คว้าข่าวสาร อ่านเทรนด์ยุโรป

ฉบับที่ 11, พฤศจิกายน 2565

 

ส่งข่าวสารถึงคุณโดย CPG

สนับสนุน​โดย KAS

 

เรียน ท่านผู้อ่าน 

ยินดีต้อนรับสู่วารสาร Europe in Review (EiR) ฉบับเดือนพฤศจิกายน เหนือสิ่งอื่นใด เรานำเสนอเรื่องราวโดยสรุปของความขัดแย้งในยูเครน อธิบายถึงเหตุผลที่สหราชอาณาจักรมีนายกคนที่สามภายในช่วงเวลาเจ็ดสัปดาห์ และรายงานถึงการเข้ารับตำแหน่งของนายกขวาสุดโต่งคนใหม่ของอิตาลี

สงครามในยูเครนยังคงดำเนินต่อไปโดยดูเหมือนว่าจะไม่มีทางจบ โดยความพยายามยังมีเพียงน้อยนิดที่จะยุติความขัดแย้งซึ่งส่งผลให้คนนับพันเสียชีวิต ลดทอนความหวัง และตัดกำลังอุปทานพลังงานไฟฟ้า

เช่นเคย เรานำเสนอบทความโดยสรุปในเรื่องราวล่าสุดของกิจการรัฐธรรมนูญ การเมืองภายในประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ภูมิศาสตร์รัฐศาสตร์ การป้องกัน ความมั่นคงร่วม และเรื่องราวของสิทธิมนุษยชนในแถบยุโรป

ด้วยความปรารถนาดี

Henning Glaser/ Glen Carey

บรรณาธิการบริหาร/ รองบรรณาธิการบริหาร

 

เว็บไซต์: https://www.cpg-online.de, เฟซบุ๊ก: https://www.facebook.com/CPGTU

(transl. by ph)

 

Main Sections

  • เรื่องเด่น - บรรณาธิการคัดสรร

  • กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปตะวันตก

  • กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้

  • กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปใต้

  • กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปกลาง

  • กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปเหนือ

  • ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ/ภูมิรัฐศาสตร์/ธรรมาภิบาลของสหภาพยุโรป 

 

เรื่องเด่น - บรรณาธิการคัดสรร

 
 

สงครามในยุโรป: รัสเซีย ยูเครนแลกหมัดผ่านการโจมตีด้วยอากาศยานไร้คนขับ ท่ามกลางข้อกล่าวอ้างเรื่องระเบิดกัมมันตรังสี

รัสเซียได้ทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโจมตีผ่านอากาศยานไร้คนขับในเมืองต่างๆของประเทศยูเครน ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งในขณะเดียวกันรัสเซียก็ได้ออกมาขู่เพิ่มเติมว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์รวมไปถึงอาจทำการโจมตีดาวเทียมของฝั่งตะวันตกที่ให้การช่วยเหล ือรัฐบาลยูเครน อีกทั้งกล่าวหารัฐบาลยูเครนถึงการเตรียมการที่จะใช้ระเบิดกัมมันตรังสี (dirty bomb)

รัสเซียตอบโต้ด้วยอากาศยานไร้คนขับพลีชีพต่อการโจมตีที่สะพานช่องแคบเคียร์ชโดยยูเครน

ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 8 ตุลาคม  สะพานช่องแคบเคียร์ช (Kerch Strait bridge) ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างรัสเซียและแคว้นไครเมียถูกระเบิดทำลายจนเสียหายโดยมีผู้เสียชีวิตจำนวน 4 คน ความเสียหายของสะพานไม่ได้อยู่ในระดับที่รุนแรงมากนัก มีการยืนยันว่าสะพานดังกล่าวที่ปกติสัญจรโดยรถยนต์และรถไฟเกิดความเสียหายโดยได้เสียหนึ่งช่องจราจร ผลกระทบของรางรถไฟซึ่งเสียหายจากแรงระเบิดนั้นยังไม่เผยให้เห็นแน่ชัด

สะพานดังกล่าวเป็นเครื่องแสดงที่สำคัญของทั้งสองฝ่าย สำหรับยูเครน สะพานแห่งนี้คือเครื่องเตือนที่แจ่มแจ้งของการยึดครองแคว้นไครเมียโดยรัสเซียและความทะเยอทะยานในการสร้างอณานิคมของรัฐบาลรัสเซีย สำหรับรัสเซียนั้นมันคือความสำเร็จที่แสดงให้เห็นถึง “ภารกิจที่เป็นประวัติการณ์” แห่งรัฐบาลของประธานาธิบดีปูตินที่สามารถผนวกแคว้นไครเมียจากยูเครนได้ สะพานดังกล่าวถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยาวที่สุดในยุโรปหลังจากการเปิดใช้งานในปี 2018 [BBC News] [New York Times] [NPR] [Al Jazeera] [CNN] [Deutsche Welle]

โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญถูกทำลาย

เพื่อเป็นการตอบโต้ในการโจมตี รัสเซียได้ปล่อยการโจมตีเป็นจำนวนมากในเมืองต่างๆของยูเครน ตั้งแต่เมืองแนวหน้าเช่น Mykolaiv ไปจนถึงเมือง Lviv ซึ่งตั้งอยู่ตอนสุดของทางตะวันตก ในขณะที่เมืองต่างๆในยูเครนถูกโจมตีด้วยขีปณาวุธและอากาศยานไร้คนขับพลีชีพ แต่เป้าหมายการโจมตีดูเหมือนจะมุ่งไปที่โรงงานผลิตไฟฟ้าในยูเครน จากรายงานของ Ukrenergo ประมาณร้อยละ 30 ของสถานีพลังงานในประเทศไม่สามารถใช้การได้ การดับไฟฟ้าแบบหมุนเวียน (rolling blackouts) นั้นเกิดขึ้นเป็นปกติทั้งย่านชนบทและในเมืองสืบเนื่องจากการที่ยูเครนต้องการรักษาความสามารถในการเก็บพลังงาน กำลังมีจำนวนน้อยลง[Guardian] [Financial Times] [Euractiv] [CNN] [Wall Street Journal] [Sky News] [RTÉ] [Associated Press]

ในการโจมตีคลื่นล่าสุดที่ผ่านมา รัสเซียได้ใช้อากาศยานไร้คนขับพลีชีพ Shahed-136 และ Shahed-131 ซึ่งผลิตโดยอิหร่านเป็นจำนวนมาก โดยถูกใช้งานภายให้ชื่อรัสเซียว่า Geran-1 และ Geran-2 ตัวอากาศยานไร้คนขับมีราคาที่ไม่สูงนัก ถูกผลิตด้วยส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์หลายชนิด และถูกออกแบบให้ใช้งานเป็นกลุ่ม โดยบินด้วยความเร็วที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสามารถใช้งานได้ในระยะทางจำนวน 2,000 ถึง 2,500 กิโลเมตรและสามารถปล่อยจากจุดใดก็ได้

มีการกล่าวอ้างว่าอากาศยานไร้คนขับดังกล่าวถูกยิงตกเป็นจำนวนมาก แต่ยังเหลือจำนวนเพียงพอที่จะมุ่งทำลายเป้าหมายอันเป็นสถานที่สำคัญต่างๆของยูเครน ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าค่าใช้จ่าในการยิงเพื่อทำลายอากาศยานไร้คนขับนั้นมักสูงกว่าตัวมูลค่าอากาศยานฯเอง โดยทั้งรัฐบาลรัสเซียและอิหร่านต่างปฏิเสธการใช้อากาศยานไร้คนขับในสงคราม หากแต่ว่าอากาศยานฯตัวอย่างที่ถูกจับได้นั้นบ่งบอกให้เห็นถึงเรื่องราวที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าอิหร่านได้ให้บริการผู้ฝึกแก่ผู้ปฏิบัติการของรัสเซียในแคว้นไครเมีย[Washington Post] [Guardian] [Eurasian Times] [Telegraph] [Newsweek]

