คว้าข่าวสาร อ่านเทรนด์ยุโรป ฉบับที่ 1, ธันวาคม 2564
ส่งข่าวสารถึงคุณโดย CPG สนับสนุนโดย KAS เรียน ท่านผู้อ่าน ยินดีต้อนรับสู่ Europe Monthly ฉบับที่สองของ Europe in Review ที่ให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับหลักธรรมาภิบาลของยุโรป ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความมั่นคง สิทธิมนุษยชน การเมืองและการปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญในยุโรป แก่ท่านผู้อ่านเป็นประจำทุกเดือน Europe Monthly ฉบับนี้เป็นฉบับแรกที่จะแปลบางส่วนเป็นภาษาไทย หากท่านสนใจรับข้อมูลข่าวสารเป็นภาษาไทย กรุณาลงทะเบียน ที่นี่ เราให้ความสำคัญกับทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของท่านผู้อ่านซึ่งจะเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มแรกของการดำเนินงานเกี่ยวกับ Europe in Review (EiR) เราหวังว่าท่านผู้อ่านจะสนุกไปกับเนื้อหาที่ทางทีม EiR ได้จัดทำขึ้น ขอแสดงความนับถือ เฮนนิ่ง กลาเซอร์ บรรณาธิการบริหาร
เว็บไซต์: https://www.cpg-online.de, เฟซบุ๊ก: https://www.facebook.com/CPGTU Main Sections
สหภาพยุโรป ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและภูมิรัฐศาสตร์ อียูเห็นชอบคว่ำบาตรเบลารุสครั้งใหม่ในเรื่องวิกฤตการณ์ผู้อพยพในท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน สหภาพยุโรปเห็นพ้องในมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ต่อเบลารุสเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ผู้อพยพต่อเนื่องที่ชายแดนโปแลนด์-เบลารุส ที่ได้จุดชนวนให้เกิดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยข่มขู่ว่าจะนำรัสเซีย สหรัฐฯ และนาโตเข้าสู่ส่งคราม [Euronews] การอพยพของชาวตะวันออกกลางส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาทางตะวันออกของอียูทำให้เกิดข้อกล่าวหาว่าเบลารุสกำลังจัดตั้งการโจมตีแบบ "ไฮบริด" ที่มุ่งทำลายเสถียรภาพของโปแลนด์และสหภาพยุโรปโดยรวมด้วยการกระตุ้นให้หลายพันคนข้ามพรมแดนโปแลนด์อย่างผิดกฎหมาย [Reuters] กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าเบลารุสซึ่งเป็นพันธมิตรของรัสเซีย จัดสถานการณ์วิกฤตการณ์ผู้อพยพขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการจัดตั้งกองกำลังของรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครน โดยรัฐบาลเครมลิน ปฏิเสธคำกล่าวอ้างนี้ [Reuters] วิกฤตการณ์ผู้อพยพทำให้เกิดความวุ่นวายทางการทูต โดยประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน เข้าพบประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ ส่วน ชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรปเดินทางไปโปแลนด์เพื่อแสดง "ความเป็นปึกแผ่นอย่างสมบูรณ์" กับโปแลนด์ และนายกรัฐมนตรีมาแตอุช มอราวีแยตสกี แห่งโปแลนด์ได้หารือกับผู้นำของเยอรมนี ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร [Euractiv] [Reuters] ในกรุงเบอร์ลิน มอราวีแยตสกี บอกผู้สื่อข่าวว่าเป้าหมายสูงสุดของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ ปูติน คือการทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสหภาพยุโรปและนาโต นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีผู้กำลังลงจากตำแหน่งกล่าวว่า “เรากำลังติดต่อกับสายสัมพันธ์ของรัสเซียที่นี่” เธอกล่าวเสริมว่า: “เรารู้ว่าลูกาเชนโกกับประธานาธิบดีปูตินมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก” [Politico Europe] เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นาโตประณามเบลารุสว่ามีบทบาทในวิกฤตการณ์นี้และเรียกร้องให้เบลารุส "ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ" รัฐบาลเบลารุสยังคงปฏิเสธความรับผิดชอบ แม้ว่าประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกแห่งเบลารุสจะกล่าวเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนว่ามัน “เป็นไปได้อย่างแน่นอน” ที่กองกำลังของเขาจะช่วยเหลือผู้อพยพไปยังพรมแดนของประเทศกับสหภาพยุโรป [NATO] [Euronews] [Guardian] การคว่ำบาตรครั้งใหม่ซึ่งตกลงกันโดยรัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรปมีแนวโน้มที่จะพุ่งเป้าไปยังและอายัดทรัพย์สินของ “ผู้คน สายการบิน ตัวแทนการท่องเที่ยว และทุกคนที่เกี่ยวข้องในการผลักดันผู้อพยพอย่างผิดกฎหมายนี้” โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของกลุ่มกล่าว [Guardian] ในความพยายามที่จะป้องกันไม่ให้ผู้อพยพเข้ามาที่ชายแดนมากขึ้นนั้น คณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ได้ขู่ว่าจะคว่ำบาตรสายการบินที่ช่วยขนส่งผู้อพยพโดยมีเป้าหมายที่จะเข้าสู่สหภาพยุโรปผ่านทางเบลารุส มาตรการที่เสนอจะขัดขวางไม่ให้บริษัทเหล่านี้เข้าสู่น่านฟ้าของสหภาพยุโรปได้ บทบาทของลูกาเชนโกในวิกฤตการณ์ผู้อพยพถือเป็นการตอบสนองต่อการคว่ำบาตรครั้งก่อนที่กระทำโดยสหภาพยุโรป ภายหลังจากมีการปราบปรามฝ่ายค้านทางการเมืองอย่างรุนแรงในเบลารุส [Politico Europe] ความตึงเครียดที่ชายแดนได้ทวีความรุนแรงขึ้นในบางครั้ง โดยทางการโปแลนด์ได้ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงและแก๊สน้ำตาเพื่อจัดการกับกลุ่มผู้อพยพในฝั่งเบลารุส กระทรวงกลาโหมของโปแลนด์กล่าวว่านี่เป็นการตอบสนองต่อยุทธวิธีรุนแรงที่ใช้โดยผู้อพยพที่พยายามใช้กำลังฝ่าสิ่งกีดขวางและโยนสิ่งของข้า มพรมแดนเข้ามา ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ของโปแลนด์จำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ กระทรวงกลาโหมในกรุงวอร์ซอยังกล่าวหาว่าเบลารุสกำลังจัดหาระเบิดเสียงให้กับผู้อพยพเพื่อโยนข้ามรั้วกั้นชายแดน [Reuters] ผู้อพยพหลายพันคนติดอยู่ที่ชายแดนในค่ายชั่วคราวที่มีอุณหภูมิต่ำเนื่องจากใกล้ฤดูหนาว และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คนในภูมิภาคนี้นับตั้งแต่เกิดวิกฤต เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ทางการเบลารุสเริ่มเคลื่อนย้ายผู้อพยพประมาณ 2,000 คนจากป่าเข้าไปอยู่ในโกดังสินค้า โดยกล่าวว่ามีการจัดหาอาหารและความอบอุ่นให้กับผู้อพยพ ซีเรียและอิรักได้เริ่มประสานงานกับรัฐบาลเบลารุสเพื่อนำพลเมืองบางส่วนของตนกลับประเทศ โดยผู้อพยพหลายร้อยคนได้เดินทางกลับบ้านโดยทางเครื่องบินแล้ว [Reuters] [Guardian] [BBC News] [Al Jazeera] (ek/pk) ที่ประชุมสุดยอดว่าด้วยสภาพภูมิอากาศให้คำปฎิญาณที่จะ 'ลด' การใช้พลังงานถ่านหินทีละน้อย ซึ่งทำให้นักรณรงค์ผิดหวัง เจ้าหน้าที่จากเกือบ 200 ประเทศซึ่งรวมถึงผู้นำระดับโลก 120 คนที่มาประชุมในสกอตแลนด์เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านสิ่งแวดล้อม UN COP26 บรรลุข้อตกลงที่มีเป้าหมายเพื่อลดความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่นักรณรงค์กล่าวว่าผู้เข้าร่วมยังน้อยไปและสายเกินไป หลังจากการคัดค้านในนาทีสุดท้ายโดยจีนและอินเดีย ซึ่งทั้งคู่เป็นผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ ความมุ่งมั่นหลักในการ "ลด" การใช้พลังงานถ่านหินลงทีละน้อยนั้นถูกทำให้อ่อนลง เพื่อให้คำปฏิญาณว่าจะ "ลด" การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษกล่าวว่าข้อตกลงที่ลดความเข้มข้นลงซึ่งตกลงกันในวันที่ 13 พฤศจิกายนในเมืองกลาสโกว์นั้น “น่าผิดหวัง” [Times] หลายประเทศ ซึ่งรวมทั้งรัฐที่เป็นเกาะเล็กๆ ต่างก็แสดงความผิดหวัง อย่างไรก็ตาม นับเป็นครั้งแรกที่การประชุม COP ร่างแผนที่ชัดเจนในการตัดการใช้ถ่านหินซึ่งทำให้โลกร้อนเร็วขึ้น ข้อตกลงดังกล่าวบรรลุผลในการประชุมสุดยอดที่ให้คำปฏิญาณว่าจะจัดสรรเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ประเทศยากจนจัดการกับผลกระทบของการเปล ี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเพื่อเปลี่ยนไปใช้พลังงาน "สะอาด" [BBC News] รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ อล็อก ชาร์มาซึ่งเป็นประธาน COP26 ยกย่องข้อตกลงดังกล่าวว่าเป็นข้อตกลงประวัติศาสตร์ แม้ว่าเขาจะยอมรับว่าในช่วงขณะสุดท้ายว่า ข้อตกลงนี้ตกอยู่ในอันตราย เขากล่าวเสริมว่า "เราสามารถพูดอย่างสนิทใจว่าเรารักษาเป้าหมายในการจำกัดภาวะโลกร้อนไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียสเหนือระดับอุณหภูมิก่อนยุคอุตสาหกรรม" [Guardian] นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งผู้นำระดับโลกตกลงที่จะทำงานภายใต้ข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศปี 2015 จะเห็นว่าโลกกำลังหลีกเลี่ยงจากผลกระทบร้ายแรงที่สุดของการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้เห็นไม่เพียงคลื่นความร้อนและความแห้งแล้งที่เพิ่มขึ้น แต่ยังรวมถึงน้ำท่วมด้วย [EiR Monthly November 2021] ในระหว่างการประชุมสุดยอดนั้น ประเทศออสเตรีย เดนมาร์ก เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก และโปรตุเกส ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรปกันไม่ให้พลังงานนิวเคลียร์อยู่ในอนุกรมวิธานการเงินสีเขียว (green finance taxonomy) ของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นชุดแนวทางสำหรับนักลงทุนในเงื่อนไขที่จะถือได้ว่าเทคโนโลยีต่างๆ นั้นยั่งยืน [Euractiv] (pk) ร่างยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงปลอดภัยของสหภาพยุโรปเตือนถึงภัยคุกคาม และเริ่มสร้างสมรรภถาพในการป้องกันตนเอง สหภาพยุโรปได้เตรียมการตอบสนองต่อภัยคุกคามเชิงยุทธศาสตร์ที่เกิดจากศัตรูด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ เช่น รัสเซียและจีน ขณะกลุ่มพยายามที่จะพัฒนาสมรรถภาพในการป้องกันตนเองมากขึ้น ในขณะที่ยังคงความร่วมมือด้านการป้องกันกับสหรัฐฯ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป โจเซฟ บอร์เรลล์ ประกาศในเอกสารนโยบายของวันที่ 12 พฤศจิกายนที่สรุปลำดับความสำคัญในการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ของกลุ่มในแง่ของความมั่นคงปลอดภัยและการป้องกัน บอร์เรลล์กล่าวว่านโยบาย “เข็มทิศยุทธศาสตร์” เป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาอิทธิพลของสหภาพยุโรปในฐานะผู้ดำเนินการในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยผสานรวมสินทรัพย์เพื่อตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อภัยคุกคามและความท้าทาย หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศยังกล่าวด้วยว่า “ขอบเขตทางการเมืองของสหภาพยุโรปกำลังถูกบีบ และค่านิยมเสรีของเราถูกท้าทายมากขึ้น” ในรายงานของสื่อซึ่งอธิบายว่าเป็นข้อความที่ส่งถึงรัสเซียและจีน ในขณะเดียวกัน ตามรายงานของบอร์เรลล์นั้น เอกสารเชิงยุทธศาสตร์ “ไม่มีทางขัดแย้งกับคำมั่นของยุโรปที่ให้ต่อนาโต” [Project Syndicate] [Politico Europe] [Monde] “เข็มทิศยุทธศาสตร์” เพิ่มโอกาสของ “สมรรถภาพในการเคลื่อนกำลังพลพร้อมอาวุธอย่างรวดเร็ว” ซึ่งมีรายงานว่าอยู่ในรูปแบบของกองกำลังรับมือเหตุวิกฤติของสหภาพยุโรปที่ประกอบด้วยทหาร 5,000 นาย ความพยายามก่อนหน้านี้ในการพัฒนาสมรรถภาพที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งรวมถึงข้อตกลงในการสร้าง “กลุ่มการต่อสู้ของสหภาพยุโรป” ขึ้นในปี 2007 นั้นยังไม่ถูกนำไปปฏิบัติ [Deutsche Welle] คาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 เอกสาร “เข็มทิศยุทธศาสตร์” จะถูกนำมาใช้แทนที่ “ยุทธศาสตร์สากล” ของสหภาพยุโรปที่พัฒนาขึ้นโดยเฟเดริกา โมเกรินี ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าบอร์เรลล์ และนำมาใช้โดยสหภาพยุโรปในปี 2016 ประเทศสมาชิก 27 ชาติจะต้องหาฉันทามติเกี่ยวกับลำดับความสำคัญของนโยบายต่างประเทศของกลุ่ม รวมถึงการเคลื่อนกำลังพลพร้อมอาวุธร่วมกันในต่างประเทศ ในท่ามกลางความไม่สงบทางการเมืองในซาเฮลและวิกฤตการณ์ผู้ลี้ภัยที่ชายแดนระหว่างโปแลนด์และเบลารุส [EiR Monthly November 2021] เมื่อถูกถามว่าแผนยุทธศาสตร์ใหม่จะมีผลกระทบต่อความร่วมมือกับสหรัฐฯ หรือไม่ เจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรปได้ให้เหตุผลก่อนหน้านี้ว่าสมรรถภาพทางการทหารในการป้องกันตนเองจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่พันธมิตรอเมริกันของพ วกเขา และไม่กีดกันความเป็นไปได้ของโครงการป้องกันร่วมกัน [Reuters] [Monde] สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปได้ดำเนินการเจรจาเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการป้องกันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าความคืบหน้าจะช้าเนื่องจากปัญหาด้านเทคนิคและการจัดการด้านการบริการ [Defense News] ในขณะเดียวกัน บรรดารัฐมนตรีกลาโหมของสหภาพยุโรปได้พิจารณาในการประชุมในเดือนพฤศจิกายนถึงหนทางที่สำนักงานป้องกันประเทศยุโรปจะสามารถกระตุ้นนวัตกรร มทางเทคโนโลยีสำหรับกองทัพยุโรป [Defense News] ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน กองทัพสหรัฐฯ ได้ประกาศการฟื้นคืนชีพของกองบัญชาการปืนใหญ่ของตนในยุโรป ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ปฏิบัติการครั้งสุดท้ายในทวีปนี้ในระหว่างปี 1986 และ 1991 มีรายงานว่าการเคลื่อนย้ายนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อวางกองทัพสหรัฐฯ ให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าในการต่อสู้กับ “ศัตรูหลัก” เช่น รัสเซีย และจีน [Army Times] (qc/pk) สนธิสัญญามิตรภาพอิตาลี-ฝรั่งเศส: ความพยายามสร้างสมดุลใหม่ของอำนาจในยุโรป หลังจากความตึงเครียดทางการทูตมาเป็นเวลาหลายปี ฝรั่งเศสและอิตาลีได้ลงนามในกติกาสัญญามิตรภาพและความร่วมมือครั้งสำคัญ ข้อตกลงดังกล่าวยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อถ่วงดุลอำนาจในยุโรป ในขณะที่นายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล กำลังลงจากตำแหน่ง ตามการอ้างของสำนักข่าวรอยเตอร์จากแหล่งข่าวของรัฐบาลอิตาลี [Reuters] ในพิธีหนึ่งที่พระราชวังควิรินัลในกรุงโรมเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แอมานุแอล มาครง และนายกรัฐมนตรี มาริโอ ดรากี ของอิตาลี กล่าวถึงความจำเป็นในการประสานงานด้านกฎระเบียบทางงบประมาณ การลงทุน และการอพยพย้ายถิ่นของสหภาพยุโรปให้มากขึ้น และเพื่อจัดการกับความท้าทายทั่วไปอื่นๆ เช่น การเปลี่ยนผ่านพลังงาน [Financial Times] ตามความเห็นของนักวิจารณ์นั้น สนธิสัญญาดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ อิตาลีจะมีบทบาทมากขึ้นในระดับยุโรป ในขณะเดียวกัน ข้อตกลงนี้สามารถช่วยมาครงซึ่งคาดว่าจะได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง ฝรั่งเศสจะลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ในเดือนเมษายน [Financial Times] รัฐบาลฝรั่งเศสและอิตาลีได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าพวกเขาพร้อมที่จะทิ้งความตึงเครียดไว้เบื้องหลังหลังจากที่มีข้อพิพาทระหว่างกันนับ จากปี 2018 ถึง 2019 ในเรื่องการอพยพย้ายถิ่น ความขัดแย้งในลิเบีย และโครงการอุตสาหกรรมต่างๆ ในปี 2019 รองนายกรัฐมนตรีอิตาลี ลุยจี ดี มาโยในขณะนั้นได้พบปะกับผู้นำกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านมาครงที่ชื่อ “เสื้อกั๊กสีเหลือง” [Euronews] ฝรั่งเศสได้เรียกเอกอัครราชทูตของตนประจำอิตาลีกลับชั่วคราวเพื่อเป็นการตอบโต้ หลังจากดรากีเข้ารับตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศก็ดีขึ้น โดยที่รัฐบาลฝรั่งเศสและอิตาลีใกล้ชิดกันในขณะที่ประสานงานเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังโรคระบาดของสหภาพยุโรป [Politico Europe] ระยะเวลาของสนธิสัญญาควิรินัลมีความสำคัญเนื่องจากการออกจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล นั้นทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองขึ้นในยุโรป และดันจุดศูนย์ถ่วงอำนาจของสหภาพยุโรปให้ไปที่ฝรั่งเศสและอิตาลีในขณะนี้ สนธิสัญญาระหว่างฝรั่งเศสและอิตาลีทำให้ระลึกถึงสนธิสัญญาเอลีเซ่ระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนีที่ทำขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สองและต่ออา ยุสัญญาใหม่ในปี 2019 โดยมาครงและเยอรมนี [Politico Europe] อย่างไรก็ตาม มาครงกล่าวว่า "คุณไม่ควรมองว่า ในมิตรภาพที่เรากำลังสร้างขึ้นข้ามเทือกเขาแอลป์นั้น เป็นการทดแทนมิตรภาพที่เราทำให้มั่นคงขึ้นข้ามแม่น้ำไรน์" [Financial Times] “เราต้องติดตั้งเครื่องมือให้สหภาพยุโรปที่เข้ากันได้กับความทะเยอทะยานและความคาดหวังของพลเมืองของเรา สนธิสัญญาที่เราลงนามในวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้” ดรากีกล่าว [Financial Times] (kc/pk) ฝรั่งเศส, อังกฤษตำหนิเรื่องการค้าขณะผู้อพยพเสียชีวิตเนื่องจากพยายามข้ามช่องแคบ ความตึงเครียดระหว่างสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสได้เพิ่มสูงขึ้นเมื่อผู้อพยพพยายามข้ามช่องแคบอังกฤษที่อันตราย ช่องแคบนี้เป็นหนึ่งในเขตการขนส่งหลักของทวีป เดือนพฤษจิกายนเพียงเดือนเดียวได้เกิดวิกฤตการณ์ผู้อพยพที่กำลังดำเนินต่อเนื่องเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยมีจำนวนผู้ที่พยายามเดินทางมากเป็นประวัติการณ์ มีผู้เสียชีวิต 27 คนในวันที่ 24 พฤศจิกายนจากโศกนาฏกรรมที่ทำให้ทั้งสองประเทศตกตะลึง [Reuters] ฝรั่งเศสบอกอังกฤษให้หยุด "ให้บทเรียน" ในท่ามกลางข้อกล่าวหาของอังกฤษว่าฝรั่งเศสไม่ได้ทำมากพอที่จะหยุดยั้งผู้อพยพให้ทำการเดินทางที่เสี่ยงชีวิต เฌราลด์ ดาร์มาแนงรัฐมนตรีมหาดไทยของฝรั่งเศสกล่าวว่าสหราชอาณาจักรสร้างแรงจูงใจให้ข้ามพรมแดนด้วยคำสัญญาในเรื่องตลาดแรงงานที่ส่งเสริม “คนงานไม่ประจำผู้ได้รับสิทธิประโยชน์น้อยถูกจ้างด้วยค่าแรงต่ำ” รัฐมนตรีฯ ยังกล่าวอีกว่านี่เป็นงานขององค์กรนอกภาครัฐของอังกฤษที่ “ขัดขวางไม่ให้ตำรวจและกองกำลังทหารทำงาน” [France 24] เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน มีจดหมายฉบับหนึ่งที่ตีพิมพ์บนทวิตเตอร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ได้ขอให้ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แอมานุแอล มาครง ให้ "จัดทำข้อตกลงการรับกลับอีกครั้งระดับทวิภาคีเพื่ออนุญาตให้ผู้อพยพที่ผิดกฎหมายทุกคนที่ข้ามช่องแคบให้ถูกส่งตัวกลับได้" ความตึงเครียดจากการอพยพข้ามช่องแคบที่สร้างสถิติใหม่รายวันนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน โดยมีผู้พยายามเดินทางถึง 1,185 คน ผู้ค้าปลีกอุปกรณ์กีฬายี่ห้อดีแคทลอนกล่าวเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนว่าตนจะหยุดจำหน่ายเรือแคนูในกาแลและที่ร้าน Grande-Synthe ใกล้เมืองเดิงแกร์ก โฆษกของผู้ค้าปลีกรายนี้กล่าวว่าการขายเรือแคนูในภูมิภาคน ี้สามารถ “ถูกใช้เพื่อข้ามช่องแคบ” และว่า “(จะทำให้) ชีวิตตกอยู่ในอันตราย” [Euronews] ในวันเดียวกันนั้น ดาร์มาแนงได้สั่งให้ทำการกวาดล้างค่ายผู้อพยพ Grande-Synthe ด้วยความพยายามที่จะกระตุ้นให้ผู้อพยพสมัครขอลี้ภัยในฝรั่งเศสและหาที่หลบภัยที่เหมาะส ม แทนที่จะข้ามไปอังกฤษ ในช่วงต้นเดือนมกราคมถึงปลายเดือนสิงหาคม มีผู้อพยพ 15,400 คนพยายามข้ามช่องแคบในปีนี้ปีเดียว ซึ่งเทียบกับ 9,500 คนในปี 2020 มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 คนในวันที่ 24 พฤศจิกายนในการพยายามข้ามช่องแคบหลังจากเรือของพวกเขาจมลงใกล้เมืองกาแล องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานกล่าวว่านี่เป็น "การสูญเสียชีวิตคนเพียงครั้งเดียวที่มากที่สุดในช่องแคบ" ตาม [BBC News] ผู้แทนรัฐบาลจากฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียมได้พบกับเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรป แต่ไม่มีผู้แทนจากสหราชอาณาจักรในเมืองกาแลในวันที่ 26 พฤศจิกายน เพื่อหารือแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาวิกฤตที่กำลังดำเนินอย่างต่อเนื่องนี้ [Politico Europe] [Guardian] (ig/qc/pk) ความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปและไต้หวันทำให้เกิดความตึงเครียดกับจีน และนาโตจะไม่ตราหน้าจีนว่าเป็นปฏิปักษ์ ตามรายงานที่ระบุว่าสหภาพยุโรปยินดีที่จะกระชับความสัมพันธ์ของตนกับไต้หวันนั้น การเยือนเมืองหลวงไทเปของบรรดาสมาชิกรัฐสภายุโรปในเดือนพฤศจิกายนได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สมาชิกรัฐสภายุโรป 7 คนเยือนสาธารณรัฐจีนหรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อไต้หวัน เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน และได้พบปะกับประธานาธิบดีไต้หวัน ไช่ อิงเหวิน เพื่อแสดงความเป็นปึกแผ่นกับไต้หวัน “สำหรับความพยายามที่จะจัดการกับแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน” ในเดือนตุลาคม รัฐสภายุโรปได้รับรองข้อเสนอแนะต่อหัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการเมืองและความร่วมมือกับเจ้าหน ้าที่ในรัฐบาลไต้หวัน คำแนะนำดังกล่าวขอให้ “พิจารณาว่าไต้หวันเป็นคู่ค้าสำคัญและเป็นพันธมิตรในระบอบประชาธิปไตยในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกด้วยคุณสมบัติของไต้หวันเอง” ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปส่วนใหญ่ไม่มีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไต้หวัน และการเยือนครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเป็นหุ้นส่วนอย่างเป็นทางการมากขึ้น นักวิจารณ์กล่าวว่าสหภาพยุโรปกำลังถูกครอบงำมากขึ้นในเรื่องอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนที่มีต่อการเมืองยุโรป การบิดเบือนข้อมูล และการโจมตีทางไซเบอร์ [Al Jazeera] รัฐบาลจีนตอบโต้การเยือนดังกล่าวโดยกล่าวว่าสหภาพยุโรปควรแก้ไข “ความผิดพลาด” ของตน และเตือนว่าประเทศในยุโรปจะ “จ่ายราคา” สำหรับการดำเนินการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขึ้นกับไต้หวัน [Politico Europe] สาธารณรัฐประชาชนจีนถือว่าไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งมากกว่าเป็นประเทศเอกราช แม้ว่าดินแดนนั้นจะอยู่นอกการควบคุมด้านการบริหารของตน การเยือนสาธารณรัฐจีนของสมาชิกรัฐสภายุโรปเกิดขึ้นหลังจากการเยือนยุโรปของรัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน โจเซฟ หวู่ ซึ่งเขาได้จัดประชุมลับกับเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปในระหว่างการเยือนด้วย [Politico Europe] แม้จะมีความตึงเครียดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ประธานคณะกรรมาธิการการทหารของนาโตได้ปฏิเสธที่จะระบุว่าจีนเป็น “ปฏิปักษ์” หรือ “ศัตรู” ในเอกสารยุทธศาสตร์ที่กำลังจะมีขึ้นของพันธมิตร เนื่องจากไม่มีภัยคุกคามต่อขอบเขตผลประโยชน์ของนาโตโดยตรงในปัจจุบัน [Defense News] ในเดือนมิถุนายน ประมุขแห่งรัฐและรัฐบาลจากประเทศสมาชิกนาโตกล่าวในแถลงการณ์ว่า “ความทะเยอทะยานของจีนและพฤติกรรมที่รุกรานที่ระบุไว้ของจึนนำเสนอความท้าทายอย่างเป็นระบบต่อระเบียบระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนกฎและต ่อพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของพันธมิตร” (qc/pk) กรีซไม่พอใจข้อตกลงป้องกันประเทศระหว่างสเปนและตุรกีท่ามกลางความตึงเครียดภายในนาโต นายกรัฐมนตรีเปโดร ซันเชซแห่งสเปน และประธานาธิบดี เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน แห่งตุรกี ได้ตกลงที่จะส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่กระตุ้นให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากรัฐบาลกรีซ และเน้นย้ำความแตกแยกในระหว่างชาติสมาชิกนาโต ข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศในเดือนพฤศจิกายนมีขึ้นท่ามกลางข้อพิพาทเรื่องดินแดนที่มีมายาวนานระหว่างรัฐบาลกรีซและรัฐบาลตุรกี และการแข่งขันกันระหว่างฝรั่งเศสกับสเปนเพื่อแย่งชิงอิทธิพลในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก โฆษกรัฐบาลกรีซ ยานนิส อีโคโนโม แสดงความไม่พอใจต่อข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศ โดยเฉพาะกับสเปนซึ่งเป็นเพื่อนสมาชิกสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศของสเปน โฮเซ่ มานูเอล อัลบาเรส ให้ความมั่นใจแก่คู่เจรจาคือนายนิกอส เดนเดียส รัฐมนตรีต่างประเทศของกรีซ ว่าความเป็นปึกแผ่นของสเปนกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปนั้น “อยู่เหนือความสงสัย” อัลบาเรสกำลังเตรียมที่จะไปเยือนกรุงเอเธนส์เพื่อให้ “คำชี้แจง” เกี่ยวกับข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศกับตุรกี กระทรวงการต่างประเทศของสเปนกล่าวเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน [Ekathimerini] ในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว กรีซและตุรกี ซึ่งทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของนาโต เกือบจะเป็นศัตรูกันอันเนื่องจากการอ้างสิทธิ์ที่ขัดแย้งกันของแต่ฝ่ายต่อทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออ ก [Al Jazeera] ในปี 2020 เดนเดียสได้ส่งจดหมายถึงรัฐมนตรีต่างประเทศของสเปน อิตาลี และเยอรมนี เพื่อขอให้พวกเขาออกคำสั่งห้ามค้าอาวุธกับรัฐบาลตุรกี เขาขอให้พวกเขาไม่อนุญาตให้ส่งออกยุทโธปกรณ์ทางทหาร เช่น เครื่องบิน เรือดำน้ำ เรือฟริเกต และการอัพเกรดชุดเกราะเฉพาะ (specific armour upgrades) ไปยังตุรกี อิตาลีและสเปนเป็นผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ของยุโรปให้กับตุรกี [Euractiv] ข้อตกลงระหว่างสเปนและตุรกีเกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงฝรั่งเศส–กรีซเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งสองประเทศหลังให้สัตยาบันในกติกาสัญญาป้องกันร่วมกัน ข้อตกลงดังกล่าวให้คำมั่นว่าจะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันหากฝ่ายหนึ่งถูกโจมตีโดยประเทศที่สาม แม้ว่าประเทศที่สามจะเป็นสมาชิกของนาโตก็ตาม [Al Jazeera] รัฐบาลตุรกีกล่าวว่าข้อตกลงด้านความมั่นคงและการป้องกันระหว่างรัฐบาลฝรั่งเศสและรัฐบาลกรีซ “ข่มขู่จะทำอันตรายต่อพันธมิตรนาโต้” ในขณะเดียวกัน การขยายข้อตกลงด้านการป้องกันและความร่วมมือทางทหารระหว่างสหรัฐฯ และกรีซ ได้รับการตอบรับอย่างไม่กระตือรือร้นในรัฐบาลตุรกี ตุรกีถูกกีดกันไม่ให้ซื้อเครื่องบินขับไล่ เอฟ-35 ของสหรัฐฯ ที่มีเทคโนโลยีสูง เนื่องจากตุรกีได้ซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศ เอส-400 ของรัสเซียในปี 2019 [EiR Monthly November 2021] (ka/pk) ผู้แจ้งเบาะแสในการเปิดโปงเฟสบุ๊คกล่าวว่ากฎหมายการให้บริการดิจิทัลของสหภาพยุโรปจะถือเป็น “ระบบมาตรฐานหลัก” ในการกำกับดูแลเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ฟรานเซส เฮาเกน ผู้แจ้งเบาะแสในการเปิดโปงเฟสบุ๊คได้กล่าวถึงกฎหมายการให้บริการดิจิทัลของสหภาพยุโรปที่กำลังจะถูกบังคับใช้ว่าจะถือเป็น “ระบบมาตรฐานหลัก” ในการควบคุมช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ในขณะที่สหภาพยุโรปเองมีความพยายามที่จะกำกับดูแลเศรษฐกิจใหม่ในรูปแบบดิจิตอล [Euractiv] [Parliament Magazine] [Politico Europe] เฮาเกน ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเพิกเฉยของอดีตนายจ้างต่อวาทะสร้างความเกลียดชังและเนื้อหาที่ผิดกฎหมายในช่องทางเฟสบุ๊คผ่านการแถลงเม ื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนต่อสภายุโรป โดยกล่าวต่อสมาชิกสภายุโรปว่าการตัดสินใจโดยฝ่ายบริหารของเฟสบุ๊คนั้นถือเป็น “ปัญหาใหญ่สำหรับเด็ก ความปลอดภัยทางสาธารณะ และประชาธิปไตย” [Politico Europe] กฎหมายการให้บริการดิจิทัลคือความพยายามของสหภาพยุโรปที่จะบีบให้ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่นเฟสบุ๊คลงมือแก้ปัญหาในด้านเนื้อหาที่ผิดกฎหมายด้วยโทษปรับที่มีอัตรารุนแรง [Reuters] กฎหมายการให้บริการดิจิทัลได้ถูกรวมเข้ากับกฎหมายตลาดดิจิทัลเพื่อจุดประสงค์ที่จะกำกับดูแลช่องทางออนไลน์ที่รู้จักกันในนามว่า “ผู้เฝ้าประตู” เช่น กูเกิ้ล อเมซอน แอปเปิ้ล และเฟสบุ๊ค [Euractiv] [Politico Europe] เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน มาเกรท เวสเทเออร์ รองคณะกรรมาธิการยุโรปและหนึ่งในหัวหน้าการออกแบบกฎหมายดังกล่าว ได้กำหนดโทษแก่บริษัทกูเกิ้ลในการกระทำเมื่อปี 2017 ต่อการที่กูเกิ้ลมีพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขัน ซึ่งถูกพิพากษาโดยศาลทั่วไปแห่งสหภาพยุโรป [Euractiv] [EFF] (wb/qc/pk) แม้ความกังวลต่อจีน แต่แมร์เคิลเตือนถึงความเสียหายที่อาจเกิดจาดการแยกตัวทางเศรษฐกิจ แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหภาพยุโรปกำลังตกอยู่ท่ามกลางความตึงเครียดในเรื่องของการที่สหภาพยุโรปนั้นกล่าวหาการละเมิดสิทธิมนุ ษยชนโดยรัฐบาลกลางของจีน แต่นางแองเกล่า แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมนี ผู้มีลักษณะนิสัยที่เป็นกันเอง กลับได้กล่าวเตือนว่า “การแยกตัวทางเศรษฐกิจโดยสิ้นเชิง” จากยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียอาจส่งผลให้เกิดความเสียหาย แมร์เคิลอ้างผ่านการสัมภาษณ์กับสำนักงานข่าวรอยเตอร์ว่าแม้ความกังวลในเรื่องที่จีนนั้นมีการแฝงตัวเพื่อสืบข้อมูลจากรัฐบาลเยอรมนีหรือ มีการโจรกรรมด้านเทคโนโลยี แต่จีนนั้นก็เป็นผู้สนับสนุนหลักในด้านวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เธอกล่าวว่าเยอรมนีต้องทบทวนความเป็นหุ้นส่วนในบางด้านกับจีนเนื่องจากในช่วงแรกนั้น “การดำเนินการของความร่วมมือในบางเรื่องยังค่อนข้างขาดประสบการณ์” เธอได้เน้นย้ำถึงมาตรฐานการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเยอรมนี และกฎหมายใหม่ด้านความมั่นคงทางเทคโนโลยีซึ่งให้อำนาจรัฐบาลเยอรมนีในการคัดกรองบริษัท เช่น หัวเว่ยซึ่งเป็นบริษัทจากจีน ผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับเครือข่ายโทรคมนาคมที่ทันสมัย ในระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอันยาวนานเป็นเวลา 16 ปีของแมร์เคิลนั้น ปี 2016 เป็นปีที่จีนก้าวเข้ามาเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี ซึ่งก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเยอรมนีพึ่งพาทางฝ่ายจีนมากเกินไป [DW] [South China Morning Post] ในขณะเดียวกัน นายเยนส์ สปาห์น รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของเยอรมนีได้เรียกร้องให้มีการอภิปรายในเรื่องการหาหนทางลดการพึ่งพาที่เพิ่มขึ้นต่อแผ่นดินใหญ่เช่น ประเทศจีน เขายังได้เรียกร้องให้ทางเยอรมนีและสหภาพยุโรปกระจายการค้าไปในประเทศและภูมิภาคอื่นๆ [Reuters] (dql/pm/pk) สหภาพยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เห็นพ้องกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าท่ามกลางความกังวลที่มีต่อจีน เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสจากสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่นเห็นพ้องกันที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการค้า เพื่อเผชิญหน้ากับ “ความท้าทายของโลกซึ่งเกิดขึ้นจากระบบเศรษฐกิจที่มิใช่ระบบตลาดและหลักการปฏิบัติของประเทศนอกกลุ่ม” ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวนั้นสื่อถึงทางฝ่ายจีน [European Commission] [Mainichi] [South China Morning Post] ในขณะเดียวกัน นายชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป มีเป้าหมายที่จะส่งเสริมการค้าด้านสินค้าอุตสาหกรรมและความยั่งยืนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกผ่านการเข้าพบกับ นาย ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นักวิพากษ์วิจารณ์ต่างมองว่าการเยือนประเทศญี่ปุ่นของนายมิเชลถือเป็นสัญญาณล่าสุดของการแสดงความกังวลจากสหภาพยุโรปต่อผลการคุกคามจากอ ิทธิพลของจีนที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค [Kyodo News] (ec/pm/pk) ผู้นำสามประเทศสมาชิกเห็นพ้องกันที่จะจัดตั้งคณะกรรมมาธิการการดำเนินงานของข้อริเริ่มบอลข่านเสรี นายเอดี้
