคะแนนเสียงร้อยละ 23 และพรรคฝ่ายกลาง “กระบวนการเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (ดีบีเอส)” ได้รับการสนับสนุนร้อยละ 13 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งพรรคอื่นๆ ที่เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ได้แก่พรรค”ซ้ายกลางสำหรับบัลแกเรีย (บีเอสพี)” พรรคประชานิยมกลาง-ขวา “มีประชาชนอย่างเรา” พันธมิตรศูนย์กลางประชาธิปไตยบัลแกเรีย และพรรคขวาจัดนิยมรัสเซีย [RFE/RL] คาดว่าพันธมิตรระหว่างฝ่ายกลางและฝ่ายกลาง-ขวา จะมีการเจรจากันในเร็วๆ นี้ [Bulgaria On Air]. นายโบอีโค โบริซอฟ ประธานพรรค จีอีอาบีที่สนับสนุนยุโรปกล่าวว่า เขาจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของสภาผู้แทน [BTV] นายโบริซอฟดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปีที่แล้วเมื่อมีการประท้วงต่อต้านการทุจริต เนื่องจากผลการเลือกตั้ง สมาชิกของพรรคบีเอสพี ได้ขอให้ นางคอร์นีเลีย นิโนวา หัวหน้าพรรคลาออก [Darik News] หลังจากการลงคะแนนเสียงครั้งที่สองระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้งหลักสองคน นายรูเมน ราเดฟ ยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีบัลแกเรีย โดยได้รับคะแนนเสียงถึงร้อยบะ 66.72 ในขณะที่ นายอนาตัส เกิร์สชิคอฟได้รับการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวบัลแกเรียร้อยละ 31.8 หลายวันก่อนการเลือกตั้งนายราเดฟ และ นายเกิร์สชิคอฟ ได้อภิปรายทางโทรทัศน์ ในหัวข้อ อาทิ การรวมตัวของรัฐบาล โควิด-19 มาซิโดเนียเหนือ และรัสเซีย [BTV]. ในระหว่างการโต้วาทีนายราเดฟ ได้ทำให้เกิดการโต้เถียงจากคำกล่าวของเขาว่าภูมิภาคไครเมีย เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ต่อมาเขาแก้ตัวโดยอธิบายว่าแหลมไครเมียเป็นดินแดนของยูเครน ในแง่ของการพิจารณาคดี แต่ปัจจุบันรัสเซียควบคุมอยู่ [RFE/RL] การเลือกตั้งรัฐสภาครั้งที่สามของปีนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งน้อยและเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายโบอีโค รัชคอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในกล่าวว่า มีการซื้อเสียงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม โดยพรรคจีอีอาบี และพรรค ดีพีเอส อยู่เบื้องหลังของการฉ้อโกงการเลือกตั้ง [BTV] เมื่อต้นเดือนนี้ ผู้นำพรรค เอ็นเอสเอฟบี มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงในโครงการ "กรีนพาส" ของโควิด-19 [Euractiv] นายโบยาน สแตนคอฟ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกคนถูกจับกุมในข้อหาโจมตีศูนย์ แอลจีบีทีคิวไอเอ+ ในกรุงโซเฟีย [News.bg]. ระหว่างการถ่ายทอดสดการโต้วาทีชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ผู้สมัครและนักร้อง นางลูนา โยร์ดาโนวา ถูกขอให้ออกไปเพราะเธอไม่เคารพกฎของการอภิปราย [BTV] การเลือกตั้งประธานาธิบดีทำให้เกิดข้อพิพาทในระดับภูมิภาค เนื่องจากรัฐมนตรีมหาดไทยคนปัจจุบันกล่าวว่าตุรกีกำลังพยายามโน้มน้าวการเลือกตั้งผ่านการรณรงค์ทางโทรทัศน์ที่มีเป้าหมายมุ่งไปที่การโ น้มน้าวการตัดสินใจลงคะแนนเสียงของชาวบัลแกเรียที่อาศัยอยู่ในตุรกี [BTA] ข้อกล่าวหานำไปสู่การประท้วงต่อหน้าสถานเอกอัครราชทูตตุรกีในเมืองหลวง [News.bg] กระทรวงการต่างประเทศของตุรกีปฏิเสธข้อกล่าวหา [BTV] ในระดับยุโรป มีรายงานว่าผลการเลือกตั้งรัฐสภาจะมีผลกระทบต่อท่าทีของบัลแกเรีย เกี่ยวกับการจะเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของแอลเบเนียและมาซิโดเนียเหนือ [Euractiv] หลังจากชัยชนะของพรรค "เราจะเปลี่ยนแปลงต่อไป" รัฐบาลมาซิโดเนียเหนือถูกอ้างอิงว่ามองโลกในแง่ดี เพราะบัลแกเรียอาจยกเลิกการยับยั้งการเจรจาการเข้าเป็นภาคีของสหภาพยุโรปของสองประเทศดังกล่าว [Euractiv] (ib/qc) กรีซ: มาตรการจัดการโรคระบาดใหญ่ของรัฐบาล