ในขณะที่การโจมตีได้สร้างความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่องให้แก่ประชาชนชาวยูเครนซึ่งอยู่ในภาวะสิ้นหวังอยู่แล้วนั้น ดูเหมือนผลสำรวจล่าสุดจาก Gallup ตัวแทนผู้สำรวจความคิดเห็นจะชี้ให้เห็นว่ารัสเซียกำลังเผชิญความยากลำบากในความพยายามที่จะทำลายการต่อต้านจากยูเครน จากผลสำรวจ กว่าร้อยละ 70 ของประชากรยูเครนเชื่อว่าควรที่จะต่อสู้จนกระทั่งประเทศจะ “ชนะสงคราม” [Gallup]

รัสเซียกล่าวหายูเครนเรื่องการเตรียมตัวเพื่อใช้ “ระเบิดกัมมันตรังสี”

รัสเซียได้เพิ่มความรุนแรงเรื่องการขู่เพื่อใช้อาวุธนิวเคลียร์และปลุกกระแสข่าวลอยเรื่องการใช้ระเบิดกัมมันตรังสีตั้งแต่ที่ยูเครนประ สบความสำเร็จในการสู้แบบโต้กลับในพื้นที่ทางตะวันออกของเมือง  Kharkiv ที่ผ่านมาไม่นานนี้

โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมารัสเซียได้ทำการซ้อมการใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการรุกรานในยูเครน การซ้อมดังกล่าวซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อทดสอบความพร้อมของอาวุธนิวเคลียร์ จะถูกจัดขึ้นทุกๆปีและมักจะเกิดขึ้นก่อนที่จะแจ้งให้ทางการสหรัฐฯรู้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตามไม่มีความผิดปกติใดๆที่เผยให้เห็นจากการซ้อมดังกล่าว

รัสเซียใช้เวลาอย่างยาวนานในการเพิ่มประสิทธิภาพของอาวุธนิวเคลียร์ โดยมีการกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้งในช่วงสงครามในยูเครน Joe Biden ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกากล่าวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมว่าประธานาธิบดีปูติน “ไม่ล้อเล่นเมื่อเขาพูดถึงกลยุทธ์การใช้อาวุธนิวเคลียร์หรือการใช้อาวุธทั้งทางชีวภาพและเคมี” Biden ออกมาเตือนว่าความเสี่ยงที่จะเกิด “โลกาวินาศนิวเคลียร์” นั้นสูงที่สุดตั้งแต่วิกฤติการณ์คิวบาเมื่อปี 1962

อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญต่างก็มีความเห็นที่ไม่เหมือนกัน Matthew Fuhrmann ผู้เชี่ยวชาญในด้านการทูตนิวเคลียร์แย้งว่า “ความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในตอนนี้ยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ” เมื่อคำนึงถึงอัตราที่สูงกว่าในตอนที่การรุกรานเพิ่งเริ่ม โดยตัวประธานาธิบดีปูตินเองก็ยังกลับลำในการขู่โดยกล่าวว่ารัสเซีย “มองไม่เห็นความจำเป็น” ในการใช้อาวุธนิวเคลียร์กับยูเครน [Guardian] [NPR] [BBC News] [Atlantic] [Financial Times] [CNN] [Reuters] [Euronews] [Associated Press]

ในขณะเดียวกัน เมื่อสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม รัสเซียได้กล่าวหายูเครนว่ามีแผนการลักลอบที่จะใช้ระเบิดกัมมันตรังสีไม่ว่าจะด้วยการใช้เพื่อต่อสู้กับกองกำลังรัสเซียหรือเพื่อใช้ป้า ยสีรัสเซียเรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ก็ตาม ระเบิดกัมมันตรังสีคือระเบิดชนิดธรรมดาที่มีส่วนประกอบของกัมมันตภาพรังสีและสามารถแพร่กระจายสารดังกล่าวได้ โดยรัสเซียได้ชี้เป้าโรงงานในยูเครนเพื่อให้ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency: IAEA) เข้าตรวจสอบในอนาคตอันใกล้ กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียก็ได้กล่าวอ้างในเรื่องเดียวกันผ่านทวิตเตอร์ โดยแปะภาพเครื่องตรวจจับควันที่ถูกนำมาใช้ซ้ำของโรงงานนิวเคลียร์ในสโลวีเนีย

Sergei Shoigu รัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหมแห่งรัสเซียได้เรียกร้องชาติตะวันตกอยู่หลายครั้งเพื่อถกเรื่องดังกล่าว สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และสหรัฐกล่าวพร้อมกันผ่านคำแถลงร่วมว่าคำกล่าวอ้างของรัสเซียนั้น “เลื่อนลอยอย่างสิ้นเชิง”

ภัยคุกคามที่แท้จริงแล้วนั้นอยู่ที่โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งเมือง Zaporizhzhia ซึ่งถูกยึดครองโดยรัสเซียตั้งแต่ในช่วงเปิดสงคราม โรงงานไฟฟ้าดังกล่าวซึ่งเป็นที่เก็บขยะทางนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปได้กลายเป็นเขตสงครามสืบเนื่องมาจากการที่สองฝ่ายพยายามแย่งก ันเข้ายึดครอง การเจรจาระหว่างรัสเซีย ยูเครนและทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศว่าด้วยเรื่องการสร้างเขตรอบโรงงานไฟฟ้าฯที่มีการป้องกันและปลอดกองกำลังนั้นยังไม่ประสบคว ามสำเร็จมากนัก[Economist] [Guardian] [Deutsche Welle] [BBC News] [Euronews] [Atlantic] [Politico Europe] [Financial Times] [Reuters] [Euractiv]

กองเรือทะเลดำถูกตกเป็นเป้า

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ยูเครนได้ดำเนินการโจมตีผ่านอากาศยานไร้คนขับต่อกองเรือทะเลดำของรัสเซีย (Black Sea Fleet) ซึ่งเป็นระยะเวลาเพียงไม่กี่วันหลังจากที่กองเรือฯนั้นได้กลับเข้าฐานในเมือง Sevastopol แคว้นไครเมีย ดีกรีของความเสียหายนั้นยังไม่เผยให้เห็นแน่ชัด อย่างไรก็ตามเรือจำนวนหลายลำถูกโจมตีโดยอากาศยานไร้คนขับพลีชีพทางน้ำ รัสเซียยังกล่าวเพิ่มเติมว่าอากาศยานไร้คนขับทางอากาศก็มีความเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน ในขณะที่มีการยืนยันว่าเรือบัญชาการนามว่า “Admiral Makarov” ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

กองเรือทะเลดำซึ่งได้สูญเสียเรือบัญชาการ Moskva เมื่อเดือนเมษายนไปนั้น กลายมาเป็นเป้าหมายที่ยูเครนกำลังจับตามอง กองเรือนั้นถูกใช้เป็นฐานสำหรับขีปณาวุธร่อนของรัสเซียในการโจมตีเมืองต่างๆในยูเครน โดยกองเรือจำต้องย้ายอากาศยานจากฐานทัพอากาศ Saki ในแคว้นไครเมียหลังจากที่การโจมตีผ่านอากาศยานไร้คนขับของยูเครนเมื่อเดือนกันยายนได้ทำลายเครื่องบินเป็นจำนวนมาก