รามา นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐแอลเบเนีย นายอเล็กซานดาร์ วูชิช ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเซอร์เบีย และนายนิโคลา
ดิมิทรอฟ รองนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐมาซิโดเนียเหนือ เห็นพ้องกันที่จะจัดตั้งคณะกรรมมาธิการเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ ข้อริเริ่มบอลข่านเสรี ซึ่งแต่เดิมนั้นรู้จักกันในนามว่า “เชงเกนย่อยแห่งบอลข่าน” เป็นผลสืบเนื่องมาจากกระบวนการรวมตัวอันเป็นที่ยืดเยื้อของสหภาพยุโรปในกลุ่มประเทศบอลข่านตะวันตก ข้อริเริ่มดังกล่าวมีจุดประสงค์ที่จะสร้างการรวมกลุ่มของภาคการตลาดและมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าและประชากรอย่างเส รีระหว่างประเทศสมาชิกภายในปี ค.ศ. 2023 [Euronews] การประชุมดังกล่าวถูกจัดที่กรุงเบลเกรดเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดี วูชิช ได้กล่าวว่าจะมีการจัดการประชุมขึ้นอีกครั้งภายในปลายปีนี้ซึ่งจะมีการลงนามของประเทศสมาชิกต่อบันทึกความเข้าใจในเรื่องของใบอนุญาตการ ทำงาน นายกรัฐมนตรีรามา กล่าวว่าตัวเขานั้นเห็นแย้งกับเหตุผลในการปฏิเสธการเข้าร่วมข้อริเริ่มของ สาธารณรัฐคอซอวอ มอนเตเนโกร และ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา โดยนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐแอลเบเนียได้ส่งคำเชิญให้เข้าร่วมข้อริเริ่มแล้วอีกครั้งหนึ่ง[Euractiv] นาย อัลบิน กูร์ติ นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐคอซอวอ ได้ปฏิเสธการเข้าร่วมข้อริเริ่มบอลข่านเสรีโดยให้เหตุผลว่า ข้อริเริ่มดังกล่าวเป็นการเปิดช่องให้รัสเซียและจีนเข้ามาสร้างอิทธิพล “และยังเป็นการเปิดช่องทางเสรีให้แก่การทุจริต เผด็จการ และอาชญากรสงคราม” ในขณะเดียวกันมอนเตเนโกร และ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาได้ให้ถ้อยแถลงว่ามิได้เห็นข้อริเริ่มดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อประเทศของพวกเขา เพราะข้อตกลงทวิภาคีที่ได้ทำไว้แล้วนั้นครอบคลุมไปถึงการอำนวยความสะดวกของเรื่องการค้าและการท่องเที่ยว [Euronews Albania] [Balkan Insight] (ec/qc/pk) อาร์เมเนีย และอาเซอร์ไบจานเห็นพ้องในการใช้มาตราการหยุดยิงหลังจากเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดน นาร์กอโน-คาราบัค หลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนระหว่างแดนอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน ทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันที่จะกลับมาใช้มาตรา การการหยุดยิงเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ความรุนแรงดังกล่าวซึ่งได้ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนและถูกยืดเยื้อออกไปเป็นเวลาหลายวันเป็นเหตุการณ์ปะทะที่ร้ายแรงที่สุดของสงค รามในดินแดนแทรกนาร์กอโน-คาราบัค นับตั้งแต่ปีก่อนที่ได้มีการทำข้อตกลงสันติภาพซึ่งประสานงานโดยรัสเซีย[Reuters] อาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานต่างได้จัดพิธีรำลึกสงครามที่เกิดขึ้นหกสัปดาห์ในการชิงดินแดนนาร์กอโน-คาราบัคเมื่อปี 2020 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตม ากกว่า 6,000 ศพจากทั้งสองประเทศ [RFE/RL] การเปิดการต่อสู่อีกครั้งในบริเวณชายแดนถือเป็นการละเมิดต่อมาตราการการหยุดยิง โดยอาเซอร์ไบจานชี้แจงว่าทหารทางฝ่ายอาร์เมเนียได้ “กระทำการยุยงในวงกว้าง” ในขณะที่อาร์เมเนียกล่าวว่ากองกำลังทางทหารของฝ่ายอาเซอร์ไบจานได้ “พยายามที่จะรุกเข้ามาในบริเวณพรมแดนระหว่างประเทศของอาร์เมเนีย” [Al Jazeera] นายวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย ได้เป็นเจ้าภาพในการเจรจาหารือในเรื่องของพรมแดนในบริเวณดินแดนแทรกนาร์กอโน-คาราบัค แทรกเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนระหว่าง นาย นิโคล พาชิเนียนนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐอาร์เมเนีย และนาย อิลฮัม แอลีเยฟ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน [Euronews] คาดการณ์ว่าทั้งฝ่ายนายพาชิเนียนและนายแอลีเยฟ พร้อมผู้แทนจากสหภาพยุโรป จะมีการพบปะกันอีกครั้งในเดือนธันวาคม ณ กรุงบรัสเซลล์ เพื่อพูดคุยกันในเรื่องของความขัดแย้งในดินแดนนาร์กอโน-คาราบัค (qc/pk) กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปตะวันตก ฝรั่งเศส: สนามเลือกตั้งประธานาธิบดีคึกคักเมื่อประธานาธิบดีมาครงเลื่อนการประกาศลงเข้าชิงตำแหน่ง จำนวนผู้ลงสมัครเพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นผลมาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศสจะมีขึ้นใ นอีกห้าเดือนตามกำหนดการในเดือนเมษายน 2022 นายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสยังมิได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการเข้าลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ทำให้ความสนใจถูกเบนไปว่าบุคคลใดจะเป็นคู่แข่งหลักของเขา รวมไปถึงการเข้าลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งในวาระสุดท้ายของบุคคลภายนอกเช่น นายเอริค เซมมูร์ นักเขียนฝ่ายการเมืองขวาจัดและยังเป็นบุคคลในสื่อสาธารณะ เอมมานูเอล มาครงยังคงจำเป็นที่จะต้องประกาศว่าเขานั้นจะลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในเดือนเมษายนหรือไม่ สำหรับภายในพรรค La République En Marche เขายังได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามด้วยคะแนนเสียงจากเจ้าหน้าที่ผู้ผ่านการเลือกจากระดับท้องถิ่นประมาณ 599 เสียง ประธานาธิบดี นายเอดัวร์ ฟีลิป อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ซึ่งได้จัดตั้งพรรคของตนเองไม่นานมานี้ ก็ได้ให้การสนับสนุนเอมมานูเอล มาครง ผ่านพันธมิตรนามว่า “พลเมืองร่วมด้วยกัน!” ซึ่งเข้าร่วมโดยนักเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบเป็นกลาง เช่น โมเดม และอาจีร์ [Monde] [Euractiv] [EiR Monthly November 2021] มารีน เลอ แปน ผู้เข้าชิงจากพรรคแรลลี่แห่งชาติซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัดที่มีชื่อเดิมว่าพรรคแนวร่วมแห่งชาติ ลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป ็นครั้งที่สาม โดยมีนโยบายว่าด้วยการอพยพและความมั่นคง เลอ แปนถือว่าเป็นคู่แข่งที่สำคัญของมาครงในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ [Politico Europe] แอนน์ ไฮดาลโก ผู้ว่าการแห่งกรุงปารีส ชนะการแข่งขันเพื่อเป็นผู้เข้าชิงจากพรรคสังคมนิยมเมื่อเดือนตุลาคม
โดยกว่าร้อยละ 72 ของพรรคลงคะแนนให้เธอเป็นผู้เข้าลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
ไฮดาลโกดำรงตำแหน่งผู้ว่าการแห่งกรุงปารีสตั้งแต่ปี 2014 และรู้จักกันเป็นอย่างดีในเรื่องของการแก้ปัญหามลภาวะจากยานพาหนะในเมืองหลวง เธ
อต้องเผชิญหน้ากับความพยายามที่จะกอบกู้ความไว้วางใจของผู้โหวตที่มีต่อพรรคสังคมนิยมเนื่องจากคะแนนนิยมได้ลดลงอย่างมากในช่วงการดำรงต
ำแหน่งประธานาธิบดีหนึ่งสมัยของนายฟรองซัวส์ ฌอง-ลุค เมเลงชอน เป็นผู้ลงสมัครเข้าชิงจากพรรคการเมืองซ้ายจัดนามว่ากบฏฝรั่งเศส รุกขึ้นมาเป็นอันดับที่สี่ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุดและพบว่าเขาได้รับผลโหวตเป็นอัตราร้อยละ 10 จากการสำรวจความคิดเห็นในปั จจุบัน จุดยืนหลักของเขาคือด้านปัญหาสังคมและค่าครองชีพในฝรั่งเศสที่มีราคาสูง [Euronews] พรรคกรีนได้เลือก ยานนิก จาโด เป็นผู้ลงสมัครเข้าชิง
จาโดมิใช่ผู้เล่นหน้าใหม่ในสนามการเมืองด้วยเขานั้นเป็นสมาชิกของสภายุโรปอยู่แล้ว พรรคกรีนมีชัยชนะอย่างมากในการเลือกตั้งระดับท้องถิ
่นที่ผ่านมาทั้งในบอร์โดและลียง แต่ยังคงต้องแข่งขันกับพรรคสังคมนิยมและ พรรคอนุรักษนิยมซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายขวายังมิได้ทำการเลือกผู้เข้าชิงในการลงสมัคร อย่างไรก็ตาม เซเวียร์ เบทรอง ประธานสภาท้องถิ่นแห่งอิล เดอ ฟรองซ์ มิเชล บาร์นี อดีตคณะกรรมาธิการยุโรป และแวลารี แปเครส ประธานสภาท้องถิ่นแห่งโอดฟร็องส์ต่างลงสมัครเพื่อเป็นตัวแทนผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี [Le Monde] ฟรองซัว อัสเซลิโน ผู้ก่อตั้งพรรคสหภาพแห่งอนุรักษนิยมเป็นผู้ประกาศลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2022 เป็นคนแรก โดยเมื่อเมษายนของปี 2019 เขานั้นเคยประกาศเจตจำนงในการลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี [Connexion France] เอริค เซมมัวร์ สื่อการเมืองขวาจัดผู้เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาได้กล่าวว่าเขานั้นจะลงสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีถัดไป อย่างไรก็ตามเขานั้นยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการเป็นผู้เข้าชิง [Euractiv] เซมมัวร์เป็นที่รู้จักดีจากการให้ความเห็นอย่างเปิดเผยในเรื่องอิสลามและ “สังคมที่ถูกกระทบโดยสตรีนิยม” [Washington Post] จากผลสำรวจความคิดเห็นในปัจจุบันพบว่า เซมมัวร์ได้รับการโหวตเป็นอัตราร้อยละ 14 ซึ่งใกล้เคียงกับคู่แข่งหลังของมาครงซึ่งก็คือ มารีน เลอ แปนผู้ได้รับการโหวตเป็นอัตราร้อยละ 18 และเซมมัวร์ยังได้รับการโหวตที่มีอัตราสูงกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ เบทรอง จากพรรคการเมืองฝ่ายขวา (ร้อยละ 13) [Politico Europe] (ig/qc) ฝรั่งเศส: รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาเยือนปารีสหลังจากวิกฤตการณ์ทางการทูต กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาเยือนฝรั่งเศสเป็นเวลาห้าวันเพื่อหารือด้านสันติภาพระหว่างประเทศ สถานการณ์ในประเทศลิเบียและความมั่นคงทางไซเบอร์ การเยือนดังกล่าวเป็นเหตุมาจากข้อพิพาททางการทูตระหว่างสหรัฐฯและฝรั่งเศสในเรื่องข้อตกลงเรือดำน้ำของทางอังกฤษ-สหรัฐฯกับออสเตรเลียท ี่ทำให้ข้อตกลงระหว่างฝรั่งเศสและออสเตรเลียตกไป ในการนี้แฮร์ริสเป็นผู้ทรงเกียรติจากต่างชาติเพียงผู้เดียวที่ได้ปรากฎตัว ณ ประตูชัยของฝรั่งเศสในวันรำลึกการสิ้นสุดสงคราม [Politico Europe] แฮร์ริสพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการตอบคำถามจากผู้สื่อข่าวในเรื่องดังกล่าวแม้ว่าข้อพิพาทระหว่างสองประเทศจะเพิ่งเกิดขึ้น เธอได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวท่านหนึ่ง ณ ทำเนียบประธานาธิบดี ที่ถามว่าเธอนั้นจะ “ชดเชย” กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร ด้วยวลีที่ว่า “ฉันยินดีที่ได้มาที่ปารีส” [New York Times] แฮร์ริสได้ให้หลักประกันผ่านการเข้าพบนายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-ฝรั่งเศสอยู่บนพื้นฐานของการมองไปข้างหน้ามิใช้การมองไปข้างหลังและได้เห็นพ้องกั บประธานาธิบดีมาครงว่าการพบกันครั้งนี้ก่อให้เกิด “ยุคใหม่” ของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ [New York Times] แฮร์ริสได้เริ่มเยือนฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ณ สถาบันปาสเตอร์สถานที่ซึ่งมารดาของเธอได้มีส่วนในการวิจัยมะเร็งเต้านมในช่วงทศวรรษ 1980 หลังจากนั้นเธอได้เข้าร่วมการประชุมสันติภาพป ารีสที่มุ่งเน้นทางด้านระบบสุขภาพโลกในยุคการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเธอได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยความจำเป็นในการแก้ปัญหา “ความไม่เท่าเทียมที่เพิ่มขึ้นและความจำเป็นที่ผู้นำระดับโลกร่วมมือกันแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม” [France 24] ระหว่างวาระสุดท้ายของการเยือนที่มีเวลาจำกัดของเธอนั้น แฮร์ริสได้เข้าร่วมการประชุมในเรื่องของลิเบียเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน
โดยให้การสนับสนุนการจัดตั้งระบบรัฐสภาและการเลือกตั้งประธานาธิบดีในลิเบีย
ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นได้ถูกคัดค้านโดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวทาง (ig/qc) เยอรมนี: สามพรรคการเมืองเสนอข้อตกลงพรรคร่วมรัฐบาลภายหลังการเจรจาอันยาวนาน พรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย พรรคกรีน และพรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยได้เปิดตัวข้อตกลงพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งมีนามว่า “กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า” เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน หลังจากการเจรจาที่ยืดเยื้อนานร่วมเดือนของการหาฉันทามติในเรื่องของปัญหาสภาพภูมิอากาศและการเงิน [Tagesschau] การเจรจาร่วมกันเดิมเริ่มขึ้นเมื่อปลายเดือนตุลาคมแต่กลับถูกยืดเยื้อโดยพรรคกรีนไปจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน [Spiegel] [Euractiv] โดยทางพรรคให้เหตุผลของการล่าช้าดังกล่าวว่า “ความคืบหน้ามีเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับแก่นแท้ของปัญหา” โดยเฉพาะในเรื่องของ การปกป้องสภาพภูมิอากาศ นโยบายทางสังคมและเรื่องการเงิน [Süddeutsche Zeitung] ข้อพิพาททางด้านการจัดแจงตำแหน่งปรากฎในช่วงเริ่มต้นของการเจรจา โดย คริสเตียน ลินด์เนอร์ หัวหน้าพรรคพรรคเสรีนิยมประชาธิปไตย และ โฮเบิร์ต ฮาแบ๊ค ผู้นำร่วมจากพรรคกรีนต่างหวังที่จะได้เก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง [ZDF] ข้อตกลงขั้นสุดท้ายมีมติเอื้อให้พรรคพรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยได้ตำแหน่งในกระทรวงการคลังและกระทรวงอื่นๆ ในขณะที่พรรคกรีนได้ตำแหน่งในห้ากระทรวงประกอบไปด้วยกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงเกิดใหม่ที่ผนวกด้านเศรษฐกิจและการปกป้องสภาพภูมิอ ากาศเข้าด้วยกัน พรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยจะดำรงตำแหน่งในเจ็ดกระทรวงซึ่งรวมไปถึง กระทรวงกิจการภายใน กระทรวงแรงงาน และกระทรวงกิจการสังคม [Tagesschau] ประเด็นอื่นที่สำคัญในข้อตกลงคือการเพิ่มขึ้นของการปันส่วนพลังงานหมุนเวียนให้ถึงอัตราร้อยละ 80 ภายในปี 2030 และการกลับไปใช้กฎการกำหนดเพด านหนี้ค้าง พร้อมทั้งลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในขณะเดียวกัน แต่ละพรรคต่างเห็นพ้องกันในการลงทุนด้านขนส่งสาธารณะและการเพิ่มค่าแรง [FAZ] ข้อตกลงพรรคร่วมรัฐบาลยังคงต้องได้รับการอนุญาตอย่างเป็นทางการจากที่ประชุมระหว่างพรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยและพรรคสังคมนิยมประชาธิปไต ย รวมทั้งผลของประชามติภายในพรรคกรีนซึ่งล่าช้าไปหนึ่งวันจากเดิมที่วางแผนไว้เป็นวันที่ 26 พฤศจิกายน [Tagesschau] เนื่องจากข้อพิพาทเกี่ยวกับที่นั่งรัฐมนตรีภายในพรรค สมาชิกพรรคทั้งหมดจำนวน 125,000 คนสามารถทำการโหวตได้จนถึงวันที่ 6 ธันวาคม มีการคาดการณ์ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะแต่งตั้งให้นายโอลอฟ ชอล์ทซ์ เป็นนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์ที่สองของเดือนธันวาคม [Spiegel] ในขณะเดียวกันพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียนแห่งเยอรมนีซึ่งเป็นพรรคอนุรักษนิยมที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งในเดือนตุลาคม ประกาศว่าจะเลือกผู้นำพรรคใหม่ระหว่าง 4 ถึง 6 ธันวาคม จากการโหวตประมาณ 400,000 เสียงของสมาชิกพรรค [Politico Europe] ผู้เข้าชิงตำแหน่งคนปัจจุบันได้แก่ นอเบิร์ต รอทเกนต์ ที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศ เฮลเก บราวน์ รักษาการนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และเฟเดอริก เมอร์ซ สมาชิกของพรรคผู้เป็นทหารผ่านศึก [FAZ] [Spiegel] การเปลี่ยนผู้นำของพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียนแห่งเยอรมนีกำลังใกล้เข้ามา สมาชิกพรรคหวังที่จะได้เลือก ซัสสเกีย เอสเกน ผู้นำพรรคอย่างเป็นทางการคนปัจจุบันและ ลาร์ส คลิงก์เบล เลขาธิการพรรค เป็นผู้นำร่วมใหม่สำหรับพรรคในต้นเดือนธันวาคม [FAZ] (mm/qc) เยอรมนี: หน่วยงานของรัฐบาลกลางระงับกระบวนการรับรองของโครงการนอร์ดสตรีม 2 หน่วยงานเครือข่ายของรัฐบาลกลางซึ่งกำกับดูแลเรื่องของพลังงานในเยอรมนีได้ระงับกระบวนการการรับรองท่อส่งแก๊สของโครงการนอร์ดสตรีม 2 ซึ ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อส่งแก๊สจากรัสเซียสู่เยอรมนีผ่านคาบสมุทรบอลติก ท่อส่งแก๊สดังกล่าวที่กำลังเป็นที่ถกเถียงนั้นจะเปิดให้บริการมิได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐบาลกลาง [FAZ] หน่วยงานของรัฐบาลกลางกล่าวว่าการเปิดใช้งานท่อส่งแก๊สของโครงการนอร์ดสตรีม 2เอจี ซึ่งดำเนินการโดยสวิตเซอร์แลนด์ จะต้องถูกจัดระเบียบภายใต้กฎหมายของเยอรมนีก่อนที่จะดำเนินขั้นตอนการรับรอง ทางบริษัทท่อส่งแก๊สซึ่งถูกควบคุมโดยองค์กรทางด้านพลังงานของรัสเซียนามว่า “แก๊สพรอม” เป็นหลักได้แถลงว่าจะแก้ไขปัญหาโดยจัดตั้งบริษัทลูกในเยอรมนี [Spiegel] ถ้อยแถลงของหน่วยงานรัฐบาลกลางนั้นได้ก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของราคาแก๊สทั่วยุโรป อีกทั้งยังเพิ่มความรุนแรงให้วิกฤตการณ์ด้านพลังงานและความหวาดกลัวต่อความมั่นคงทางพลังงานของยุโรปเมื่อเริ่มก้าวสู่ฤดูหนาว [Tagesschau] ที่ผ่านมาบางประเทศในยุโรปเช่นโปแลนด์และลิทัวเนีย รวมถึงสหรัฐอเมริกาได้กล่าวหารัสเซียว่าจงใจในการส่งแก๊สในระดับต่ำเพื่อบีบบังคับให้เปิดใช้โครงการนอร์ดสตรีม 2ซึ่งรัสเซียก็ได้ปฏิเสธ ข้อกล่าวหาทั้งหมด [RFE/RL] [Handelsblatt] มุมมองในด้านการพึ่งพาที่เพิ่มขึ้นของยุโรปต่อรัสเซียนั้นเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้โครงการดังกล่าวเป็นที่ถกเถียง [Economist] สหรัฐอเมริกานั้นได้ออกมาแสดงอย่างชัดเจนถึงความกลัวที่รัสเซียจงใจใช้ท่อส่งแก๊สในการ “สร้างความแตกแยกและบ่อนทำลายความมั่นคงทางพลังงานของยุโรป” [Guardian] สหรัฐฯได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรในปี 2019 เพื่อบีบให้ยุติการก่อสร้างท่อส่งแก๊สดังกล่าวและประกาศมาตราการคว่ำบาตรใหม่แก่หน่วยงานที่มีส่วนเช ื่อมโยงของโครงการนอร์ดสตรีม 2 เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน [Zeit] [Zeit] กลุ่มประเทศในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะยูเครนและโปแลนด์ ได้แสดงความกังวลถึงด้านการทหารและความมั่นคงผ่านการดำเนินงานของโครงการนอร์ดสตรีม 2 โดยกลัวรัสเซียจะแข็งกร้าวขึ้นเนื่องจากท่อส่งแก๊ส ดังกล่าวจะทำให้ประเทศของพวกเขาเป็นทางผ่านของรัสเซีย [Deutsche Welle] แองเกล่า แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมนีได้ออกปกป้องโครงการดังกล่าวท่ามกลางความลำบากที่เกิดขึ้นและพยายามให้การยืนยันเพื่อบรรเทาความกังวลของยูเครน ว่าแก๊สจะถูกส่งไปยังยูเครนอย่างต่อเนื่อง [Tagesschau] ปัญหาของโครงการนอร์ดสตรีม 2 ได้ส่งผลให้เกิดความแตกแยกของพรรการเมืองซึ่งก่อให้เกิดข้อตกลงของพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งลงมติในสัปดาห์นี้ ทางพรรคกรีนและพรรคเสรีประชาธิปไตยได้แสดงข้อคัดค้านต่อโครงการดังกล่าวในขณะที่พรรคสังคมประชาธิปไตยเยอรมนีได้แสดงความเห็นชอบ [Tagesschau] อย่างไรก็ตามแต่ละพรรคตัดสินใจที่จะงดหารือในเรื่องของโครงการนอร์ดสตรีม 2 ระหว่างการเจรจา [Spiegel] (mm/qc) ไอร์แลนด์ : ผลสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่า พรรคชาตินิยม Sinn Féin ได้รับการสนับสนุน พรรคชาตินิยมฝ่ายค้าน Sinn Féin ได้รับคะแนนเพิ่มสูงขึ้นในผลสำรวจความคิดเห็น ซึ่งมีโอกาสสูงที่พรรคฯ จะได้จัดตั้งรัฐบาลในสมัยต่อไป แม้ว่าพรรคฯ จะมีสัมพันธ์เชื่อมโยงกับกองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์ (Irish Republican Army – IRA) ก็ตาม หากสิ่งนี้เกิดขึ้น จะถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไอริชที่รัฐบาลนำโดยพรรคฝ่ายซ้าย ผลสำรวจความคิดเห็นครั้งใหม่จากหนังสือพิมพ์ Sunday Times แสดงให้เห็นว่าพรรค Sinn Féin ได้รับการสนับสนุนอย่างสูง โดยได้รับเสียงสนับสนุนที่ร้อยละ 37 ขณะที่พรรคคู่แข่งหลัก ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวา-กลาง Fine Gael ได้รับเสียงสนับสนุนที่ร้อยละ 21 และพรรค Fianna Fáil ที่ร้อยละ 20 [Journal] นอกจากนี้ ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี ค.ศ. 2020 ทั้ง 3 พรรค ได้รับคะแนนเสียงเกือบจะเท่ากัน ซึ่งทำให้เห็นว่าการทะยานขึ้นของพรรค Sinn Féin นั้น มีนัยสำคัญยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม พรรค Sinn Féin มีอดีตที่เป็นที่ถกเถียง เนื่องจากพรรคฯ เป็นเสมือนปีกทางการเมืองให้แก่กองทัพ IRA และสนับสนุนการต่อสู้ติดอาวุธเพื่อต่อต้านการปกครองของอังกฤษในไอร์แลนด์เหนือ ในช่วงทรับเบิลส์ (Troubles) ปี ค.ศ. 1968 – 1998 ทั้งนี้ กองทัพ IRA ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มขององค์การก่อการร้าย ทั้งในไอร์แลนด์และต่างประเทศ และสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งของพรรค Sinn Féin หลายคน เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนหน้านี้ในความผิดฐานก่อการร้าย [Irish Times] รวมทั้งมีข้อกล่าวหาว่า นายGerry Adams หัวหน้าพรรคฯ ช่วงปี ค.ศ. 1983 – 2018 เคยเป็นสมาชิกอาวุโสของกองทัพ IRA อย่างไรก็ดี เขาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้เสมอ [Irish Times] พรรค Sinn Féin ไม่เหมือนพรรคชาตินิยมอื่นในยุโรป เพราะพรรคฯ ไม่ใช่พรรคการเมืองที่ต่อต้านผู้อพยพ หรือมีแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรป (Eurosceptic) แต่พรรค Sinn Féin นั้น เป็นพรรคฝ่ายซ้ายและต่อต้านเบร็กซิต (Brexit) ทั้งนี้ นาง Mary Lou McDonald หัวหน้าพรรคฯ ได้พยายามที่จะพัฒนาภาพลักษณ์ใหม่ และทำให้ไปไกลเกินกว่าแกนชาตินิยมดั้งเดิมของพรรคฯ โดยพรรค Sinn Féin มีฐานเสียงเป็นเยาวชน ชนชั้นแรงงาน และผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่อาศัยอยู่บริเวณพรมแดนไอร์แลนด์เหนือ แต่ผลสำรวจความคิดเห็นหลายครั้ง แสดงให้เห็นว่าพรรคฯ เริ่มได้รับการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่เป็นชนชั้นกลางด้วยแล้ว การสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นของพรรค Sinn Féinเชื่อมโยงกับการเรียกร้องให้รัฐเข้ามาแทรกแซงทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดหาที่อยู่อาศัยและการดูแลสุขภาพถ้วนหน้า แม้ว่านักวิจารณ์จะกล่าวหาว่าเป็นประชานิยมและไม่เคารพสถาบันต่าง ๆ ของรัฐ [Irish Examiner] การเมืองไอริชมักถูกนำโดยพรรคฝ่ายขวา-กลาง Fianna Fáil และ Fine Gael ซึ่งตกลงที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสมเป็นครั้งแรก เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งก็เพื่อป้องกันไม่ให้พรรค Sinn Féin ได้อำนาจไปได้ หากแนวโน้มในการสำรวจความคิดเห็นยังมีอยู่ พรรค Sinn Féin จะทำลายการนำของทั้งสองพรรคลง และเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็นผู้นำของรัฐบาลสมัยต่อไป ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นพรรครัฐบาลฝ่ายซ้ายแรกของไอร์แลนด์ แต่ยังเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลจะนำโดยผู้นำหญิง นั่นคือหัวหน้าพรรค Sinn Féin นาง Mary Lou McDonaldทั้งนี้ พรรคฯ ได้ให้คำสัญญาหลักไว้ว่า จะเปิดสำรวจความคิดเห็นในประเด็นพรมแดน เพื่อให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงในไอร์แลนด์เหนือ ได้มีสิทธิเลือกว่าพวกเขาปรารถนาที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักรต่อไป หรือมาร่วมกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ขณะที่เป้าหมายแห่งการเป็นไอร์แลนด์หนึ่งเดียว (United Ireland) ถือเป็นความฝันของประชากรไอริชคาทอลิคมาอย่างยาวนาน แต่ความฝันนี้ กลับถูกคัดค้านโดยประชากรบริทิชโปรเตสแตนต์ [Irish Examiner] (rn) เนเธอร์แลนด์ : ประเด็นกฎหมายความเป็นส่วนตัว และการสอดส่องของทหาร เพิ่มความกังวลในการเมืองดัตช์ หน่วยงานด้านการคุ้มครองข้อมูลของเนเธอร์แลนด์ แสดงความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายใหม่ ซึ่งอนุญาตให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างรัฐบาลและสถาบันเอกชนได้ ในประเด็นอาชญากรรมทางการเงินที่ถูกกล่าวหา [NOS] ขณะที่ธนาคารและรัฐบาลเห็นชอบกับความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น และการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มากขึ้น เพื่อที่จะต่อสู้กับการฉ้อโกงและการก่ออาชญากรรมที่ทำเป็นระบบ ก็มีความหวาดกลัวว่า กฎหมายนี้ จะพุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนจำนวนมากที่เป็นผู้ต้องสงสัย โดยปราศจากเหตุอันสมควร ประธานแห่งหน่วยงานด้านการเฝ้าระวังความเป็นส่วนตัว ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนดัตช์ว่า “กฎหมายนี้ กว้าง คลุมเครือ และมีขอบเขตมาก ซึ่งทำให้ประชาชนต้องหวาดกลัวถึงประเด็นใหม่ เช่น เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับผลประโยชน์” [NOS] ทั้งนี้ เรื่องอื้อฉาวว่าด้วยผลประโยชน์เกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้ หลังจากที่หลายครอบครัวถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ ว่า ฉ้อโกงโครงการค่าเลี้ยงดูบุตรของรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ทำให้คณะรัฐมนตรีต้องยุติบทบาทลงในเดือนมกราคมที่ผ่านมา [EiR Monthly November 2021] ต่อมาเดือนในเดือนพฤศจิกายน ศาลปกครองเนเธอร์แลนด์ ได้ออกมาขอโทษเหยื่อในเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับผลประโยชน์ดังกล่าว เนื่องจากการคุ้มครองทางกฎหมายที่ไม่เพียงพอ ขณะที่คณะกรรมาธิการของสภา ได้กล่าวว่า “หลักการพื้นฐานของหลักนิติธรรมได้ถูกละเมิดแล้ว” [Dutch News] [AD] ร่างกฎหมายการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แม้ว่าหน่วยงานการคุ้มครองข้อมูลจะออกมาเตือนแล้วก็ตาม ขณะนี้ วุฒิสภากำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาได้ขอให้หน่วยงานด้านการคุ้มครองข้อมูลทำการประเมินกฎหมายดังกล่าวโดยละเอียดยิ่งขึ้น [Dutch News] นอกจากนี้ ในเดือนพฤศจิกายน กระทรวงกลาโหมของเนเธอร์แลนด์ ก็อยู่ภายใต้การตรวจสอบจากการเก็บรวบรวมข้อมูลของพลเมือง ซึ่งได้ละเมิดกฎความเป็นส่วนตัวของประเทศฯ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายจะระบุว่า มันไม่มีฐานกฎหมายหรือข้อบัญญัติในการรวบรวม ประเมิน และวิเคราะห์ข้อมูลในช่วงการระบาดใหญ่ในปี ค.ศ. 2020 แต่อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานทหารต่าง ๆ ก็ไม่สั่งให้ทหารหยุดติดตามพฤติกรรมของกลุ่มผู้ประท้วงที่ต่อต้านการฉีดวัคซีน และกลุ่มผู้ประท้วงอื่น ๆ [Computable] [NOS] (qc) สหราชอาณาจักร : ศาลฎีการะงับคดีติดตามโทรศัพท์กับบริษัทกูเกิล เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ศาลฎีกาสหราชอาณาจักรระงับคดีความกับกูเกิล เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลในทางที่ผิด มูลค่า 3 พันล้านปอนด์ [Guardian] ซึ่งคดีความนี้ ถูกฟ้องร้องโดยนาย Richard Lloyd นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิผู้บริโภค ในปี ค.ศ. 2018 ในนามของประชาชนกว่า 4 ล้านคน ในอังกฤษและเวลส์ โดยนาย Lloyd ได้กล่าวหาว่าบริษัทกูเกิลติดตามข้อมูลของผู้ใช้อย่างผิดกฎหมาย ระหว่างปี ค.