การเฝ้าระวังภายใต้ความกดกัน ในขณะที่ประชาชนชาวกรีกประท้วงบนท้องถนนความไม่สงบทางสังคมและการประท้วงได้รุมเร้ากรีซ หลังจากที่รัฐบาลได้กำหนดข้อจำกัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการระบาดใหญ่สำหรับชาวกรีก ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกมาประท้วงต่อต้านมาตรการภาคบังคับ ในส่วนบริการด้านสุขภาพ ในขณะที่อุตสาหกรรมการจัดเลี้ยงได้หยุดงานประท้วงในวันที่ 16 พฤศจิกายน เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับข้อกำหนดบัตรผ่านด้านสุขภาพสำหรับโควิด-19 ในผับ ร้านกาแฟ และร้านอาหาร [AP] [Euractiv] ในกรีซ มีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายใหม่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ประมาณร้อยละ 60 ของประชากรทั่วไปได้รับการ ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน วารสารภาษากรีกเปิดเผยว่าคณะรัฐมนตรี ของนายกรัฐมนตรีถูกกล่าวหาว่าขอให้หน่วยข่าวกรองของประเทศตรวจสอบพลเมืองและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ไม่เห็นด้วยกับข้อจำกัดด้านการระบา ดใหญ่ของรัฐบาล [Euractiv] กรีซยังเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์หลังจากรัฐสภากรีกออกกฎหมายฉบับใหม่เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนเพื่อจัดการกับข่าวปลอม พรรคฝ่ายค้าน สหภาพสื่อมวลชน และแหล่งข่าวในคณะกรรมาธิการยุโรป แสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการ ที่รวมอยู่ในกฎหมายดังกล่าวที่อาจขัดขวางการทำงานของผู้สื่อข่าว [Euractiv] [Euronews] เสรีภาพของสื่อในกรีซลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตามรายงานของ “ผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน” ในดัชนีเสรีภาพสื่อโลกปี 2564 2021 World Press Freedom Index. (qc) โรมาเนีย: ประธานาธิบดียืนยันพันธมิตร 3 พรรค หลังวิกฤตการเมืองยาวนานหลายเดือน ภายหลังการรับรองอย่างแข็งขันในสภาผู้แทนของโรมาเนีย ประธานาธิบดีเคลาส์ อิโอฮันนิส สาบานเข้ารับตำแหน่งในรัฐบาลผสมสามพรรคที่นำโดยนายกรัฐมนตรีนิโคเลา ซิอูกา เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน แนวร่วมที่ประกอบด้วยพรรคเสรีนิยมแห่งชาติกลางขวา (พีเอนแอล) พรรคประชาธิปัตย์กลางซ้าย (พีเอสดี) และพรรคประชาธิปัตย์กลุ่มชาติพันธุ์ฮังการีประชาธิปไตยในโรมาเนีย (ยูดีเอมอา) ได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ 318 เสียงในสภา [RFE/RL] ทั้งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีต่างก็มาจากพรรคเสรีนิยม พีเอนแอล รัฐบาลได้รับการยืนยันหลังจากเกิดวิกฤตทางการเมืองที่ยาวนาน ซึ่งมีผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีหลายคน รวมถึงนายกรัฐมนตรี ซีอูซา ที่เพิ่งได้รับการยืนยันใหม่ เนื่องจากคะแนนเสียงไม่เพียงพอในสภาผู้แทนของโรมาเนีย [EiR Monthly November 2021] ข้อตกลงระหว่างพรรคพีเอนแอล และพรรคพีเอสดีซึ่งถือเป็นคู่แข่งหลักทางการเมือง ร่วมกับพรรคยูดีเอมอา พันธมิตรระดับน้องใหม่ ได้เคลียร์เส้นทางสำหรับผู้บริหารคนใหม่ ที่จะต้องให้ความสำคัญกับสถานการณ์ระบาดใหญ่ของโควิด-19 งบประมาณของประเทศ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ [Euractiv] (qc) เซอร์เบีย: สมาชิกรัฐสภายุโรปเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เซอร์เบียยุติการปฏิเสธการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ สมาชิกรัฐสภายุโรปเรียกร้องให้ประธานาธิบดีเซอร์เบียและเจ้าหน้าที่เซอร์เบียคนอื่นๆ หยุดยกย่องอาชญากรสงคราม สองวันหลังจากตำรวจสั่งห้ามนักเคลื่อนไหว ด้านสิทธิ มนุษยชนวาดภาพบนจิตรกรรมฝาผนังของ รัดโค มลาดิช ในกรุงเบลเกรด [AP News] นักเคลื่อนไหวของ “การริเริ่มของเยาวชนสำหรับสิทธิมนุษยชน (วายไอเอชอา)” รวมตัวกันที่หน้าจิตรกรรมฝาผนังเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนโดยมีเจตนาที่จะลบออก ก่อนหน้านี้ตำรวจเซอร์เบียสั่งห้ามการชุมนุม โดยอ้างว่ามีความเสี่ยง ที่จะเกิดเหตุการณ์ ระหว่างสมาชิก วายไอเอชอา และผู้รักชาติที่ถือว่ามลาดิชเป็น “วีรบุรุษ” [Euronews] หลังจากนักเคลื่อนไหวปาไข่บนฝาผนัง ตำรวจเข้าแทรกแซงและจับกุมสมาชิกไว้ได้ สองคน กระทรวงมหาดไทยเซอร์เบียยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ปกป้องภาพจิตรกรรมฝาผนัง แต่ "รักษาความสงบเรียบร้อยและความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ" [Balkan Insight] กลุ่มผู้รอดชีวิตจากการทารุณกรรมของนายรัดโค มลาดิชขนานนามเขาว่า "คนแล่เนื้อทารุณแห่งบอสเนีย" ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตในปี 2560 เนื่องจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่เกิดขึ้นระหว่างสงครามบอสเนียในปี 2538 [Reuters] เจ้าหน้าที่เซอร์เบียยืนกรานที่จะไม่ยอมรับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีอเล็กซานดาร์ วูชิช ของเซอร์เบียปฏิเสธคำวิจารณ์ของสมาชิกรัฐสภาสหภาพยุโรปที่ระบุว่า "พวกเขาไม่มีอะไรทำนอกจากเกลียดชาวเซิร์บ" [AP News] (ec/qc) ตุรกี: สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตกลงลงทุนท่ามกลางวิกฤตค่าเงินกระทบตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และตุรกีได้ลงนามในความตกลงที่จะเพิ่มการลงทุนในสาขาพลังงาน และเทคโนโลยีในเศรษฐกิจตุรกี ในขณะที่ข้อตกลงแลกเปลี่ยนสกุลเงินจะช่วยสนับสนุนเงิน สกุลลีร่าตุรกีที่กำลังประสพปัญหายูเออี ตกลงในการจัดตั้งกองทุนมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะทำ “การลงทุนเชิงกลยุทธ์” ในสาขาสุขภาพและพลังงาน [Al Jazeera] [Reuters] การพบหารือระหว่างมกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบีและโมฮัมเหม็ด บิน ซายิด อัล นาห์ยาน และประธานาธิบดีเรเซป ทายยิป แอร์โดกันของตุรกี เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่กรุงอังการา ได้รับการประกาศในขั้นต้นว่าเป็นโอกาสที่จะ “ปรับปรุงความสัมพันธ์” หลังจากที่ยูเออีและ ตุรกีมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็นระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับผลพวงของ”อาหรับสปริง”ในอียิปต์ ซีเรีย และเยเมน และความพยายามก่อรัฐประหารในตุรกีในปี 2559 [World Politics Review] [Al Jazeera] ตุรกีได้แสวงหาพันธมิตรในภูมิภาคอย่างแข็งขันในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากวิกฤตค่าเงินที่เลวร้ายลงซึ่งทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ค่าเงินลีร่าตุรกีลดลงร้อยละ 15 หลังจากที่ประธานาธิบดีแอร์โดอันกล่าวว่าการ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อเร็วๆ นี้จะไม่ถูกยกเลิก แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นและค่าเงิน ในตลาดโลกอ่อนค่าลง[Reuters] ตุรกีได้พยายามปรับความสัมพันธ์ทั้งกับอียิปต์และรัฐต่างๆในอ่าวเปอร์เซีย เนื่องจากตุรกี รู้สึกโดดเดี่ยวในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกและต้องการการลงทุนในระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ [Al Jazeera] ในการหารือทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีเรเซป ทายยิป แอร์โดกัน ได้พูดคุยกับประธานาธิบดี ไอซัค เฮอร์ซอค ของอิสราเอลเกี่ยวกับ “สันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงของตะวันออกกลาง” [Times of Israel] (qc) เราจะขอบคุณมากสำหรับความคิดเห็นของคุณ! โปรดส่งความคิดเห็นใดๆ ที่คุณมีเกี่ยวกับจดหมายข่าวนี้ไปที่ : info@cpg-online.de นอกจากนี้ อย่าลืมกด Like CPG บน Facebook และเยี่ยมชม เว็บไซต์ ของเราสำหรับการอัปเดตข้อมูลข่าวสารอื่นๆ
|