รัสเซียกล่าวว่าเรือในกองเรือทะเลดำที่ถูกตกเป็นเป้าเมื่อปลายเดือนตุลาคมนั้นมีความเกี่ยวข้องกับข้อตกลงที่ทำผ่านตัวกลางเช่นตุรกีในเ รื่องการอนุญาตให้ยูเครนสามารถส่งออกเมล็ดพันธุ์พืชได้ โดยเหตุผลของการโจมตีนั้นจึงมาจากการที่ข้อตกลงถูกระงับ การรุกรานของรัสเซียนั้นส่งผลให้ระบบอุปทานเมล็ดพันธุ์พืชที่ยูเครนมีต่อทั่วโลกนั้นขัดข้อง ส่งผลให้คนเป็นจำนวนกว่าล้านชีวิตต้องเผชิญภาวะอดอยาก[Moscow Times] [BBC News] [Al Jazeera] [Naval News] [New York Times]

แตกต่างจากความสำเร็จของการสู้ตอบโต้เมื่อเดือนกันยายน โดยเดือนตุลาคมนั้นเผยให้เห็นถึงการชะลอตัวในบริเวณพื้นที่แนวหน้า

รัสเซียดำเนินการโจมตีตำแหน่งต่างๆที่ควบคุมโดยยูเครนในภูมิภาค Donbas ทางตะวันออกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเมืองที่เป็นป้อมปราการอย่างเมือง Bakhmut ซึ่งเป็นเมืองที่กลายเป็นเป้าหมายของรัสเซียตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมเนื่องจากเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างถนนสำคัญที่เชื่อมเมืองต่างๆท ี่ควบคุมโดยยูเครนในเขต Donbas ทางตะวันออก ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่ารัสเซียนั้นใช้กองกำลังของตนเองและทหารรับจ้างจาก  Wagner Group ผสมกัน และพึ่งพาการใช้ปืนใหญ่มากกว่าการสนับสนุนทางอากาศ

เมื่อต้นเดือนตุลาคม กองทัพขอยูเครนได้เคลื่อนไปในเมือง Kherson ทางใต้ ผ่านแม่น้ำ  Inhulets โดยได้ทำการปลดปล่อยหลายพื้นที่และยังรุดหน้าไปอีก 30 กิโลเมตรในพื้นที่ที่ถูกยึดครองก่อนที่จะต้องหยุดเนื่องจากรัสเซียได้รับกำลังเสริมในกองป้องกันแนวหน้าบริเวณนอกเมือง Dudchany มีรายงานว่ายูเครนใช้ปืนใหญ่และระบบขีปณาวุธที่ได้รับจากชาติตะวันตกเป็นจำนวนมากเพื่อปกป้องกองกำลังที่เดินทัพเข้ามาได้

General Sergey Surovikin ผู้อำนวยการคนใหม่แห่ง “ยุทธการพิเศษทางทหาร” ที่เพิ่งถูกสั่งการให้เข้ารับตำแน่งของรัสเซียให้สัมภาษณ์ว่าอาจมี “การตัดสินใจที่จำเป็น” ในเมือง Kherson

ยังไม่มีปฏิบัติการใหญ่ใดๆตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาและทั้งสองฝ่ายดูเหมือนกำลังซุ่มรอการสู้รบในสงครามที่รอมายาวนาน[Institute for the Study of War] [The Guardian] [Financial Times] [Reuters] [BBC News] [NPR] [New York Times] [Economist] [Times] [Associated Press]

(wb/pk, transl. by ph)

 

Sunak เข้ารับตำแหน่งนายกฯแห่งสหราชอาณาจักรคนที่สามในปีนี้หลังจาก Truss ลาออก

Rishi Sunak อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร กลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่สามในปีนี้หลังจากที่ Liz Truss ลาออกโดยมีผลสืบเนื่องมาจากแรงกดดันทางการเมืองตามมาด้วยค่าเงินปอนด์ที่ลู่ลงอย่างชัดเจนจากนโยบายการเงินของเธอที่ก่อให้เกิดความวุ่น วายในตลาดเศรษฐกิจ

Sunack ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมหลังจากคู่แข่งผู้อื่นในพรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative) เช่น อดีตนายกรัฐมนตรีอย่าง Boris Johnson และ Penny Mordaunt รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมถอนตัวจากการแข่งขันชิงตำแหน่งผู้นำแห่งพรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative Party leadership) Sunak กล่าวระหว่างการแข่งขันฯว่านโยบายการเงินของคู่แข่งจะนำพาให้เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรล่มสลาย [Reuters] [BBC] [The Guardian] [Fortune]

ตลาดโลกต่างยินดีในการเข้ารับตำแหน่งของเขา หนี้สาธารณะของสหราชอาณาจักรลดลงและค่าเงินปอนด์ซึ่งมีการฟื้นตัวจากการที่ Liz Truss ถอนนโยบายการเงินของเธอนั้นมีราคาซื้อขายที่ 1.13 ดอลล่าร์สหรัฐฯ จากที่ร่วงลงเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนกันยายนสืบเนื่องจากการประกาศใช้นโยบายการเงินของ Liz Truss อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลตกลงร้อยละ 3.8 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับก่อนมีการประกาศใช้นโยบายการเงินดังกล่าว โดยมูลค่าพันธบัตรตกลงมาอย่างชัดเจน [BBC] [The Guardian] [Reuters]

นายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ทำการเปลี่ยนที่นั่งคณะรัฐมนตรีของเขา โดยดึงเอาหลายกลุ่มของพรรคมาทำงานร่วมกัน เขาได้แต่งตั้ง James Cleverly ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และให้ Jeremy Hunt ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีการคลังตามเดิม และ Ben Wallace ดำรงตำแหน่งเดิมในฐานะรัฐมนตรีแห่งกระทรวงกลาโหม [SkyNews]

การตัดสินใจของเขาในการให้ Suella Braverman ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในนั้นจุดประกายข้อถกเถียงเนื่องจากเธอนั้นถูกบังคับให้ลงจากตำแหน่งหกวันก่อนที่ Liz Truss จะลาออก การลงจากตำแหน่งของเธอเกิดขึ้นก่อนวันที่ Liz Truss เดินตามเธอออกไป [BBC] [Reuters] [The Guardian] [SkyNews]

ในอดีต Sunak ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีการคลังในรัฐบาลของ Boris Johnson เขาเคยพ่ายแพ้ในการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งผู้นำพรรคแก่ Liz Truss หลังจากที่ Boris Johnson ลาออกจากตำแหน่ง และเขายังเคยมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการกองทุนรวมถึงมีสถานภาพเป็นมหาเศรษฐี เขาเป็นหนึ่งในนักการเมืองที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดในรัฐสภา (Westminster) และเป็นนายกรัฐมนตรีผิวสีคนแรกของสหราชอาณาจักร [BBC] [Reuters][The Guardian] [Reuters]

การลงจากตำแหน่งของ Liz Truss

Truss ลงจากตำแหน่งในฐานะหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ทำให้เธอนั้นกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ของอังกฤษ ในคำแถลงเพื่อลงจากตำแหน่งนั้นเธอกล่าวว่า “ฉันไม่สามารถที่จะทำในสิ่งที่พรรคเลือกฉันมาเพื่อให้ทำได้” [BBC]

การตัดสินใจของเธอนั้นถูกสะท้อนกลับด้วยเสียงด้านลบจากตลาดทางเศรษฐกิจและจากพรรคของเธอเองสืบเนื่องจากเรื่องการตัดภาษีโดยไร้แหล่งราย ได้ (unfunded tax cuts) จำนวน 45,000,000,000 ล้านปอนด์ หลังจากที่ Kwasi Kwarteng รัฐมนตรีการคลังในรัฐบาลของเธอออกแถลงนโยบายที่รู้จักกันว่า “งบประมาณขนาดเล็ก”  (Mini-Budget) อัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมและอัตราดอกเบี้ยอสังหาริมทรัพย์ลู่ลงอยากมาก ทำให้ต้องมีการเข้าแทรกแทรงจากธนาคารของอังกฤษ (Bank of England)