ศ. 2011 – 2012 [Reuters] ทั้งนี้ หากคดีความนี้ดำเนินต่อไป มันอาจจะกลายเป็นแบบอย่างให้ตัวแทนคนเดียวสามารถฟ้องร้องแทนคนนับล้าน โดยที่ผู้ได้รับผลกกระทบไม่จำเป็นต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือพิสูจน์ความเสียหายที่เฉพาะเจาะจงในกรณีของตน [BBC News] ศาลฯ มีมติเอกฉันท์ให้บริษัทกูเกิลยื่นอุทธรณ์ต่อคดีของนาย Lloyd โดยคำตัดสินระบุว่า บุคคลไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยจากบริษัทฯ หากพวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างแน่ชัดถึงความเสียหายทางวัตถุ ซึ่งจะกลายเป็นแบบอย่างที่ส่งผลต่อการกล่าวหาแบบเดียวกันต่อไป [Law Society Gazette] [Week] อาทิ คดีความแบบเดียวกันต่อติ๊กต็อก (TikTok) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสำหรับแบ่งปันวิดีโอ โดยนาง Anne Longfield อดีตคณะกรรมาธิการด้านเด็กแห่งประเทศอังกฤษ ได้ฟ้องร้องในนามของเด็กนับล้านคนในสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป และคดีนี้ ยังไม่ได้รับการตัดสินจากศาลฯ [BBC News] (wb/qc) สหราชอาณาจักร : การรณรงค์เพื่อเรียกร้อง และต่อต้านเอกราชของสกอตแลนด์ โอกาสที่จะเกิดการลงประชามติครั้งที่สองว่าด้วยเอกราชของสกอตแลนด์ ทำให้ขบวนการผู้สนับสนุนการรวมกับประเทศอื่น (pro-unionist) และผู้สนับสนุนเอกราช (pro-independence) เพิ่มการรณรงค์เพื่อให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงได้เห็นแนวคิดข องพวกเขาสำหรับอนาคตของสกอตแลนด์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าการลงประชามติเพื่อเอกราชของสกอตแลนด์ครั้งที่สองจะเกิดขึ้นเมื่อใด เพราะขณะนี้ พรรคแห่งชาติสกอตแลนด์ (Scottish National Party – SNP) ที่ปกครองสกอตแลนด์อยู่นั้น กำลังวุ่นวายกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) [BBC News] ทั้งนี้ ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา นาง Nicola Sturgeon นายกรัฐมนตรีสกอตแลนด์ ได้กล่าวว่า รัฐบาลของเธอตั้งใจที่จะจัดการลงประชามติเพื่อเอกราชของสกอตแลนด์ ภายในสิ้นปี ค.ศ. 2023 และรัฐบาลสกอตแลนด์จะดำเนินการจัดการลงประชามติฯ โดยยึดความเห็นชอบจากรัฐบาลอังกฤษ เฉกเช่นเดียวกับการลงประชามติครั้งที่หนึ่ง อย่างไรก็ดี รัฐบาลอังกฤษคัดค้านแนวคิดการจัดการลงประชามติครั้งที่สอง อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ที่จะเกิดการลงประชามติอีกครั้ง ได้ทำให้ประชาชาวชาวสกอตติชแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย โดยข้อมูลจากผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดแสดงให้เห็นว่า คำถามว่าด้วยเอกราชของสกอตแลนด์ คำตอบระหว่าง “ใช่” และ “ไม่” ถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนที่เกือบจะเท่า ๆ กัน โดยคำตอบ “ไม่” นำหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น [Institute of Government] ทั้งนี้ ในการปะทะกันระหว่าง 2 ฝ่าย เพื่อคะแนนเสียงส่วนใหญ่ ได้มีการอ้างว่า กลุ่มรณรงค์การรวมกับประเทศอื่น (pro-union) ได้รับการบริจาค ซึ่งอาจจะละเมิดกฎการหาทุนทางการเมือง นอกจากนี้ กลุ่มรณรงค์ที่มีชื่อว่า “สกอตแลนด์แมทเทอร์” (Scotland Matters) ได้รับเงินกว่า 46,000 ปอนด์ หรือราว 54,700 ยูโร ในช่วงใกล้การเลือกตั้งของสกอตแลนด์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จากศูนย์เพื่อการศึกษาและการฝึกฝนทางด้านเศรษฐกิจ (Centre for Economic Education and Training – CEET) “ที่คลุมเครือ” [Guardian] ซึ่งข้อมูลที่มีอยู่อย่างจำกัดเกี่ยวกับศูนย์ CEET และแรงจูงใจเบื้องหลังการบริจาคหลายครั้งนั้น ทำให้พบว่าศูนย์แห่งนี้ มีการใช้สมาคมอย่างไม่เป็นทางการต่าง ๆ บริจาคเงินทุน และเงินทุนส่วนใหญ่ถูกใช้ไปเพื่อการโฆษณาต่อต้านการเรียกร้องเพื่อเอกราชของสกอตแลนด์บนโซเชียลมีเดียและผ่านไปรษณีย์ [Times] การรณรงค์เพื่อการลงประชามติของสกอตแลนด์กำลังเข้มข้นขึ้น แม้ว่าการลงประชามติในปี ค.ศ. 2023 จะยังไม่ยืนยันก็ตาม ทั้งนี้ โครงการรณรงค์ของกลุ่มผู้สนับสนุนเอกราช (pro-independence) ต้องการตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ฉบับพิเศษสำหรับการลงคะแนนเสียง “ใช่” 1 ล้านฉบับ และเพื่อจะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น หนังสือพิมพ์ The National ของสกอตแลนด์ ได้ร่วมมือกับพรรครัฐบาลของนาง Sturgeon พรรค SNP และองค์กร“เชื่อในสกอตแลนด์” (Believe in Scotland) ซึ่งเป็นองค์กรการรณรงค์เพื่อเอกราชของสกอตแลนด์ [National] (yp/qc) กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปเหนือ ฟินแลนด์ : คณะกรรมาธิการพิสูจน์การเลือกปฏิบัติต่อชนพื้นเมือง Sámi รัฐบาลฟินแลนด์ได้ให้ไฟเขียวแก่คณะกรรมาธิการหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมาธิการนี้ จะสอบสวนการเลือกปฏิบัติและการละเมิดสิทธิชนพื้นเมือง Sámi จำนวน 10,000 คน อันเป็นผลมาจากนโยบายของทางการ ทั้งนี้ ชนพื้นเมือง Sámi ซึ่งกระจายอยู่ทั่วฟินแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน และรัสเซีย ตกอยู่ภายใต้นโยบายกลืนกลาย (assimilation policies) ซึ่งกร่อนเซาะวัฒนธรรมของพวกเขา [Arctic Today] คณะกรรมาธิการฟินแลนด์นี้ คาดว่าจะสรุปผลการสอบสวนได้ภายในระยะเวลา 2 ปี นอกจากนี้ อีกกว่า 40 ประเทศ ก็ได้ตั้งคณะกรรมาธิการสำหรับชนพื้นเมืองแบบเดียวกันขึ้นมาด้วยเช่นกัน อาทิ นอร์เวย์ ขณะที่สวีเดนก็พร้อมที่จะจัดตั้งองค์กรประเภทนี้ขึ้นเองด้วย [Euractiv] (pk) กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปกลาง ออสเตรีย : แผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ภาคบังคับ จุดประกายการวิพากษ์วิจารณ์และการประท้วง การตัดสินใจนำเสนอแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ภาคบังคับของประเทศออสเตรีย ที่เริ่มต้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวแรกโดยประเทศในสหภาพยุโรป และจุดประกายการวิพากษ์วิจารณ์ว่าด้วยการบังคับพลเมืองของตนปกป้องสุขภาพ จะทำให้ประชาธิปไตยไปได้ไกลแค่ไหน เนื่องจากยุโรปเป็นศูนย์กลางของการระบาดใหญ่ทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ออสเตรียจึงได้ออกมาตรการล็อกดาวน์ทั้งประเทศอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ตั้งแต่การระบาดฯ ได้เริ่มต้นขึ้น ทั้งนี้ หน่วยงานรัฐได้ออกคำสั่งให้ผู้พักอาศัยในออสเตรียอยู่บ้าน ยกเว้นกรณีที่พวกเขามีความจำเป็นอย่างยิ่ง อาทิ ออกไปทำงาน ออกกำลังกาย หรือออกไปซื้ออาหาร จึงจะสามารถออกจากบ้านได้ [Reuters] [BBC News] ผู้คนนับหมื่นพากันออกไปที่ถนนต่าง ๆ ในกรุงเวียนนา เพื่อที่จะแสดงความโกรธเคืองต่อข้อจำกัดและการฉีดวัคซีนภาคบังคับ โดยชาวออสเตรียที่ปฏิเสธการรับวัคซีนต้องเผชิญกับค่าปรับอย่างหนัก ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งทำให้นายกรัฐมนตรี Alexander Schallenberg ที่เพิ่งเข้าสู่ตำแหน่ง ได้รับการขู่ฆ่า ประธานาธิบดีออสเตรีย Alexander Van der Bellen จึงออกมาเตือนว่า กฎใหม่เหล่านี้ อาจจะยิ่งสร้างรอยร้าวแห่งความแตกแยกในสังคมออสเตรีย [Euractiv] ทั้งนี้ แผนการฉีดวัคซีนภาคบังคับ ถูกประกาศออกมาเนื่องจากแผนกผู้ป่วยหนักของออสเตรียหนาแน่นไปด้วยผู้ป่วยโควิด-19 และแผนการฯ ได้กระตุ้นให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นทั่วยุโรป โดยมีข้อถกเถียงหลักว่า ผู้ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีนจะต้องได้รับการกดดัน ขณะที่อีกฝ่ายยืนกรานว่า ประชาชนมีสิทธิที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของตัวพวกเขาเอง แม้ว่าจะเป็นช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 [Eurotopics] ด้านผู้อำนวยการภูมิภาคขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization) นาย Hans Kluge เตือนว่าโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัสอาจคร่าชีวิตกว่าครึ่งล้านภายในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ถ้ารัฐบาลต่าง ๆ ทั่วยุโรปไม่กระชับมาตรการต่อต้านโรคโควิด-19 [BBC News] (pk) โครเอเชีย : ศาลตัดสินให้ตำรวจมีความผิดฐานละเมิดสิทธิของเด็กหญิงชาวอัฟกัน ในกรณีการส่งกลับ ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (European Court of Human Rights) ได้ตัดสินว่า โครเอเชียละเมิดสิทธิของเด็กหญิงอัฟกัน วัย 6 ขวบ ซึ่งเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถไฟ หลังจากที่ตำรวจบังคับให้ครอบครัวของเธอออกจากประเทศโครเอเชีย โดยไม่ให้โอกาสในการสมัครขอลี้ภัย [Guardian] เด็กหญิง Madina Hussiny เสียชีวิตในความมืดบริเวณชายแดนโครเอเชีย - เซอร์เบีย ช่วงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2017 เป็นเวลา 1 ปีหลังจากที่ครอบครัวของเธอหนีออกจากอัฟกานิสถาน ในช่วงคลื่นผู้อพยพถาโถมเข้าสู่สหภาพยุโรป[BBC News] ทั้งนี้ การเสียชีวิตของเธอบนรางรถรถไฟได้เน้นย้ำให้เห็นถึงปัญหาการส่งกลับ (pushbacks) และทำให้สาธารณชนมุ่งความสนใจไปที่ปัญหาผู้ลี้ภัยในคาบสมุทรบอลข ่าน เนื่องจากผู้ลี้ภัยเหล่านี้ พยายามหาทางเข้าสู่ยุโรปตะวันตก [AP] เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ศาลฯ ตัดสินว่า โครเอเชียต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นจำนวนเงิน 40,000 ยูโร และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เป็นจำนวนเงิน 16,700 ยูโร แก่ครอบครัวของเด็กหญิง Madina Hussiny [Euractiv] อย่างไรก็ตาม ทางการโครเอเชียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าพวกเขาละเมิดสิทธิผู้ลี้ภัย ด้านรองผู้อำนวยการแห่งภูมิภาคยุโรป ประจำแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล นาย Massimo Morratti กล่าวว่า คำตัดสินของศาลฯ ยืนยันว่า “รายงานต่าง ๆ ว่าด้วยการส่งกลับ และการละเมิดอย่างกว้างขวางโดยตำรวจโครเอเชีย ได้รับการปฏิเสธซ้ำ ๆ จากทางการโครเอเชีย” เขายังกล่าวเพิ่มเติมต่อไปว่า คำตัดสินของศาลเป็นเสมือนข้อความที่ส่งไปยังรัฐบาลยุโรปอื่นด้วยว่า การส่งกลับ การขับไล่ (collective expulsions) และการปฏิเสธโอกาสของผู้ลี้ภัยในการสมัครขอลี้ภัย ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (European Convention on Human Rights) (pk) โครเอเชีย : หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์กับฝรั่งเศส โดยได้ลงนามในข้อตกลงการซื้อเครื่องบินขับไล่ โครเอเชียและฝรั่งเศสได้ลงนามความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ และข้อตกลงภายใต้เงื่อนไขที่ว่ารัฐบาลโครเอเชียจะซื้อเครื่องบินรบรุ่น Rafale ที่ใช้แล้ว 12 ลำ ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นจำนวนเงินเกือบ 1 พันล้านยูโร ความตกลงนี้ได้รับการลงนามในช่วงที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นาย Emmanuel Macron เดินทางไปยังเมืองหลวงของโครเอเชีย เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน โดยนายกรัฐมนตรีโครเอเชีย นาย Andrej Plenković ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า การหารือกับนาย Macron ถือเป็นการเริ่มต้นก้าวใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งทั้งสองประเทศต่างเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organization – NATO) [Xinhua] ทั้งนี้ โครเอเชียไม่ต้องการที่จะเดินตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเซอร์เบียในด้านความสามารถทางการทหาร ซึ่งเซอร์เบียนั้น เป็นพันธมิตรของรัสเซีย และเมื่อไม่นานมานี้ เซอร์เบียได้สั่งเครื่องบินรบรุ่น MiG-29 ที่ใช้แล้ว 6 ลำ ของรัสเซีย และเครื่องบินแบบเดียวกันอีก 4 ลำจากเบลารุส [France 24/AP] (pk) ฮังการี: ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปตัดสินว่า กฎหมาย 'Stop Soros' เกี่ยวกับผู้อพยพ ขัดต่อหลักการ การเคลื่อนไหวของฮังการีที่กำหนดให้การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยและผู้อพยพยื่นขอลี้ภัยเป็นการกระทำความผิดทางอาญา ถือเป็นการละเม ิดกฎหมายของสหภาพยุโรป ศาลแห่งสหภาพยุโรปได้ทำการตัดสิน คําตัดสินของศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปเป็นผลเสียต่อนายกรัฐมนตรีฝ่ายขวาของฮังการี Viktor Orbán ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นํายุโรปที่เปิดเผยเรื่องการต่อต้านการย้ายถิ่น ปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวกับการลี้ภัยให้มีความเข้มงวด หลังเกิดวิกฤตผู้อพยพในยุโรปปี 2015 [Euronews] [Reuters]. ออร์บันกล่าวหาว่านักการเงินชาวฮังการีและชาวอเมริกันจอร์จ โซรอสและกลุ่มที่เกี่ยวกับเขาส่งเสริมผู้อพยพ สามปีที่แล้วรัฐบาลในกรุงบูดาเปสต์ได้นํามาตรการที่ขนานนามว่ากฎหมาย "หยุดโซรอส" ซึ่งกำหนดให้ช่วยเหลือผู้อพยพเพื่อยื่นขอลี้ภัยเป็นการกระทำความผิดทางอาญา [AP] ศาลยุติธรรมแห่งสภหาพยุโรปกล่าวเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนว่ากฎหมายฮังการีจํากัด "ประสิทธิภาพของสิทธิที่ผู้ลี้ภัยมี กล่าวคือสิทธิในการได้รับคำแนะนำ หรือปรึกษาด้านกฎหมายหรือที่ปรึกษาอื่น ๆ ได้โดยมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเอง" นอกจากนี้ ยังเสริมว่าการกำหนดให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดทางอาญา "ขัดขวางการใช้สิทธิที่ได้รับการคุ้มครองโดยสภานิติบัญญัติของสหภาพยุโรปในส่วนที่เกี่ยวกับความช่วยเหลือของผู้ยื่นลี้ภัยเพื่อการคุ้มค รองระหว่างประเทศ" การปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยและผู้อพยพของรัฐบาลฮังการีทำให้เกิดการปะทะกันหลายครั้งกับคณะกรรมาธิการยุโรป ผู้บริหารของกลุ่มและพันธมิตรสหภาพยุโรปของบูดาเปสต์หลายฝ่าย [AP] หากฮังการีไม่ปฏิบัติตามคําตัดสินของศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปและปฏิเสธที่จะเปลี่ยนหรือถอนกฎหมายที่เป็นที่ขัดแย้งดังกล่าว คณะกรรมาธิการยุโรปสามารถขอให้ศาลกําหนดบทลงโทษทางการเงินได้ [Euronews] (pk) ฮังการี: หัวหน้าฝ่ายค้านเรียกร้องให้มีท่าทีแบบสนับสนุนยุโรป ระมัดระวังรัสเซีย และจีน ผู้นําฝ่ายค้านฮังการี Péter Márki-Zay ได้เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศโดยกล่าวว่าประเทศควรส่งสัญญาณว่า "ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของยุโรปจริง ๆ " และเข้าร่วมสถาบันอื่น ๆ เช่น สํานักงานอัยการยุโรป (Politico Europe) Márki-Zay ได้รับเลือกจากพันธมิตรของหกพรรคฝ่ายค้านในเดือนตุลาคมเพื่อแข่งขันการเลือกตั้งรัฐสภาของฮังการีในฤดูใบไม้ผลิ เขาตั้งเป้าที่จะเข้าชิงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีจาก Viktor Orbán ซึ่ง ถูกกล่าวหาว่าบ่อนทําลายบรรทัดฐานประชาธิปไตยและ ได้กระทบกระทั่งกับสหภาพยุโรปซ้ำแล้วซ้ำอีก [EiR ประจําเดือน พฤศจิกายน 2564] ในการเยือนบรัสเซลส์อย่างเป็นทางการครั้งแรกในฐานะผู้นําฝ่ายค้านในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน Márki-Zay นายกเทศมนตรีฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้พบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรป เขากล่าวว่าหัวหน้ากลุ่มสังคมนิยมและพรรคสีเขียวในรัฐสภายุโรปซึ่งมีความสนใจในประเทศของเขา ว่าประเทศฮังการียึดถือค่านิยมของยุโรป "เปิดกว้างให้ฮังการีที่กําลังสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่" [Budapest Times] ผู้นําฝ่ายค้านอ้างว่า Orbán ได้กลายเป็น "หุ่นเชิด" ของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูตินของรัสเซีย นอกจากนี้เขายังวิพากษ์วิจารณ์ Orbán ที่ลอยอยู่ใกล้จีนมากเกินไปและอนุญาตให้สร้างวิทยาเขตมหาวิทยาลัย Fudan ในฮังการีซึ่งเป็นคอมเพล็กซ์แห่งแรกในยุโรป (Politico Europe) Márki-Zay ซึ่งใช้ท่าทีต่อต้านการทุจริตเพื่อดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เรียกร้องให้สหภาพยุโรประมัดระวังในวิธีการจัดการทางการเงินไปยังฮังการีเพื่อให้เงินทุนเข้าถึงพลเมืองแทนที่จะเป็น oligarchs จากพรรค Fidesz ปีกขวาของ Orbán [Euractiv] ขณะเดียวกันในการประชุมเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ออร์บันได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้นําของฟิเดสซ์ที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกสองปี [Euractiv] (pk) โปแลนด์: กลุ่มรัฐสภายุโรปเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการระงับกองทุนหลังโควิดของโปแลนด์ ผู้นํากลุ่มการเมืองส่วนใหญ่ในรัฐสภายุโรปได้เรียกร้องให้ผู้บริหารของสหภาพยุโรประงับการอนุมัติพันล้านสําหรับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังก ารระบาดใหญ่ของโปแลนด์จนกว่าประเทศจะดำเนินการตามมาตรฐานประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม ในจดหมายถึงประธานคณะกรรมาธิการยุโรป Ursula von der Leyen ผู้นํากลุ่มกล่าวว่า" ศาลโปแลนด์ทุกชั้นศาลได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่สามารถรับประกันสิทธิในการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมโดยความอิสระและเป็นกลางที่จัดตั้งขึ้ นตามกฎหมาย" [Euractiv] นักวิจารณ์กล่าวว่าพรรคกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมแห่งชาติของโปแลนด์ (PiS) ได้ทําให้ผู้พิพากษาถูกควบคุมทางการเมืองและกัดเซาะหลักนิติธรรม กฎหมายและความยุติธรรมยืนยันว่าจําเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อกำจัดกลุ่มชนชั้นยุคคอมมิวนิสต์ที่มีมลทินในกระบวนการยุติธรรมในโปแลนด์ กลุ่มอนุรักษ์นิยมและนักปฏิรูปยุโรป (ECR) แสดงความโกรธแค้นในจดหมาย von der Leyen ที่ส่งมาในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน โดยสมาชิกรัฐสภาด้านกฎหมายและความยุติธรรม ในรัฐสภายุโรป กลุ่ม ECR ที่เป็นประธานร่วมแสดงความเห็นถึงข้อเรียกร้องที่โปแลนด์ควรถูกลงโทษว่า "รุนแรง" คณะกรรมาธิการยุโรปได้ทำการระงับการอนุมัติที่จําเป็นสําหรับแผนของวอร์ซอเกี่ยวกับวิธีการใช้จ่ายมากกว่า 20 พันล้านยูโรในกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม [Reuters] von der Leyen ในเดือนตุลาคมได้สรุปการประนีประนอมสําหรับการปลดล็อกเงินกองทุนดังกล่าวและลดความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับวอร์ซอซึ่งกล่าวหาว่าบรัสเซ ลส์มีอํานาจมากเกินไปและการแทรกแซงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในกิจการภายในประเทศของโปแลนด์ [Euractiv] เว็บไซต์ข่าว Politico รายงานว่า บรัสเซลส์วางแผนที่จะผูกเงินกองทุนฟื้นฟูของสหภาพยุโรปของโปแลนด์กับ "เหตุการณ์สําคัญ" ซึ่งวอร์ซอต้องมุ่งมั่นที่จะสร้างความเป็นอิสระของผู้พิพากษาอีกครั้ง (Politico Europe) เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปสั่งให้โปแลนด์จ่ายค่าปรับ 1 ล้านยูโรต่อวันเนื่องจากปฏิเสธที่จะระงับการดำเนินการทางวินัยภายในศาลฎีกาในวอร์ซอ แม้ว่าศาลในลักเซมเบิร์กก่อนหน้านี้กล่าวว่า การดำเนินการทางวินัยละเมิดความเป็นอิสระของตุลาการ ทฤษฎีสำคัญของสหภาพยุโรป [Reuters] ศาลสูงสุดของสหภาพยุโรปโต้เถียงกันในเดือนกรกฎาคมว่า ดำเนินการทางวินัยภายในศาลทำให้ผู้พิพากษาสามารถได้รับการลงโทษสําหรับเนื้อหาในคําตัดสินของพวกเขา ในจดหมายของพวกเขาถึง Von der Leyen ผู้นํากลุ่มรัฐสภายุโรปกล่าวว่า “มาตรการของศาลยุติธรรมสามารถสรุปได้ว่า “ปฏิบัติตามทันทีหรือจ่าย” ซึ่งคณะกรรมาธิการไม่สามารถแสดงท่าทีของ “มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามในอนาคตและเราจะจ่าย'" [Euractiv] เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ศาลสูงสุดของสหภาพยุโรปได้ตําหนิวอร์ซออีกครั้ง โดยกล่าวว่ากฎของโปแลนด์อนุญาตให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแต่งตั้งและปลดผู้พิพากษาออกจากศาลอาญาละเมิดกฎหมายของกลุ่ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของโปแลนด์ Zbigniew Ziobro เป็นสมาชิกคนสําคัญของแนวร่วมฝ่ายขวาของประเทศและยังเป็นอัยการสูงสุด (Politico Europe) ความตึงเครียดระหว่างสองหน่วยงานของสหภาพยุโรป เรื่องช่องทางหนึ่งของกองทุนยุโรป ในช่วงปลายเดือนตุลาคม สมาชิกสภายุโรปได้ยื่นฟ้องคณะกรรมาธิการยุโรปด้วยเหตุที่ไม่สามารถใช้กลไกที่เชื่อมโยงการจ่ายเงินโดยบรัสเซลส์กับการรักษามาตรฐานหลักน ิติธรรมในประเทศสมาชิก [EiR ประจําเดือน พฤศจิกายน 2564] ความตึงเครียดระหว่างบรัสเซลส์และวอร์ซอเพิ่มขึ้นเมื่อศาลรัฐธรรมนูญของโปแลนด์ - ศาลสูงสุด - ตัดสินเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมว่าบางส่วนของสนธิสัญญาสหภาพยุโรปไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญของประเทศ Von der Leyen กล่าวว่าคําตัดสินดังกล่าวก่อให้เกิด "ความท้าทายโดยตรงต่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคําสั่งทางกฎหมายของสหภาพยุโรป" เกิดความขัดแย้งเพิ่มเติมกับสถาบันในยุโรป เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ศาลสูงสุดของโปแลนด์กล่าวว่า ศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป (ECHR) ไม่มีสิทธิตั้งคําถามเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้พิพากษา คําวินิจฉัยดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก ECHR ในเดือนพฤษภาคมตั้งคําถามถึงความถูกต้องตามกฎหมายของการแต่งตั้งผู้พิพากษาต่อศาลรัฐธรรมนูญในวอร์ซอ ซึ่งหลายคนเห็นว่าอยู่ภายใต้การควบคุมทางการเมืองโดยชาตินิยมปกครองของโปแลนด์[Politico Europe] [Euractiv] [Notes From Poland] (pk) สโลวีเนีย: ประธานาธิบดีวางแผนที่จะจัดการเลือกตั้งในเดือนเมษายนท่ามกลางความตึงเครียด ประธานาธิบดีสโลวีเนียกล่าวว่าเขาต้องการจัดการเลือกตั้งรัฐสภาในเดือนเมษายนซึ่งเป็นวันที่เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ท่ามกลางความตึง เครียดทางการเมืองและการเรียกร้องโดยนักวิจารณ์ว่ารัฐบาลกําลังทําลายหลักนิติธรรมและการจัดการการแพร่ระบาดของ Covid-19 ไม่ถูกต้อง ประธานาธิบดีโบรุต ปาฮอร์ กล่าวว่า ประชาชนจํานวนมากต้องการฟังว่าจะมีการเลือกตั้งตามกําหนดเมื่อใดหากการเลือกตั้งล่วงหน้าไม่ได้เกิดขึ้นล่วงหน้า นักการเมืองฝ่ายค้านในสโลวาเกียซึ่งดํารงตําแหน่งประธานาธิบดีของสหภาพยุโรปที่เวียนทุก ๆ หกเดือน กล่าวว่าพวกเขาจะติดตามการเรียกร้องให้มีการลงคะแนนเสียงของรัฐสภาในช่วงต้นโดยไม่คํานึงถึงการประกาศของปาฮอร์ [Euractiv] ในเดือนพฤษภาคม นายกรัฐมนตรีฝ่ายขวา นายเจนซ์ จานา รอดจากการถอดถอนโดยฝ่ายค้าน โดยกล่าวหาว่าเขากําลังปิดปากสื่อและไม่สามารถจัดหาวัคซีน Covid-19 ให้เพียงพอสําหรับชาวสโลวีเนีย ประชาชนหลายพันคนประท้วงเมื่อต้นปีนี้เรียกร้องให้รัฐบาลลาออก [US News/AP] Janša ถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการโจมตีความเป็นอิสระของตุลาการและถูกกล่าวหาว่าบ่อนทําลายมาตรฐานประชาธิปไตยในประเทศของเขา [Guardian] ในขณะเดียวกันสํานักข่าวสโลวีเนีย (STA) ซึ่งเป็นสถาบันของรัฐในเดือนพฤศจิกายนก็ได้รับเงินทุนจากรัฐสําหรับปีนี้ นักวิจารณ์อ้างว่าเจ้าหน้าที่กําลังกดดันหน่วยงานดังกล่าว ในขณะที่หน่วยงานในยุโรปมีความกังวลที่คล้ายกัน รัฐบาลได้กล่าวว่าความขัดแย้งกับสํานักข่าวไม่ได้เชื่อมโยงกับเสรีภาพสื่อแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม การวิพากษ์วิจารณ์นักข่าวโดย Janša ทำให้เกิดความกังวลว่าสื่อในสโลวีเนียกําลังถูกข่มขู่ (Politico Europe) ในเดือนตุลาคม Janša กลายเป็นประเด็นในสื่อออนไลน์ ระหว่างการเยือนสโลวีเนียโดยสมาชิกสภาผู้แทนของรัฐสภายุโรปเพื่อประเมินเสรีภาพสื่อมวลชนและสถานะของหลักนิติธรรมในประเทศ [EiR ประจําเดือน พฤศจิกายน 2564] (pk) กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปใต้ โปรตุเกส: การเลือกตั้งในเดือนมกราคมท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมือง โปรตุเกสจะจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 30 มกราคมหลังจากประธานาธิบดีตัดสินใจที่จะยุบสภาท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดจาก การที่สมาชิกรัฐสภาปฏิเสธร่างงบประมาณของรัฐบาลสังคมนิยมที่มีเสียงข้างน้อยในสภาฯ สําหรับปี 2022 เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีมาร์เซโล รีเบโล เดอ ซูซา ประกาศว่าจะเรียกการเลือกตั้งล่วงหน้าก่อนกําหนด 2 ปี ความพ่ายแพ้ของร่างกฎหมายงบประมาณ แสดงให้เห็นถึงการสิ้นสุดเสถียรภาพทางการเมืองที่มีมากว่าหกปีภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี António Costa พรรคสังคมนิยม การสํารวจความคิดเห็นชี้ให้เห็นว่าอาจไม่มีวิธีที่ง่าย ที่จะทำให้หลุดพ้นจากวิกฤติ ผลสํารวจล่าสุดระบุว่าพรรคสังคมนิยมที่อยู่ฝ่ายกลางซ้าย จะได้รับการเลือกตั้งอีกครั้ง แต่จะยังไม่ได้รับเสียงข้างมากอีกครั้ง ซึ่งหมายความว่พรรคาสังคมนิยมจะต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภาสําหรับการออกกฎหมายและนําโปรตุเกสกลับมาที่จุดเริ่มต้นก่อนวิกฤตทางการ เมือง [AP] ในสถานการณ์ที่แนวร่วมที่ซับซ้อนแย่งชิงกันเพื่อรวบรวมคะแนนเสียงก่อนวันเลือกตั้ง พรรคประชานิยมฝ่ายขวาแห่งแรกของโปรตุเกสเชกา! (พอ!) กําลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จากการสํารวจความคิดเห็น พรรคอาจจะสามารถชนะ ได้มากที่สุดถึง 20 ที่นั่งจาก 230 ที่นั่งในรัฐสภา และทําหน้าที่เป็น Kingmaker [AP] พรรคคอมมิวนิสต์และพรรคฝ่ายซ้ายซึ่งเป็นพันธมิตรของรัฐบาลปิดกั้นร่างกฎหมายงบประมาณโดยกล่าวว่า Costa กระตือรือร้นที่จะลดการขาดดุลมากเกิ นไปและเพิกเฉยต่อการเรียกร้องให้มีการคุ้มครองแรงงานที่ดีขึ้นประกันสังคมที่ใจกว้างมากขึ้นและการลงทุนในบริการสาธารณสุขมากขึ้น [DW] ข้อเสนองบประมาณของรัฐใหม่อาจไม่ได้รับก่อนรัฐสภาจนถึงเดือนเมษายน [AP] (kc/pk) สเปน: แนวร่วมรัฐบาลฝ่ายกลางซ้ายที่ผลักดันให้เกิดอาชญากรรมในยุคฟรังโก จะได้รับการดําเนินคดี แนวร่วมฝ่ายกลางซ้ายของสเปนได้เริ่มผลักดันประเด็นทางกฎหมายซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสืบสวนอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามกลางเมืองของ ประเทศและเผด็จการของนายพลฟรานซิสโกฟรังโกในปี 1939-1975 แนวร่วมนี้ประกอบด้วยพรรคแรงงานสังคมนิยมสเปน (PSOE) ของนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ และ Unidas Podemos รุ่นน้องที่มีเป้าหมายที่จะสร้างการตีความกฎหมายนิรโทษกรรมปี 1977 ของประเทศโดยแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ หลังระบุว่าการอภัยโทษของอาชญากรรมทางการเมืองไม่สามารถใช้กับอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เช่น อาชญากรรมสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการทรมาน กฎหมายนิรโทษกรรม พ.ศ. 2520 ได้รับการประกาศใช้เพื่อบรรเทาการเปลี่ยนผ่านของสเปนไปสู่ระบอบประชาธิปไตยหลังจากการเสียชีวิตของฟรังโก โดยการอภัยโทษนักโทษทางการเมืองของระบอบการปกครอง แม้ว่าในภายหลังจะกลายเป็นเครื่องมือในการป้องกันการดําเนินคดีของบุคคลจากเผด็จการที่ก่ออาชญากรรมก่อนปี 1977 กฎหมายดังกล่าวกลายเป็นที่รู้จักกันในนาม "สัญญาแห่งการลืม" [País] [Reuters] ประชาชนกว่าครึ่งล้านคนเสียชีวิตในช่วงสงครามกลางเมืองระหว่างปี 1936-39 ในขณะที่นักประวัติศาสตร์ได้ประเมินว่าประชาชนอีกประมาณ 150,000 คนถูกฆ่าตายในการปราบปรามในภายหลังโดยรัฐบาลของฟรังโก [Reuters] การผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นสิ่งสําคัญสําหรับการบริหาร ฝ่ายกลางซ้ายของสเปน แต่การรวบรวมคะแนนเสียงจากรัฐสภาให้เพียงพอนั้นพิสูจน์ได้ยากกว่าที่คาดไว้ หากร่างกฎหมายผ่าน จะเป็นครั้งแรกที่อาชญากรรมภายใต้ระบอบการปกครองของฟรังโกสามารถถูกนําไปยังศาลสเปนได้ จนถึงขณะนี้กระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยุคฟรังโกเป็นไปได้หากดำเนินการนอกประเทศเท่านั้น [País] (sd/pk) กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปตะวันออก เบลารุส: ประเทศ OSCE กล่าวหาเบลารุสว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนเนื่องจากการปราบปรามสื่อยังคงดําเนินต่อไป สามสิบห้าประเทศขององค์กรว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลยุโรปที่มุ่งเน้นด้านความมั่นคงและสิทธิมนุษยชนได้ ร้องขอ ให้เบลารุสให้รายละเอียดเกี่ยวกับ "การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง" ที่เกิดขึ้นในประเทศ ประเทศในกลุ่ม OSCE ใช้ "กลไกเวียนนา" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่องค์กรใช้เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและประเด็นที่เกี่ยวข้อง คําร้องขอนี้แสดงถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการจับกุม การทรมาน เสรีภาพของสื่อที่ลดลงและข้อ จํากัดเกี่ยวกับเสรีภาพขั้นพื้นฐาน [RFE/RL] ในประเทศเยอรมัน องค์กรสิทธิมนุษยชนสองแห่งได้กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่เบลารุสละเมิดสิทธิมนุษยชนในคำร้องที่ยื่นในเยอรมันภายใต้หลักการของเขตอํานาจศาลสา กลเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน [Deutsche Welle] คณะกรรมการสืบสวนในเบลารุสได้เริ่มกระบวนการสืบสวนอดีตเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายซึ่งขณะนี้กําลังสนับสนุนฝ่ายค้าน [RFE/RL] ทางการของประเทศดำเนินการโจมตีสื่อมวลชนต่อไป หนังสือพิมพ์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศและช่องทางโซเชียลมีเดียถูกศาลระงับเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนตามคําร้องขอจากหน่วยงานของรัฐ [RFE/RL] เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนช่องข่าว Belsat ที่ดําเนินงานจากโปแลนด์ได้รับการประกาศให้เป็นองค์กร "หัวรุนแรง" [Reuters] นักข่าวและสามีของเธอถูกศาลตัดสินจําคุกในเบลารุสสําหรับการเผยแพร่เนื้อหาที่มีความเป็น "หัวรุนแรง" บนโซเชียลมีเดีย [RFE/RL] (qc) จอร์เจีย: การย้ายมาโรงพยาบาลทหารของ Saakashvili เป็นการสิ้นสุดการประท้วงความหิวโหยของเขา อดีตประธานาธิบดีจอร์เจีย