Liz Truss กลับลำโดยการปลด Kwasi Kwarteng ออกจากตำแหน่งและให้ Jeremy Hunt รัฐมนตรีฯในรัฐบาลของเธอแก้ไขแผนในนโยบายการเงินของเธอทั้งหมด [BBC] [BBC]

ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเธอยังถูกทำให้ดูเสื่อมลงอย่างต่อเนื่องจากการที่ Suella Braverman ลาออกเพราะเรื่องการส่งต่อเอกสารลับของรัฐบาลผ่านมือถือส่วนตัว Suella Braverman ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้เคยออกมาวิจารณ์รัฐบาลก็ได้ชี้เป้าโจมตีไปที่ Liz Truss หลังจากการลงจากตำแหน่งของเธอ เธอได้แสดงความเห็นผ่านจดหมายอันดุเดือดถึงอดีตนายกฯถึง “ความกังวลที่มีต่อทิศทางของรัฐบาล” รวมไปถึงพันธกรณีในการลดจำนวนผู้อพยพ [SkyNews][BBC] [The Guardian] [The Guardian]

Liz Truss ไม่ประสบความสำเร็จในการพยายามที่จะรักษาวินัยภายในพรรคฯเนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนฯจากพรรคลงคะแนนต่อต้านข้อเสนอให้มีมาตราการเพื่อห้า มการขุดเจาะสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ซึ่งเป็นนโยบายของเธอแต่กลับขัดต่อนโยบายหาเสียงของพรรคฯ [The Guardian]

ภาวะเศรษฐกิจซึ่งอยู่กับที่

Sunak กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ลำบากเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของอังกฤษซึ่งอยู่กับที่ โดยประเทศได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและราคาพลังงานที่สูง ผู้คนได้ออกมาประท้วงเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อเรียกร้องค่าแรงที่เพิ่มขึ้นในการชดเชยค่าครองชีพที่สูงขึ้น [Reuters] [BBC] [Reuters]

บริษัทผู้ทำการประเมินด้านเศรษฐกิจ Moody’s กล่าวเมื่อเดือนตุลาคมว่าสภาวะเศรษฐกิจของอังกฤษตกลงจาก “คงที่” สู่ “ติดลบ” สืบเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นและภาวะเงินเฟ้อ สภาวะนั้นเปลี่ยนไปเป็นผลมากจาก “ความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นในความน่าเชื่อถือของสหราชอาณาจักรจากความคาดการณ์ได้ยากที่เพิ่มสูงขึ้นในเรื่องการกำหนดนโยบายท่ามกลางการ คุกคามต่อภูมิทัศน์ทางการเมืองภายในประเทศ” [MSN]

ตรงข้ามกับ Liz Truss ที่ Sunak ได้มีการปรึกษากับธนาคารกลางของอังกฤษในการร่างนโยบายการเงินใหม่ของเขา เขายังให้การสนับสนุนการออกมาตราการเพื่อห้ามการขุดเจาะสำรวจและผลิตปิโตรเลียมซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้รับแรงสนับสนุนมากนักในรัฐบาล ของ Liz Truss [Reuters] [BBC][BBC]

การเลือกตั้งล่วงหน้า

หลังจากที่ Liz Truss ลงจากตำแหน่ง พรรคแรงงานและพรรคการเมืองผ่ายค้านต่างๆได้ออกมาเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับการเรียกร้องข้อนี้

ในผลสำรวจความเห็นล่าสุดพรรคแรงงาน (Labour Party)มีคะแนนนำพรรคอนุรักษ์นิยมกว่า 30 แต้มหลังจากการออกแถลงถึง “งบประมาณขนาดเล็ก” โดยผลสำรวจล่าสุดเผยให้เห็นว่าพรรคแรงงานได้รับเสียงสนับสนุนถึงร้อยละ 52 ในขณะที่มีเพียงจำนวนร้อยละ 23 ที่ตั้งใจจะลงคะแนนให้พรรคอนุรักษ์นิยม หากการเลือกตั้งทั่วไปถูกจัดขึ้นในขณะนี้จำนวนสภาผู้แทนฯจากพรรคอนุรักษ์นิยมในสภาฯอาจถูกตัดลงไปกว่าครึ่ง [BBC] [BBC] [Reuters]

Sunak ให้คำนิยามสำหรับพรรคของเขาว่าอยู่ในช่วง “วิกฤตการมีชีวิตอยู่” แม้ขนาด Guy Hands ผู้ให้การสนับสนุนพรรคฯและเงินทุนมาอย่างยาวนานกล่าวว่าพรรคฯนั้นไม่เหมาะจะบริหารประเทศ ความผิดพลาดของพรรคฯทำให้ “ประเทศเดินไปในทางของการเป็นคนป่วยแห่งยุโรป” การเลือกตั้งทั่วไปมีกำหนดที่จะจัดขึ้นในอีก 2 ปี  [Reuters]

(jv/gc, transl. by ph)

 

อิตาลี: รัฐบาลหน้าใหม่ฝ่ายขวาสุดโต่งเข้าปฏิบัติงาน

นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  ที่รัฐบาลฝ่ายขวาสุดโต่งซึ่งของอิตาลีเข้ารับตำแหน่งหลังจากได้ชัยชนะจากการลงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งกลุ่มชาตินิยมทั่วยุโรปต่างพึงพอใจ หากแต่ผู้วิจารณ์ต่างกังวลว่ารัฐบาลอิตาลีอาจเปิดทางให้รัสเซียบรรลุเจตนาที่จะขัดกับสหภาพยุโรป

Giorgia Meloni ให้คำสัตย์ในการเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอิตาลีเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่พรรค Brothers of Italy ของเธอชนะขาดในการเลือกตั้ง  [Euronews] [AP] [Europe Monthly October 2022]

คณะรัฐมนตรีของเธอนั้นจะประกอบไปด้วยรัฐมนตรี 24 ท่าน รวมไปถึงสมาชิกจากพรรครัฐบาลผสมอย่าง Forza Italia และ the League party ของ Matteo Salvini

Giorgia Meloni ได้เลือกนักการเมืองฝ่ายขวาสุดโต่งเช่น Matteo Salvini ผู้ซึ่งเคยเอ่ยคำชมแก่ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย ให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม อย่างไรก็ตาม Silvio Berlusconi ผู้เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและผู้น้ำพรรคขวากลางอย่าง Forza Italia ไม่ได้รับที่นั่งในคณะรัฐมนตรี

คำพูดของ Silvio Berlusconi ที่ทำให้เกิดการลุกฮือ

มีการถกเถียงเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลชุดใหม่กำลังเข้ารับตำแหน่ง จากคำพูดของ Silvio Berlusconi เกี่ยวกับสงครามในยูเครน [Reuters][Bloomberg] [AP]

ในเสียงบันทึกล่าสุดจากสำนักข่าว LaPresse เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ปฏิบัติการพิเศษ” ของระธานาธิบดีปูตินในยูเครนนั้นเดิมแล้วควรจะใช้เวลาเพียงสองสัปดาห์เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่ “ดีและสมเหตุสมผล”ในยูเครน [La Repubblica]

Giorgia Meloni  ให้คำมั่นว่ารัฐบาลอิตาลีจะให้การสนับสนุนแก่รัฐบาลยูเครน ท่ามกลางความกลัวที่ว่ารัฐบาลอิตาลีชุดนี้อาจทำลายความเนหนึ่งเดียวกันของชาติตะวันตกเพื่อต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซียในยูเครน เธอตอบโต้คำพูดของ Berlusconi โดยกล่าวว่า “อิตาลีที่ยืนหยัดคือส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรปและพันธมิตรแอตแลนติก (NATO)” และเธอยังย้ำว่า “ผู้ใดที่ไม่เห็นด้วยกับแก่นสำคัญนี้ก็ไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลได้ โดยเขาจะเสียรัฐบาลไป”[AP]

พรรค Forza Italia ออกมากล่าวเพื่อเป็นการตีตัวออกห่างจากความเห็นของ Berlusconi ว่า “จุดยืนของ พรรค Forza Italia และ Silvio Berlusconi ในเรื่องของความขัดแย้งในยูเครนและความรับผิดชอบของรัสเซียนั้นเป็นที่รู้กันอย่างทั่วถึงและเป็นไปตามจุดยืนของยุโรปและสหรัฐฯ” Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปได้แสดงความยินดีต่อ Giorgia Meloni ในการเข้ารับตำแน่งนายกรัฐมนตรีผ่านการทวีตข้อความว่า “ฉันมุ่งหวังและตั้งตารอการได้ร่วมมืออย่างสร้างสรรค์กับรัฐบาลชุดใหม่นี้ในความท้าทายที่เราต้องเผชิญไปด้วยกัน”

สหภาพยุโรปจะเปลี่ยนไปหรือไม่?

ความสำเร็จของ Giorgia Meloni ทำให้เกิดความกลัวว่ารัฐบาลอิตาลีอาจปลีกตัวออกไปจากรัฐบาลกลางแห่งสหภาพยุโรปและหันไปเข้าพวกเดียวกลับกลุ่มรัฐบาลชาตินิยมในโปแลนด์ และฮังการี ซึ่งเป็นเหล่าประเทศที่มีความขัดแย้งกับสหภาพยุโรปในเรื่องหลัก นิติธรรม Ursula von der Leyen ได้ออกมาเตือนตั้งแต่ก่อนมีการเลือกตั้งในอิตาลีว่าเหล่าผู้บริหารในสหภาพฯสามารถใช้ “เครื่องมือ”กับรัฐบาลอิตาลีได้หาก “ผลออกมาเป็นไปในแนวทางที่ลำบาก”

ประธานาธิบดีอนุรักษ์นิยมของโปแลนด์ แสดงความยินดีกับ Meloni ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง โดยกล่าวว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะมีความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างอิตาลีและโปแลนด์ เพราะทุกสิ่งที่ Georgia Meloni พูดนั้น ใกล้เคียงกับวิสัยทัศน์ ทัศนศาสตร์ วิธีการมองเห็นของข้าพเจ้า”

Duda แสดงความหวังว่า จากนี้ไป วอร์ซอและโรมจะ “ร่วมกันเปลี่ยนสหภาพยุโรปให้เป็นสิ่งที่เราต้องการให้เป็น” กล่าวคือ “สหภาพประเทศเสรีและรัฐที่เท่าเทียมกัน” ที่ร่วมมือกันแต่ “ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของกันและกัน เช่น ประเด็นทางศาสนา อุดมการณ์ และวัฒนธรรม” [Ansa] [NfP]

Viktor Orban นายกรัฐมนตรีฝ่ายขวาของฮังการีแสดงท่าทีเกี่ยวกับการแต่งตั้ง Meloni โดยทวีต tweeting ว่า “วันสำคัญเพื่อสิทธิยุโรป”  ในขณะที่ Marine Le Pen ผู้นำฝ่ายขวาสุดของฝรั่งเศสกล่าวว่า “ทั่วทั้งยุโรป ผู้รักชาติกำลังขึ้นสู่อำนาจและกับพวกเขา ชาติยุโรปนี้” [PBS]

(km/pk, transl. by ph, tj)

 

กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปตะวันตก

 
 

เบลเยียม: บรัสเซลส์เน้นย้ำเรียกร้องให้ยุติโทษประหารชีวิตทั่วโลก

รัฐมนตรีต่างประเทศเบลเยียม Hadja Lahbib เน้นย้ำถึงการเรียกร้องของประเทศให้ยุติโทษประหารชีวิตทั่วโลก เนื่องในโอกาสวันต่อต้านโทษประหารชีวิตแห่งยุโรปและโลกครั้งที่ 20 เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม [BrusselsTimes]

เบลเยียมพยายามยกเลิกโทษประหารชีวิตใน 55 ประเทศซึ่งยังคงถูกกฎหมาย Lahbib กล่าวในแถลงข่าว ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศยังระบุด้วยว่าจะทำงานร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนที่เกี่ยวข้องในด้านนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของภาคประชา สังคมในการสนับสนุนการขจัดโทษประหารชีวิตหากจำเป็น อนึ่งมีเพียง 18 ประเทศเท่านั้นที่ดำเนินการประหารชีวิตในปี 2564 [BrusselsTimes]

เบลเยียมจะใช้มาตรการต่างๆเพื่อยกเลิกโทษประหารชีวิตซึ่งรวมถึงการใช้มติใหม่ของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติและการออกเสียงลงคะแนนเพื่อใ ห้สัตยาบันพิธีสารฉบับที่สองของพันธสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง [BrusselsTimes]

(gt/gc, transl. by tj)

 

เยอรมนี: ทางการสอบสวนรายงานเกี่ยวกับตำรวจจีนผิดกฎหมายในนครแฟรงค์เฟิร์ต

ทางการในเยอรมนีกำลังสืบสวนว่าจีนมีสถานีตำรวจนอกอาณาเขตผิดกฎหมายในนครแฟรงก์เฟิร์ตหรือไม่ โฆษกกล่าวหนึ่งสัปดาห์ก่อนนายกรัฐมนตรี Olaf Scholz จะไปเยือนประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจนี้ ซึ่งเป็นที่โต้แย้งกันแล้ว Reuters reported ส่วนสถานทูตจีนไม่ตอบสนองโดยทันทีต่อคำร้องขอความคิดเห็นในเรื่องนี้

โฆษกกระทรวงมหาดไทยในรัฐเฮสส์ของเยอรมนีกล่าวว่า ตำรวจและหน่วยงานรักษาความมั่นคงภายในกำลังตรวจสอบรายงานของกลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวสเปน Safeguard Defenders ซึ่งกล่าวว่าจีนได้จัดตั้งสำนักงานตำรวจที่ไม่ได้ประกาศใน 30 ประเทศ รวมทั้งเยอรมนี Reuters reported.

ในการยืนยันรายงานก่อนหน้านี้ของสำนักข่าว Frankfurter Allgemeine โฆษกกล่าวว่าไม่มีข้อบ่งชี้ว่ามีสถานีดังกล่าวอยู่ในนครแฟรงค์เฟิร์ต Reuters reported.