Mikheil Saakashvili ยุติการประท้วงความหิวโหยของเขาหลังจากที่เขาถูกย้ายจากเรือนจําไปยังโรงพยาบาลทหารเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ในช่วงก่อน Saakashvili ได้หมดสติชั่วคราวและประสบกับภาวะที่สุขภาพของเขาทรุดตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤศจิกายน ทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปแสดงความกังวลเกี่ยวกับเงื่อนไขการจําคุกของ Saakashvili และการดําเนินการเลือกตั้งท้องถิ่นในจอร์เจียซึ่งเขากลับไปยังประเทศบ้านเกิดของเขาในช่วงต้นเดือนตุลาคม [RFE/RL] [France 24] ถนนในทบิลิซีถูกทําเครื่องหมายโดยการประท้วงเป็นเวลาหลายวันหยุดสุดสัปดาห์ซึ่งจัดโดยพรรค Saakashvili ขบวนการแห่งชาติแห่งสหประชาชาติ (UNM) ผู้นําขององค์กร Nika Melia ได้ขอให้อดีตประธานาธิบดีได้รับการปล่อยตัวจากการคุมขังและการเลือกตั้งได้รับการจัดระเบียบใหม่ ซึ่งรัฐบาลปฏิเสธทันที [RFE/RL] Saakashvili เขียนจดหมายเปิดผนึกในเดือนพฤศจิกายนซึ่งเขาเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนชาวจอร์เจียใน "แรงบันดาลใจในระบอบประชาธิปไตยและตะวันตกต่อภัยคุกคามของเผด็จการ" [Politico] การพิจารณาคดีของอดีตประธานาธิบดีกลับมาอีกครั้งเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนในศาลในทบิลิซี [RFE/RL] (rr/qc) ลิทัวเนีย: ความสัมพันธ์กับจีนถูกลดระดับ ความสัมพันธ์กับรัสเซียที่จุดต่ำสุดท่ามกลางคําตัดสินเกี่ยวกับสายลับ ทางการลิทัวเนียพยายามแยกตัวออกจากกรุงปักกิ่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาในขณะที่คําตัดสินของศาลที่เกี่ยวข้องกับข้อหาสอดแนมได้ก่อ ให้เกิดข้อพิพาทกับรัสเซีย ความสัมพันธ์กับจีนทรุดโทรมลงตั้งแต่ วิลนีอุสตัดสินใจในเดือนสิงหาคมเพื่อให้มีการจัดตั้งตัวแทนทางการทูตไต้หวันในลิทัวเนีย ไต้หวันเปิดสํานักงานการทูตในวิลนีอุสเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ลิทัวเนียยังได้ถอนตัวออกจากแพลตฟอร์ม "17 + 1" ที่ประกอบด้วยสาธารณรัฐประชาชนจีนและรัฐส่วนใหญ่ในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ Arnoldas Pranckevičius กล่าวว่าปัญหากับปักกิ่ง เป็นการร้อง“ทำให้ตื่น" สําหรับส่วนที่เหลือของยุโรปเพื่อ “ดำเนินการร่วมกับ” ในจุดที่ตรงข้ามกับประเทศจีน" [Reuters] รัฐบาลจีนตอบโต้เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนต่อการตัดสินใจของไต้หวันในการเปิดสํานักงานการทูตในลิทัวเนียโดยการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับวิลนีอุส [Euractiv] หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ ของจีนกล่าวว่า วอชิงตันเป็น "มือที่ซ่อนอยู่" ที่รับผิดชอบต่อการเมืองของลิทัวเนียเกี่ยวกับไต้หวัน [Global Times]รัฐบาลสหรัฐระบุว่าประเทศอื่น ๆ ไม่ควรแทรกแซงความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างลิทัวเนียและไต้หวัน [Euronews] ในข่าวที่เกี่ยวข้อง กระทรวงกลาโหมของลิทัวเนียประกาศในเดือนพฤศจิกายน ว่าจะเริ่มการแก้กฎหมายที่จะทําให้ผู้ผลิตจีนรัสเซียและเบลารุสไม่สามารถขายเทคโนโลยีให้กับประเทศได้ มีรายงานว่ากระทรวงฯ มีความกังวลเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของผู้รับเหมาจากประเทศที่ "ไม่น่าเชื่อถือ" ในการจัดการ "โครงสร้างพื้นฐานข้อมูลที่สําคัญ" [LRT] ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์กับรัสเซียดีขึ้นหลังจากพลเมืองชาวลิทัวเนียสองคนถูกตัดสินจําคุกในข้อหาสอดแนม ศาลใน Klaipeda ตัดสินว่าผู้ต้องหามีความผิดในการรวบรวมข้อมูลและส่งต่อข้อมูลไปยังบริการรักษาความปลอดภัยของรัสเซีย [RFE/RL] ในแถลงการณ์ที่ตีพิมพ์หลังจากคําตัดสินของศาลสถานทูตรัสเซียในลิทัวเนียกล่าวว่า "การกระทําของรัฐบาลลิทัวเนีย" นั้น "น่าอับอาย" [Delfi] (qc) รัสเซีย: เสรีภาพในการแสดงออกภายใต้การคุกคาม ขณะที่ทางการมุ่งเป้าไปที่ผู้สื่อข่าวและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนหน่วยงานภาครัฐในรัสเซียกำลังเพ่งเล็งผู้สื่อข่าวและนักเคลื่อน ไหวทางด้านสิทธิมนุษยชนโดยดำเนินมาตรการทางกฎหมายและทางการเมืองเพื่อกีดกันมิให้มีการสอบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือประเด็นทางการเม ืองที่มีความละเอียดอ่อน อาทิ การปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุดของรัสเซียได้ขอให้ศาลปกครองสูงสุดของประเทศสะสางและยุติกิจการของกลุ่มสิทธิมนุษยชนที่ชื่อ เมมอเรียล เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับ “ตัวแทนต่างชาติ” ทั้งนี้เมมอเรียลเป็นองค์กรที่ขึ้นชื่อในเรื่องการสืบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงการปราบปรามทางการเมือง และได้ถูกบรรจุในทะเบียน “ตัวแทนต่างชาติ” ในปี 2559 ในทำนองเดียวกัน นาย อีวาน ปัฟลอฟ ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนที่มีชื่อเสียง ก็ถูกบรรจุในทะเบียนดังกล่าวเช่นกัน หลังจากที่เขาปกป้องนาย อะเลกเซย์ นาวัลนีย นักการเมืองฝ่ายค้าน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเรือนจำ และให้การสนับสนุนทางกฎหมายแก่นาย อีวาน ซาโฟรนอฟผู้สือข่าวที่ถูกกล่าวหาว่าทรยศเนื่องว่าขายข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในซีเรีย [RFE/RL] [Reuters] เมื่อเดือนที่แล้ว คณะกรรมาธิการลูกขุนระหว่างประเทศได้ เรียกร้อง ให้ทางการรัสเซีย "ยุติการล่วงละเมิด" นาย อีวาน ปัฟลอฟ ในเดือนพฤศจิกายน ทางการรัสเซียได้ขับไล่ "การละเมิดทางปกครอง" ผู้สื่อข่าวชาวดัตช์คนหนึ่งซึ่งทำงานเป็นสื่อมวลชนต่างประเทศในรัสเซีย [Guardian] และผู้จัดพิมพ์ เว็บไซต์ สื่ออิสระของรัสเซียก็ได้ถูกบรรจุในบัญชีผู้ต้องหาของกระทรวงมหาดไทย เพราะเขา ถือสองสัญชาติคือแคนาดาและรัสเซีย [RFE/RL] ในรายงานโลกปี 2564 ซึ่งเป็นการทบทวนแนวโน้มสิทธิมนุษยชนทั่วโลกประจำปีขององค์กรเอกชน ระหว่างประเทศ ฮิวแมนไรตส์วอตช ระบุ ว่าทางการรัสเซียมักจะใช้วิธี “การดำเนินคดีที่มิชอบด้วยกฎหมายต่อผู้สื่อข่าวในข้อหาก่อการร้ายและกบฏ และใช้ยุทธวิธีอื่นๆ เพื่อแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน” การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการแสดงออกได้ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อดีตนักโทษชาวรัสเซียคนหนึ่งและปัจจุบันเป็นผู้ขอลี้ภัยในฝรั่งเศสบอกกับสื่อต่างประเทศเกี่ยวกับการทรมานและการล่วงละเมิดที่เกิดขึ้นอ ย่างกว้างขวางในระบบเรือนจำของรัสเซีย ซึ่งเขาได้บันทึก ไว้ในวิดีโออย่างลับๆ [Guardian] ในการตอบโต้อัยการรัสเซียได้เริ่มกระบวนการสอบสวนในท้องที่เกี่ยวกับการทรมานผู้ต้องขังในโรงพยาบาลในเรือนจำ [RFE/RL] และเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูตินได้ปลดหัวหน้าระบบเรือนจำกลางของรัสเซียออกจากตำแหน่ง [Moscow Times] (qc) รัสเซีย : สหรัฐฯ เตือนหลังทดสอบขีปนาวุธในอวกาศและขายระบบป้องกันภัยทางอากาศ การทดสอบขีปนาวุธของรัสเซียที่ทำลายดาวเทียมดวงหนึ่งของประเทศในวงโคจรเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ได้ส่งผลให้ลูกเรือบนสถานีอวกาศนานาชาติ หรือ ไอเอสเอสต้องหาที่หลบภัยจาก เศษซากที่อาจเกิดขึ้น [RFE/RL] ในระหว่างการบรรยายสรุป ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า "สหพันธรัฐรัสเซียทำการทดสอบดาวเทียมทำลายล้างของขีปนาวุธต่อต้านดาวเทียมโดยตรงกับดาวเทียมของตนเอง"ส่วนหน่วยงานด้านอวกาศของรัสเซียตอ บโต้ว่าดาวเทียมดังกล่าวไม่ได้อยู่ในวงโคจรของ ไอเอสเอส และไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงกระทันหันแต่อย่างใด [BBC News] ความถี่ที่เพิ่มขึ้นของการทดสอบอาวุธใหม่ ได้นำไปสู่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย ตลอดจนจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา [South China Morning Post] เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน กองทัพรัสเซียได้ประกาศการทดสอบขีปนาวุธล่องเรือที่มีความเร็วเหนือเสียงในเขตอาร์กติก ซึ่งยากต่อการสกัดกั้นกว่าขีปนาวุธทั่วไป [Moscow Times] รัสเซียเป็นที่ยอมรับในด้านความเชี่ยวชาญทางขีปนาวุธและระบบป้องกันประเทศ รวมถึงระบบ ป้องกันภัยทางอากาศ เอส-400 การจัดหาระบบขีปนาวุธเหล่านี้ ให้กับตุรกี และอินเดียได้ สร้าง ความตึงเครียดกับสหรัฐฯ ซึ่งมีรายงานว่า อาจพิจารณาคว่ำบาตรอินเดีย และไม่รวม ตุรกีในการ จัดหาเครื่องบินขับไล่ เอฟ-35 รุ่นล่าสุด [Al Jazeera] [Asia Nikkei] [EiR Monthly November 2021] (qc) ยูเครน: รัสเซียซ้อมรบทางทหารท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น บุคลากรของกองทัพบกรัสเซียได้ดำเนินการฝึกซ้อมทางทหารเสร็จสิ้นในพื้นที่ทะเลดำเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ท่ามกลางความหวาดกลัวที่ทวีขึ้นต่อการบุกรุก กองทัพรัสเซียได้ดำเนินการซ้อมรบ โดยเห็นว่าเป็นการเตรียมความพร้อมต่อกิจกรรมของนาโต้ที่เพิ่มขึ้นใกล้บริเวณพรมแดน รัสเซียกล่าวว่าจำเป็นต้องเสริมสร้างความพร้อมของกองกำลังรูปแบบเดิมและกองกำลังนิวเคลียร์เพื่อตอบรับต่อการเคลื่อนไหวของกองกำลังของอ งค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ยูเครนซึ่งหวาดกลัวว่าการบุกโจมตีของรัสเซียกำลังใกล้เข้ามาได้ดำเนินการฝึกซ้อมทางทหารของตนเองใกล้กับชายแดนในเบลารุส กิจกรรมทางทหารที่เพิ่มขึ้นของทั้งสองฝ่ายมีขึ้น ภายหลังความเป็นปรปักษ์ระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสัปดาห์ [Reuters] ขณะนี้ เป็นที่คาดว่ามีทหารรัสเซียประมาณ 100,000 นายประจำการอยู่ที่บริเวณชายแดนรัสเซีย-ยูเครน ประธานาธิบดี โวโลดีไมร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ได้ขอความช่วยเหลือจากประชาคม ระหว่างประเทศ ในขณะที่รัสเซียยังคงเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางทหารของตนต่อไป การซ้อมรบทางทหารล่าสุด เป็นการเพิ่มระดับความตึงเครียดและความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องระหว่าง ประเทศที่มีพรมแดนติดกับรัสเซียซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2557 เมื่อกองกำลังทหาร รัสเซีย บุกเข้ายึดภูมิภาคไครเมียของยูเครน และต่อมาได้ผนวกดินแดนดังกล่าว หลังจากประชามติ ที่ชาวไครเมียลงคะแนนเข้าร่วมสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งผลที่ออกมายังเป็นที่โต้แย้งกัน รัสเซียยังคงมีความคลุมเครือเกี่ยวกับเหตุผลของการเพิ่มกำลังพลอย่างต่อเนื่อง โดยหลายคน ในยูเครนเกรงกลัวการโจมตีในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งรัสเซียสนับสนุน กลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ประกาศให้ภูมิภาคนี้เป็นเขตปกครองตนเองทั้งนาโต้และทำเนียบขาว ได้ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเอกราชและอธิปไตยของยูเครนอย่างแน่วแน่ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งได้ไปเยือนยูเครนเมื่อต้นปีนี้ กล่าวว่า หากรัสเซีย “กระทำการเชิงรุกต่อยูเครนอีก เราขอให้คำมั่น และเยอรมนีก็มุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างเหมาะสม เช่นกัน” [EUobserver] ถ้อยแถลงของนายบลิงเคน มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้ส่งนาย บิล เบิร์นส์ ผู้อำนวยการ ซีไอเอ ไปยังกรุงมอสโกเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน เพื่อไปแจ้งฝ่ายรัสเซีย ว่าสหรัฐฯ กำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของทหารรัสเซียใกล้พรมแดนยูเครนอย่างใกล้ชิด และกำลังประเมินแรงจูงใจเบื้องหลังการกระทำของรัสเซีย [CNN] รัสเซียอธิบายโดยแสร้งว่าการเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารของตนในบริเวณชายแดนไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก โดยนายดมิทรี เปสคอฟโฆษกของประธานาธิบดี ปูตินกล่าวว่า “การเคลื่อนไหวของกองกำลังในดินแดนของเราไม่ควรเป็นสาเหตุให้ทุกคนต้องเป็นกังวล” [Deutsche Welle] ถ้อยแถลงของเขาสะท้อนถึงท่าทีของประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน ซึ่งปฏิเสธแนวคิดที่ว่ารัสเซีย กำลังวางแผนบุกโจมตีทางทหาร ซึ่งถือเป็นการ “ปลุกระดม” ในการให้สัมภาษณ์กับ รัสเซีย 1 เมื่อต้นเดือนนี้ [CNBC] การแถลงของผู้นำรัสเซียไม่ได้ช่วยปลอบโยนรัฐบาลยูเครนเท่าไหร่นัก แต่กลับไหวตัวเพิ่มขึ้น ตั้งแต่บทความของประธานาธิบดี ปูติน ที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนกรกฎาคม ในหัวข้อเรื่อง “ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวทางประวัติศาสตร์ของชาวรัสเซียและชาวยูเครน” ซึ่งได้ตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของพรมแดนของยูเครน [Atlantic Council] อนึ่ง ความขัดแย้งที่เริ่มขึ้นเมื่อปี 2557 ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 14,000 คน และทำให้มีผู้พลัดถิ่น 1.5 ล้านคนจนถึงปัจจุบัน (bm) กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา: ภารกิจรักษาสันติภาพที่นำโดยสหภาพยุโรปขยายเวลาออก ไปท่ามกลางวิกฤตรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ลงมติเป็น เอกฉันท์ สนับสนุนให้ต่ออายุ อียูฟอร์ ซึ่งเป็นกองกำลังรักษาสันติภาพที่นำโดยสหภาพยุโรป มีกำลังพล 600 นายในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ขณะที่วิกฤตรัฐธรรมนูญที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น กำลังส่งผลกระทบสนธิสัญญาเดย์โทนา 1995 ที่ได้นำสันติภาพมาสู่ประเทศ ภายหลัง สงคราม บอสเนีย [Reuters] [Euractiv] วิกฤติดังกล่าวเกิดขึ้นจากความตั้งใจของประธานาธิบดี มิโลรัด โดดิค แห่งสาธารณรัฐเซิร์ปสกา ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางที่ปกครองโดย เซอร์เบียในบอสเนีย เพื่อถอนตัวจากรัฐบาลกลาง เช่น ฝ่ายตุลาการและกองกำลังติดอาวุธ และจัดตั้งกองทัพอิสระสำหรับหน่วยงานดังกล่าว [RFE/RL] นายคริสเตียน ชมิดท์ ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปประจำบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา อธิบายว่าแผนดังกล่าว “เทียบเท่ากับการแยกตัวออกจากกัน” และ “ภัยคุกคามอัตถิภาวนิยม ที่ใหญ่โตที่สุดของประเทศในช่วงหลังสงคราม” [Reuters] การเคลื่อนไหวของ โดดิค แม้ว่าได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียและเซอร์เบีย แต่ถูกประณาม จากสหภาพยุโรปและฝ่ายค้านภายใน สาธารณรัฐเซิร์ปสกา เอง ความตั้งใจของเขา คือการบรรลุเอกราชอย่างเต็มรูปแบบภายในบอสเนียสำหรับนิติบุคคล [Balkan Insight] [Reuters] ขณะที่เขาถอนภัยคุกคามแรกเริ่มกลับมา การประกาศดังกล่าวทำให้ผู้สังเกตการณ์จากต่างประเทศ ตื่นตระหนก [Euractiv] อียูโฟร์ มีพันธกิจในการ “รับประกันสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย” และสนับสนุนกองทัพสหพันธรัฐ ของบอสเนีย และเฮอร์เซโกวีนา ซึ่งคณะมนตรีความมั่นคงได้ขยายเวลาออกไปอีกหนึ่งปี [Sarajevo Times] การต่ออายุภารกิจสามารถปรามการต่อต้านในชั้นต้นจากรัสเซียและจีน และเพื่อประนีประนอม จึงไม่ให้มีการกล่าวถึงสำนักงานผู้แทนระดับสูงในข้อมติ [RFE/RL] รัสเซียและจีน อ้างว่าสำนักงานผู้แทนระดับสูง ไม่มีความชอบธรรมทางกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะมนตรีความมั่นคง ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนากล่าวว่า นายชมิดท์ มีอคติและเป้าหมายของเขาคือ การรบกวนความสงบสุขในบอสเนีย [Euractiv] [Reuters] ผู้แทนระดับสูงเป็นฝ่ายพลเรือนของภารกิจ ยูโรฟอร์ สำนักงานมีขอบเขตอำนาจที่กว้างขวางมาก รวมถึงการเลิกจ้างเจ้าหน้าที่และกำหนดกฎหมายฉุกเฉินในประเทศ [Reuters] การต่ออายุ อียูโฟร์ เป็นหนึ่งในมาตรการระหว่างประเทศในการจัดการกับสถานกาณ์ในบอสเนีย และเฮอร์เซโกวีนา ซึ่งสหรัฐฯ มีบทบาทนำทางการทูตในเรื่องนี้ [Politico Europe] นายเกเบรียล เอสโคบาร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เข้าพบนาย โดดิค เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ขณะที่เขากล่าวว่าการประชุม "มีประสิทธิผล" เขาได้เตือนว่าแผนของนายโดดิค "เป็นภัยต่อเสถียรภาพมาก" [RFE/RL] เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน นายเดเรค โชเลท์ ที่ปรึกษาของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สะท้อนถ้อยแภลงของนาย เอสโคบาร์ โดยกล่าวว่าแผนดังกล่าวจะ “ทำลายเสถียรภาพของภูมิภาคและจะไม่ส่งผลดีในการปรับปรุงชีวิตของประชาชนทั่วไป” [Euractiv] เยอรมนียังได้กดดันสหภาพยุโรปให้คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ในรัฐบาล สาธารณรัฐ เซิร์บสกา สำหรับฮังการีซึ่งเป็นเจ้าภาพการเยือนอย่างเป็นทางการของ โดดิค เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน คาดว่าจะคัดค้านมาตรการเหล่านี้อย่างเต็มที่ [RFE/RL] (wb) บัลแกเรีย: พรรคฝ่ายกลางชนะการเลือกตั้งรัฐสภาครั้งที่สาม ประธานาธิบดีที่พ้นจากตำแหน่ง ได้รับเลือกอีกครั้ง คาดว่า พรรคฝ่ายกลางและฝ่ายกลาง-ขวา จะจัดตั้งรัฐบาลผสม หลังจาก การเลือกตั้งรัฐสภาครั้งที่สามของบัลแกเรีย เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ในการเลือกตั้งนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่มอบความไว้วางใจให้กับพรรค ฝ่ายกลางที่ยังเคยไม่ผ่านการทดสอบ และในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันเดียวกัน ประชาชนต้องการความมั่นคงและเสถียรภาพ โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดี รูเมน ราเดฟ อีกครั้ง [RFE/RL] พรรคฝ่ายกลาง ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ “เราจะเปลี่ยนแปลงต่อไป” ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนร้อยละ 25.67 ได้ 67 ที่นั่งในสภาผู้แทนของบัลแกเรีย [RFE/RL]. พรรคต้องจัดตั้งรัฐบาลผสม เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญของบัลแกเรียระบุว่าพรรคนำต้องมีสมาชิก รัฐสภา 121 คนจาก 240 คนในการบริหารประเทศ พรรคได้เสนอให้ นายคีริส เปทคอฟ หนึ่งในประธานร่วม เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี [Standart News] พรรคกลาง-ขวา โปรยุโรป “พลเมืองเพื่อการพัฒนายุโรปของบัลแกเรีย (จีอีอาบี)” ได้รับคะแนนเสียงร้อยละ 23 และพรรคฝ่ายกลาง “กระบวนการเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (ดีบีเอส)” ได้รับการสนับสนุนร้อยละ 13 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งพรรคอื่นๆ ที่เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ได้แก่พรรค”ซ้ายกลางสำหรับบัลแกเรีย (บีเอสพี)” พรรคประชานิยมกลาง-ขวา “มีประชาชนอย่างเรา” พันธมิตรศูนย์กลางประชาธิปไตยบัลแกเรีย และพรรคขวาจัดนิยมรัสเซีย [RFE/RL] คาดว่าพันธมิตรระหว่างฝ่ายกลางและฝ่ายกลาง-ขวา จะมีการเจรจากันในเร็วๆ นี้ [Bulgaria On Air]. นายโบอีโค โบริซอฟ ประธานพรรค จีอีอาบีที่สนับสนุนยุโรปกล่าวว่า เขาจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของสภาผู้แทน [BTV] นายโบริซอฟดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปีที่แล้วเมื่อมีการประท้วงต่อต้านการทุจริต เนื่องจากผลการเลือกตั้ง สมาชิกของพรรคบีเอสพี ได้ขอให้ นางคอร์นีเลีย นิโนวา หัวหน้าพรรคลาออก [Darik News] หลังจากการลงคะแนนเสียงครั้งที่สองระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้งหลักสองคน นายรูเมน ราเดฟ ยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีบัลแกเรีย โดยได้รับคะแนนเสียงถึงร้อยบะ 66.72 ในขณะที่ นายอนาตัส เกิร์สชิคอฟได้รับการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวบัลแกเรียร้อยละ 31.8 หลายวันก่อนการเลือกตั้งนายราเดฟ และ นายเกิร์สชิคอฟ ได้อภิปรายทางโทรทัศน์ ในหัวข้อ อาทิ การรวมตัวของรัฐบาล โควิด-19 มาซิโดเนียเหนือ และรัสเซีย [BTV]. ในระหว่างการโต้วาทีนายราเดฟ ได้ทำให้เกิดการโต้เถียงจากคำกล่าวของเขาว่าภูมิภาคไครเมีย เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ต่อมาเขาแก้ตัวโดยอธิบายว่าแหลมไครเมียเป็นดินแดนของยูเครน ในแง่ของการพิจารณาคดี แต่ปัจจุบันรัสเซียควบคุมอยู่ [RFE/RL] การเลือกตั้งรัฐสภาครั้งที่สามของปีนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งน้อยและเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายโบอีโค รัชคอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในกล่าวว่า มีการซื้อเสียงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม โดยพรรคจีอีอาบี และพรรค ดีพีเอส อยู่เบื้องหลังของการฉ้อโกงการเลือกตั้ง [BTV] เมื่อต้นเดือนนี้ ผู้นำพรรค เอ็นเอสเอฟบี มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงในโครงการ "กรีนพาส" ของโควิด-19 [Euractiv] นายโบยาน สแตนคอฟ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกคนถูกจับกุมในข้อหาโจมตีศูนย์ แอลจีบีทีคิวไอเอ+ ในกรุงโซเฟีย [News.bg]. ระหว่างการถ่ายทอดสดการโต้วาทีชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ผู้สมัครและนักร้อง นางลูนา โยร์ดาโนวา ถูกขอให้ออกไปเพราะเธอไม่เคารพกฎของการอภิปราย [BTV] การเลือกตั้งประธานาธิบดีทำให้เกิดข้อพิพาทในระดับภูมิภาค เนื่องจากรัฐมนตรีมหาดไทยคนปัจจุบันกล่าวว่าตุรกีกำลังพยายามโน้มน้าวการเลือกตั้งผ่านการรณรงค์ทางโทรทัศน์ที่มีเป้าหมายมุ่งไปที่การโ น้มน้าวการตัดสินใจลงคะแนนเสียงของชาวบัลแกเรียที่อาศัยอยู่ในตุรกี [BTA] ข้อกล่าวหานำไปสู่การประท้วงต่อหน้าสถานเอกอัครราชทูตตุรกีในเมืองหลวง [News.bg] กระทรวงการต่างประเทศของตุรกีปฏิเสธข้อกล่าวหา [BTV] ในระดับยุโรป มีรายงานว่าผลการเลือกตั้งรัฐสภาจะมีผลกระทบต่อท่าทีของบัลแกเรีย เกี่ยวกับการจะเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของแอลเบเนียและมาซิโดเนียเหนือ [Euractiv] หลังจากชัยชนะของพรรค "เราจะเปลี่ยนแปลงต่อไป" รัฐบาลมาซิโดเนียเหนือถูกอ้างอิงว่ามองโลกในแง่ดี เพราะบัลแกเรียอาจยกเลิกการยับยั้งการเจรจาการเข้าเป็นภาคีของสหภาพยุโรปของสองประเทศดังกล่าว [Euractiv] (ib/qc) กรีซ: มาตรการจัดการโรคระบาดใหญ่ของรัฐบาล การเฝ้าระวังภายใต้ความกดกัน ในขณะที่ประชาชนชาวกรีกประท้วงบนท้องถนนความไม่สงบทางสังคมและการประท้วงได้รุมเร้ากรีซ หลังจากที่รัฐบาลได้กำหนดข้อจำกัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการระบาดใหญ่สำหรับชาวกรีก ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกมาประท้วงต่อต้านมาตรการภาคบังคับ ในส่วนบริการด้านสุขภาพ ในขณะที่อุตสาหกรรมการจัดเลี้ยงได้หยุดงานประท้วงในวันที่ 16 พฤศจิกายน เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับข้อกำหนดบัตรผ่านด้านสุขภาพสำหรับโควิด-19 ในผับ ร้านกาแฟ และร้านอาหาร [AP] [Euractiv] ในกรีซ มีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายใหม่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ประมาณร้อยละ 60 ของประชากรทั่วไปได้รับการ ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน วารสารภาษากรีกเปิดเผยว่าคณะรัฐมนตรี ของนายกรัฐมนตรีถูกกล่าวหาว่าขอให้หน่วยข่าวกรองของประเทศตรวจสอบพลเมืองและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ไม่เห็นด้วยกับข้อจำกัดด้านการระบา ดใหญ่ของรัฐบาล [Euractiv] กรีซยังเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์หลังจากรัฐสภากรีกออกกฎหมายฉบับใหม่เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนเพื่อจัดการกับข่าวปลอม พรรคฝ่ายค้าน สหภาพสื่อมวลชน และแหล่งข่าวในคณะกรรมาธิการยุโรป แสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการ ที่รวมอยู่ในกฎหมายดังกล่าวที่อาจขัดขวางการทำงานของผู้สื่อข่าว [Euractiv] [Euronews] เสรีภาพของสื่อในกรีซลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตามรายงานของ “ผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน” ในดัชนีเสรีภาพสื่อโลกปี 2564 2021 World Press Freedom Index. (qc) โรมาเนีย: ประธานาธิบดียืนยันพันธมิตร 3 พรรค หลังวิกฤตการเมืองยาวนานหลายเดือน ภายหลังการรับรองอย่างแข็งขันในสภาผู้แทนของโรมาเนีย ประธานาธิบดีเคลาส์ อิโอฮันนิส สาบานเข้ารับตำแหน่งในรัฐบาลผสมสามพรรคที่นำโดยนายกรัฐมนตรีนิโคเลา ซิอูกา เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน แนวร่วมที่ประกอบด้วยพรรคเสรีนิยมแห่งชาติกลางขวา (พีเอนแอล) พรรคประชาธิปัตย์กลางซ้าย (พีเอสดี) และพรรคประชาธิปัตย์กลุ่มชาติพันธุ์ฮังการีประชาธิปไตยในโรมาเนีย (ยูดีเอมอา) ได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ 318 เสียงในสภา [RFE/RL] ทั้งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีต่างก็มาจากพรรคเสรีนิยม พีเอนแอล รัฐบาลได้รับการยืนยันหลังจากเกิดวิกฤตทางการเมืองที่ยาวนาน ซึ่งมีผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีหลายคน รวมถึงนายกรัฐมนตรี ซีอูซา ที่เพิ่งได้รับการยืนยันใหม่ เนื่องจากคะแนนเสียงไม่เพียงพอในสภาผู้แทนของโรมาเนีย [EiR Monthly November 2021] ข้อตกลงระหว่างพรรคพีเอนแอล และพรรคพีเอสดีซึ่งถือเป็นคู่แข่งหลักทางการเมือง ร่วมกับพรรคยูดีเอมอา พันธมิตรระดับน้องใหม่ ได้เคลียร์เส้นทางสำหรับผู้บริหารคนใหม่ ที่จะต้องให้ความสำคัญกับสถานการณ์ระบาดใหญ่ของโควิด-19 งบประมาณของประเทศ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ [Euractiv] (qc) เซอร์เบีย: สมาชิกรัฐสภายุโรปเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เซอร์เบียยุติการปฏิเสธการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ สมาชิกรัฐสภายุโรปเรียกร้องให้ประธานาธิบดีเซอร์เบียและเจ้าหน้าที่เซอร์เบียคนอื่นๆ หยุดยกย่องอาชญากรสงคราม สองวันหลังจากตำรวจสั่งห้ามนักเคลื่อนไหว ด้านสิทธิ มนุษยชนวาดภาพบนจิตรกรรมฝาผนังของ รัดโค มลาดิช ในกรุงเบลเกรด [AP News] นักเคลื่อนไหวของ “การริเริ่มของเยาวชนสำหรับสิทธิมนุษยชน (วายไอเอชอา)” รวมตัวกันที่หน้าจิตรกรรมฝาผนังเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนโดยมีเจตนาที่จะลบออก ก่อนหน้านี้ตำรวจเซอร์เบียสั่งห้ามการชุมนุม โดยอ้างว่ามีความเสี่ยง ที่จะเกิดเหตุการณ์ ระหว่างสมาชิก วายไอเอชอา และผู้รักชาติที่ถือว่ามลาดิชเป็น “วีรบุรุษ” [Euronews] หลังจากนักเคลื่อนไหวปาไข่บนฝาผนัง ตำรวจเข้าแทรกแซงและจับกุมสมาชิกไว้ได้ สองคน กระทรวงมหาดไทยเซอร์เบียยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ปกป้องภาพจิตรกรรมฝาผนัง แต่ "รักษาความสงบเรียบร้อยและความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ" [Balkan Insight] กลุ่มผู้รอดชีวิตจากการทารุณกรรมของนายรัดโค มลาดิชขนานนามเขาว่า "คนแล่เนื้อทารุณแห่งบอสเนีย" ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตในปี 2560 เนื่องจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่เกิดขึ้นระหว่างสงครามบอสเนียในปี 2538 [Reuters] เจ้าหน้าที่เซอร์เบียยืนกรานที่จะไม่ยอมรับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีอเล็กซานดาร์ วูชิช ของเซอร์เบียปฏิเสธคำวิจารณ์ของสมาชิกรัฐสภาสหภาพยุโรปที่ระบุว่า "พวกเขาไม่มีอะไรทำนอกจากเกลียดชาวเซิร์บ" [AP News] (ec/qc) ตุรกี: สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตกลงลงทุนท่ามกลางวิกฤตค่าเงินกระทบตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และตุรกีได้ลงนามในความตกลงที่จะเพิ่มการลงทุนในสาขาพลังงาน และเทคโนโลยีในเศรษฐกิจตุรกี ในขณะที่ข้อตกลงแลกเปลี่ยนสกุลเงินจะช่วยสนับสนุนเงิน สกุลลีร่าตุรกีที่กำลังประสพปัญหายูเออี ตกลงในการจัดตั้งกองทุนมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะทำ “การลงทุนเชิงกลยุทธ์” ในสาขาสุขภาพและพลังงาน [Al Jazeera] [Reuters] การพบหารือระหว่างมกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบีและโมฮัมเหม็ด บิน ซายิด อัล นาห์ยาน และประธานาธิบดีเรเซป ทายยิป แอร์โดกันของตุรกี เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่กรุงอังการา ได้รับการประกาศในขั้นต้นว่าเป็นโอกาสที่จะ “ปรับปรุงความสัมพันธ์” หลังจากที่ยูเออีและ ตุรกีมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็นระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับผลพวงของ”อาหรับสปริง”ในอียิปต์ ซีเรีย และเยเมน และความพยายามก่อรัฐประหารในตุรกีในปี 2559 [World Politics Review] [Al Jazeera] ตุรกีได้แสวงหาพันธมิตรในภูมิภาคอย่างแข็งขันในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากวิกฤตค่าเงินที่เลวร้ายลงซึ่งทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ค่าเงินลีร่าตุรกีลดลงร้อยละ 15 หลังจากที่ประธานาธิบดีแอร์โดอันกล่าวว่าการ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อเร็วๆ นี้จะไม่ถูกยกเลิก แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นและค่าเงิน ในตลาดโลกอ่อนค่าลง[Reuters] ตุรกีได้พยายามปรับความสัมพันธ์ทั้งกับอียิปต์และรัฐต่างๆในอ่าวเปอร์เซีย เนื่องจากตุรกี รู้สึกโดดเดี่ยวในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกและต้องการการลงทุนในระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ [Al Jazeera] ในการหารือทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีเรเซป ทายยิป แอร์โดกัน ได้พูดคุยกับประธานาธิบดี ไอซัค เฮอร์ซอค ของอิสราเอลเกี่ยวกับ “สันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงของตะวันออกกลาง” [Times of Israel] (qc) เราจะขอบคุณมากสำหรับความคิดเห็นของคุณ! โปรดส่งความคิดเห็นใดๆ ที่คุณมีเกี่ยวกับจดหมายข่าวนี้ไปที่ : info@cpg-online.de นอกจากนี้ อย่าลืมกด Like CPG บน Facebook และเยี่ยมชม เว็บไซต์ ของเราสำหรับการอัปเดตข้อมูลข่าวสารอื่นๆ
|