(gc, transl. by tj)

 

เยอรมนี: Scholz ปกป้องแผนสนับสนุนพลังงานของเยอรมนีหลังการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้นำสหภาพยุโรปบางคน

นายกรัฐมนตรีเยอรมนี Olaf Scholz ปกป้องแผนสนับสนุนพลังงานของประเทศมูลค่า 2 แสนล้านยูโร หลังจากที่ผู้นำสหภาพยุโรปคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์แพ็คเกจนี้ท่ามกลางความกังวลว่าจะบิดเบือนการแข่งขันในยุโรป [AP] [Politico Europe] [DW]

Thierry Breton และ Paolo Gentiloni กรรมาธิการยุโรปของฝรั่งเศสและอิตาลี กล่าวว่าแพ็คเกจการสนับสนุนจะทำให้บริษัทเยอรมัน “ได้เปรียบอย่างไม่เป็นธรรม” และบิดเบือนการแข่งขันในกลุ่ม พวกเขาต้องการแนวทางร่วมกันในนโยบายระดับยุโรปเพื่อจัดการกับวิกฤตพลังงาน [Politico Europe]

การรุกรานยูเครนของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ทำให้เกิดการขาดแคลนพลังงานทั่วยุโรป รัฐบาลประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปกำลังดิ้นรนเพื่อปกป้องผู้บริโภคและอุตสาหกรรมจากผลกระทบของราคาที่สูงขึ้นและการขาดแคลนอุปทาน

เยอรมนีได้กำหนดราคาสำหรับผู้บริโภคก๊าซและจะจ่ายเงินให้บริษัทพลังงานในส่วนต่างระหว่างสิ่งที่พวกเขาต้องจ่ายในตลาดโลกและราคาสำหรับผ ู้บริโภค เยอรมนีเปิดตัวแพ็คเกจนี้หลังจากที่ได้โอน Uniper ผู้จัดหาก๊าซรายใหญ่ที่สุดของประเทศมาเป็นของรัฐด้วยเงินช่วยเหลือ 29 พันล้านยูโรในวันที่ 21 กันยายน [Europe Monthly October 2022]

Scholz กล่าวเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมว่า แพคเกจการสนับสนุนด้านพลังงานนี้ “สมเหตุสมผล” และประเทศอื่นๆ ก็กำลังดำเนินมาตรการคล้ายคลึงกัน ในขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของเยอรมนี Christian Lindner กล่าวว่า แพ็คเกจดังกล่าว “มีสัดส่วน” เมื่อเทียบกับ “ขนาดและความเปราะบาง” ของเศรษฐกิจเยอรมัน [DW] [ZDF]

คณะกรรมาธิการยุโรปซึ่งดูแลนโยบายต่อต้านการผูกขาดในสหภาพยุโรปกล่าวเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมว่าได้ติดต่อกับรัฐบาลเยอรมันเกี่ยวกับแผนพลังงานของเบอร์ลิน [Reuters] [DW]

(mb/gc, transl. by tj)

 

เยอรมนี: รัฐบาลประนีประนอมการลงทุนท่าเรือของจีนแม้จะมีการประท้วง

รัฐบาลเยอรมันบรรลุข้อตกลงประนีประนอมการลงทุนท่าเรือฮัมบูร์กของจีนเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม แม้จะมีการประท้วงจากพรรคร่วมรัฐบาลและกระทรวงต่างๆของรัฐบาล

การประนีประนอมยอมให้บริษัทขนส่งของจีน Cosco ซื้อหุ้น 24.9 เปอร์เซ็นต์ในท่าเรือฮัมบูร์ก โดย Cosco จะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียส่วนน้อยและไม่มีอำนาจตัดสินใจในการบริหารจัดการหรือยุทธศาสตร์[DW] [Reuters] [ZDF] [Politico Europe]

ภายใต้ข้อเสนอเดิม Cosco จะสามารถซื้อการลงทุน 35 เปอร์เซ็นต์และเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ [DW]

นายกรัฐมนตรีเยอรมนี Olaf Scholz และกระทรวงต่างๆ ที่นำโดยพรรคของเขา ซึ่งเป็นหุ้นส่วนพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดของพรรค Social Democrats (SPD) ได้สนับสนุนการตัดสินใจนี้ แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์จากอีกสองพรรคร่วมคือพรรค Greens และ Liberals (FDP) รวมถึงกระทรวงอื่นๆ ของรัฐบาล [Politico Europe]

การลงทุนของ Cosco “ขยายอิทธิพลเชิงยุทธ์ศาสตร์ของจีนอย่างไม่สมส่วนต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของเยอรมนีและยุโรป รวมถึงการพึ่งพาจีนของเยอรมนี” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุในบันทึกการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม [DW] [Reuters]

Marcel Fratzscher หัวหน้าสถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งเยอรมนี กล่าวว่า รัฐบาลเยอรมัน "กำลังทำผิดซ้ำ" ในการจัดลำดับความสำคัญ "ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจระยะสั้นเหนือความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงในระยะยาว" [DW]

นายกรัฐมนตรี Scholz กล่าวว่าข้อตกลงนี้ไม่ได้เกี่ยวกับ "การขายท่าเรือ" แต่ "เป็นเพียง" การถือหุ้นในอาคารผู้โดยสารแห่งเดียว และตามจุดยืนของผู้สนับสนุนการตัดสินใจดังกล่าว จะช่วยให้ฮัมบูร์กสามารถแข่งขันกับท่าเรือคู่แข่งที่สนใจการค้ากับจีนได้ [Reuters] [DW] [ZDF]

Cosco ของจีนเป็นเจ้าของหุ้นในท่าเรือ Rotterdam และ Antwerp ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปในเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม และควบคุมท่าเรือ Piraeus ในกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ [Politico Europe] [ZDF]

เยอรมนียังวางแผนที่จะอนุมัติการเข้าซื้อกิจการโดยจีนสำหรับการผลิตชิปของบริษัทที่ตั้งอยู่ในเมืองดอร์ทมุนด์ แต่หน่วยงานความมั่นคงของเยอรมนีให้ความเห็นว่าไม่ควรให้มีการเข้าซื้อกิจการดังกล่าว [Politico Europe] [Reuters]

(mb/gc, transl. by tj)

 

สวิตเซอร์แลนด์: สหประชาชาติชี้สวิตเซอร์แลนด์มีปัญหาระบบการเหยียดเชื้อชาติที่ร้ายแรง

สวิตเซอร์แลนด์มีปัญหาระบบการเหยียดเชื้อชาติที่ร้ายแรงต่อคนเชื้อสายแอฟริกัน ตามรายงานที่นำเสนอต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งมีตัวอย่างมากมาย ตั้งแต่ความรุนแรงของตำรวจไปจนถึงเกมสำหรับเด็ก [Euronews]

คณะทำงานของสหประชาชาติ ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความแพร่หลายของการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ และเน้นถึงเหตุการณ์ต่างๆ ภายหลังการเยือนประเทศในปีนี้ โดยได้เห็นมาตรการเชิงบวกที่ดำเนินการโดยสวิตเซอร์แลนด์ และกล่าวว่า “การแพร่หลายและการไม่ต้องรับโทษของการประพฤติผิดนี้บ่งชี้ว่ามีปัญหาระบบที่ร้ายแรง”  [Euronews]

(gc, transl. by tj)

 

สหราชอาณาจักร: รัฐบาลมีแผนจะกระชับกฎการเข้าเมือง

ผู้ที่ข้ามช่องแคบอังกฤษอย่างผิดกฎหมายควรเสียสิทธิ์ในการขอลี้ภัย รัฐมนตรีมหาดไทยของอังกฤษ Suella Braverman กล่าว ภายใต้นโยบายของรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรี Boris Johnson  ผู้คนที่ข้ามช่องแคบอังกฤษจะถูกเนรเทศไปยังรวันดาและดำเนินการเรื่องขอลี้ภัยที่นั่น นโยบายดังกล่าวล่าช้าหลังจากการแทรกแซงทางกฎหมายโดยศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป

ในการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมพรรค Conservative เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม Braverman มุ่งมั่นที่จะทำให้นโยบายของรวันดา “ได้ผล” Braverman ยังกล่าวอีกว่าเธอจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับฝรั่งเศสเพื่อจัดการกับปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่ข้ามช่องทางนี้ อนึ่ง องค์กรการกุศล Care4Calais เห็นว่าแผนของ Braverman นั้น “ป่าเถื่อน” เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่เดินทางมาถึงสหราชอาณาจักรคือ “ผู้ลี้ภัยที่แท้จริง” [Reuters] [BBC]

รัฐบาลอังกฤษกำลังพยายามบริหารจัดการจำนวนผู้ขอลี้ภัยข้ามช่องแคบที่เพิ่มขึ้น โดยในปีนี้ ผู้คนกว่า 30,000 คนได้ข้ามผ่านช่องแคบด้วยเรือเล็ก ซึ่งสูงมากกว่าสถิติของปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ของรัฐเตือนว่ายอดรวมจะสูงถึง 60,000 คนภายในสิ้นปี 2565 [Reuters] “เราต้องหยุดเรือข้ามช่องแคบ สิ่งนี้ได้ดำเนินมานานเกินไปแล้ว” Braverman กล่าว

(jv/gc, transl. by tj)

 

ลัตเวีย: พรรคฝ่ายกลางขวา New Unity ชนะการเลือกตั้งรัฐสภาในวันที่ 1 ตุลาคม

New Unity พรรคฝ่ายกลางขวาของลัตเวีย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี Krisjanis Karins ดำรงตำแหน่งเป็นประธาน ชนะการเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ด้วยคะแนนเสียง 19 เปอร์เซ็นต์

การเลือกตั้งรัฐสภาครั้งที่ 14 มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง 1,829 คนสำหรับ 100 ที่นั่ง โดย 59.4 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งได้มาใช้สิทธิ จากผลขั้นสุดท้าย รายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเลือกตั้งเจ็ดคนได้รับเลือกเข้าสู่รัฐสภา โดยผ่านเกณฑ์ 5 เปอร์เซ็นต์ [ERR] [LSM] [CVK] [LSM] [ERR]

พรรคฝ่ายกลางขวาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Union of Greens and Farmers (12 เปอร์เซ็นต์) พรรคอนุรักษ์นิยมทางสังคม United List (11 เปอร์เซ็นต์) พรรคอนุรักษ์นิยมแห่งชาติ National Alliance (9.3 เปอร์เซ็นต์)พรรคฝ่ายกลางและยูโรเซปติค For Stability (ร้อยละ 6.8) พรรคฝ่ายขวา Latvia First (6.2 เปอร์เซ็นต์) และพรรคสังคมประชาธิปไตย The Progressives (6.2 เปอร์เซ็นต์) ได้รับเลือกเข้าสู่รัฐสภา [ERR] [LSM] [CVK]

จากผลที่ออก พบว่า พรรค New Unity จะได้รับ 26 ที่นั่งในรัฐสภา ตามด้วยพรรค Union of Greens and Farmers 16 ที่นั่ง  พรรค United List 15 ที่นั่ง พรรค National Alliance 13 ที่นั่ง  พรรค Stability 11 ที่นั่ง พรรค Progressives 10 ที่นั่ง และ พรรค Latvia First 9 ที่นั่ง ตามลำดับ [ERR]

พรรคโปรรัสเซีย Latvian Russian Union ไม่ได้ผ่านเกณฑ์ 5 เปอร์เซ็นต์ โดยได้เพียง 3.7 เปอร์เซ็นต์ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าผลลัพธ์นี้บ่งชี้ว่าชนกลุ่มน้อยรัสเซียในลัตเวียส่วนใหญ่ไม่ประสงค์จะเกี่ยวข้องกับสงครามเชิงรุกของประธานาธิบดีร ัสเซีย Vladimir Putin ในยูเครนและนโยบายต่างประเทศ [LSM] [Euronews]

สองพรรค กล่าวคือพรรค Tautas Varas Speks และพรรคสังคมประชาธิปไตย Harmony ซึ่งแต่ละพรรคไม่ผ่านเกณฑ์ 5 เปอร์เซ็นต์ ได้รับ 1.13 เปอร์เซ็นต์ และ 4.81 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ ได้ท้าทายผลการเลือกตั้งในวันที่ 18 และ 19 ตุลาคม ตามลำดับ เนื่องจากมีการกล่าวหาว่ามีความผิดปกติระหว่างการเลือกตั้ง โดยขอให้มีการนับคะแนนใหม่

ทั้งสองพรรคยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกลางปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่คำตัดสินอย่างเป็นทางการยังค้างอยู่ [LSM] [BNN]

โดยที่ทั้งสองพรรคต่างไม่ได้รับเสียงข้างมาก จึงต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้น พรรค New Unity กำลังเจรจากับพรรค United List รวมถึงพรรค National Alliance และพรรค Progressives ในขณะที่ข้อตกลงอย่างเป็นทางการยังคงค้างอยู่ พรรค United List และพรรค National Alliance ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าไม่ต้องการจัดตั้งสัมพันธมิตรกับพรรค Progressives ซึ่งผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่าพรรค New Unity จะจัดตั้งสัมพันธมิตรกับพรรค United List และพรรค National Alliance เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้เสียงข้างมากในรัฐสภา [BNN] [FPRI]

(mo/gc, transl. by tj)

 

รัสเซีย: ธนาคารกลางคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 7.5 เปอร์เซ็นต์ เตือนถึงผลกระทบของการระดมพลต่อเงินเฟ้อ

ธนาคารกลางของรัสเซียคงอัตราดอกเบี้ยที่สำคัญไว้ที่ 7.5 เปอร์เซ็นต์ แต่เตือนว่าการคาดการณ์ได้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับราคาที่สูงขึ้นและการระดมพลบางส่วนของรัสเซียอาจกระตุ้นเงินเฟ้อในระยะยาวเนื่องจากจำนวนแ รงงานที่ลดลง [CBR]

ธนาคารกลางได้ปรับปรุงการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในช่วงปลายปี 2565 เป็น 12.0-13.0 เปอร์เซ็นต์จาก 11-13 เปอร์เซ็นต์ โดยคำนึงถึงการจัดทำดัชนีราคาสาธารณูปโภคที่คาดการณ์ล่วงหน้าท่ามกลางปัจจัยอื่นๆ “ธนาคารแห่งรัสเซียประเมินว่าการระดมพลบางส่วนจะยับยั้งความต้องการของผู้บริโภคและอัตราเงินเฟ้อในช่วงหลายเดือนข้างหน้า” ธนาคารกลางกล่าว [CBR]

ประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin สั่งให้มี "การระดมพลบางส่วน" สำหรับการรณรงค์ทางทหารในยูเครน ทหารหลายแสนคนถูกเรียกตัวเข้ากองทัพหรือหลบหนีไปต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน [Reuters]

Elvira Nabiullinashat ผู้ว่าการธนาคารกลางกล่าวว่า “ผลกระทบจากเงินเฟ้ออาจปรากฏขึ้นผ่านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของตลาดแรงงาน การขาดแคลนบุคลากรในบางพื้นที่” [Reuters]

“ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะประเมินผลทางเศรษฐกิจทั้งหมดที่จะตามมาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจ้างงาน” Nabiullinashat กล่าว

ธนาคารกลางคาดการณ์ว่าจีดีพีจะหดตัว 3.0-3.5 เปอร์เซ็นต์ในปี 2565 อัตราการเติบโตของจีดีพีจะยังคงติดลบที่ 4.0-1.0 เปอร์เซ็นต์ ธนาคารกลางคาดว่าเศรษฐกิจรัสเซียจะเริ่มเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 [CBR]

ในปี 2567-2568 จีดีพีจะเติบโต 1.5–2.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ตามข้อมูลของธนาคารกลาง

(gc, transl. by tj)

 

รัสเซีย: ฝ่ายนิติบัญญัติเคลื่อนไหวเพื่อจำกัดความพยายามในการส่งเสริมสิทธิของ LGBTQ

ฝ่ายนิติบัญญัติของรัสเซียให้การอนุมัติเบื้องต้นต่อร่างกฎหมายที่จะกำหนดข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสิทธิของ LGBTQ ในประเทศ [FoxNews]

กฎหมายรัสเซียปี 2556 ห้ามสิ่งที่ทางการมองว่าเป็น "การโฆษณาชวนเชื่อเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม" ต่อเด็ก มีการใช้กฎหมายเพื่อยับยั้งการโต้วาทีในบริบทสาธารณะและเพื่อป้องกันการสาธิตหรือการชุมนุมในที่สาธารณะที่มีเนื้อหาที่สนับสนุน LGBTQ ที่เด็กอาจมองเห็นหรือได้ยินได้

ตามรายงานของสำนักข่าว Moscow Times การห้ามในปี 2556 อนุญาตให้มีโทษปรับสูงถึง 17,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือจำคุกสูงสุด 15 วันสำหรับการละเมิด ในเดือนธันวาคม ศาลรัสเซียได้ปรับ Meta Platforms เป็นเงิน 177,000 ดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้กฎหมายปี 2556 เนื่องจากไม่สามารถลบโพสต์ที่มีสิ่งที่ศาลถือว่าเป็น "การโฆษณาชวนเชื่อของ LGBTQ” [Deadline]

ร่างกฎหมายใหม่นี้เพิ่มข้อจำกัดและขยายการห้ามการนำเสนอให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ ถือว่าผิดกฎหมายการโฆษณา สื่อและแหล่งข้อมูลออนไลน์ หนังสือ ภาพยนตร์ และการผลิตละครที่เข้าข่ายการโฆษณาชวนเชื่อดังกล่าว การละเมิดมีโทษปรับ และหากกระทำโดยผู้ที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ อาจนำไปสู่การถูกขับไล่ออกจากรัสเซีย [FoxNews]

องค์การสหประชาชาติกล่าวว่า มีความ "กังวลอย่างยิ่ง" ต่อการตัดสินใจที่จะทำให้กฎหมาย "โฆษณาชวนเชื่อ LGBTQ" ปี 2556 เข้มงวดมากขึ้น และกระตุ้นให้ยกเลิกกฎหมายดังกล่าว นักรณรงค์เพื่อสิทธิ ซึ่งประณามกฎหมายปี 2556 กล่าวว่า การแก้ไขใหม่นี้หมายความว่า การกล่าวถึงคู่รักเพศเดียวกันในที่สาธารณะใดๆ จะถูกลงโทษทางอาญา [NDVT]

ข้อเสนอ “ขยายขอบเขตการห้ามอภิปรายและแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และคนข้ามเพศและสิทธิมนุษยชนของพวกเขา” Ravina Shamdasani โฆษกสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวที่นครเจนีวา Volker Turk ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติคนใหม่มี "ความกังวลอย่างยิ่ง" ต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว "ซึ่งละเมิดบรรทัดฐานและมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น" เธอกล่าว

(gc, transl. by tj)

 

กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้

 
 

แอลเบเนีย: รัฐบาลปิดกั้นการเข้าถึงสาธารณะเอกสารยุคคอมมิวนิสต์

สมาชิกรัฐสภาแอลเบเนียจากพรรค Socialist ที่ปกครองประเทศ ได้ออกกฎหมายที่จำกัดความสามารถของอดีตตำรวจลับในยุคคอมมิวนิสต์ในการลงสมัครรับตำแหน่งแต่ขัดขวางการเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้าน Democratic ที่พยายามทำให้เอกสารลับตำรวจถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ [Balkan Insight]

พรรค Democratic เรียกการเคลื่อนไหวนี้ว่า “ยุทธ์ศาสตร์ในการกำหนดเป้าหมาย”  Ilir Meta อดีตประธานาธิบดีและผู้นำคนปัจจุบันของพรรคฝ่ายค้าน Freedom ซึ่งเคยถูกกล่าวหาว่าร่วมมือกับตำรวจลับในยุคทศวรรษ 90

เนื่องจากข้อกล่าวหาที่มีต่อ Meta ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ พรรค Socialist ที่ปกครองประเทศ ซึ่ง Meta เคยเป็นส่วนหนึ่งด้วย ได้แสดงเจตนาที่จะเปลี่ยนขั้นตอนการตรวจสอบภูมิหลังของนักการเมือง แต่พวกเขายังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังการปิดกั้นการจัดจำแนกเอกสารลับของตำรวจ [Euractiv]

(hi/gc, transl. by tj)

 

กรีซ: การพิจารณาคดีอดีตพรรค Neo-Nazi กลับมาอีกครั้ง

ศาลอุทธรณ์ของกรีซกลับมาพิจารณาคดีองค์กรอาชญากรรมและอดีตพรรคฝ่ายขวาจัด Golden Dawn  หลังจากระงับการพิจารณาคดีเป็นเวลาสองเดือน [Proto Thema]

Golden Dawn เป็นพรรคที่ได้รับความนิยมสูงสุดอันดับสามของกรีซในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่หลังจากล้มเหลวในการเข้ารัฐสภาในปี 2562 ได้ถูกตัดสินให้เป็นองค์กรอาชญากรรมหลังจากการพิจารณาคดีนานห้าปีสิ้นสุดลงในปี 2563

ผู้นำขององค์กร รวมทั้งสมาชิกรัฐสภายุโรป Yiannis Lagos ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานบริหารองค์กรอาชญากรรม และต้องรับผิดชอบในการลอบสังหาร Pavlos Fyssas นักร้องแร็ปเปอร์ที่ต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์ การฆาตกรรมและอาชญากรรมที่สร้างความเกลียดชังต่อผู้ลี้ภัยและชนกลุ่มน้อย และการครอบครองอาวุธโดยผิดกฎหมาย

มีการพบว่าการลอบสังหารและการโจมตีได้รับคำสั่งโดยตรงจากผู้นำขององค์กรหรือเปิดใช้งานผ่าน "หน่วยจู่โจม" ที่พวกเขาช่วยฝึก ได้รับการขนานนามว่าเป็น “การพิจารณาคดีฟาสซิสต์ที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การพิจารณาคดีที่นูเรมเบิร์ก” [The Guardian]

ผู้นำขององค์กรที่ถูกคุมขังกำลังพยายามที่จะล้มล้างการตัดสินใจนี้ แม้ว่าการพิจารณาคดีจะยืดเยื้ออันเป็นผลมาจากการประท้วงต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์ในกรุงเอเธนส์ รอบคำให้การของพยานเริ่มต้นด้วย Magda Fyssa มรรดาของ Pavlos Fyssas ซึ่งเป็นหัวหอกในการรณรงค์ต่อต้านลัทธินีโอนาซีในกรีซและมีบทบาทสำคัญในการพิจารณาคดีครั้งแรก [Euronews]

ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นหลังจาก Konstantinos Plevris ทนายฝ่ายจำเลยของ Lagos ถูกกล่าวหาว่าทำความเคารพแบบนาซีในห้องพิจารณาคดีระหว่างคำให้การของ Magda Fyssa ต่อหน้าผู้พิพากษา เขาทำเช่นนั้นเพื่อตอบสนองต่อ Fyssa ที่ตั้งคำถามกับข้ออ้างของฝ่ายจำเลยที่ว่า "นี่เป็นการพิจารณาคดีทางการเมือง" [Euronews]

Dimitris Psarras นักเขียนฝ่ายซ้ายและพยานฝ่ายโจทก์คนสำคัญระหว่างการพิจารณาคดีระดับแรก ซึ่งการสืบสวนเรื่อง Golden Dawn ช่วยให้ศาลตัดสินใจได้ กล่าวว่า "มีโอกาสน้อยมาก" ที่คำพิพากษาอาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่ออุทธรณ์ เขาอ้างถึงหลักฐานมากมายที่รวบรวมไว้สำหรับการพิจารณาคดีครั้งแรก รวมถึงการตัดสินที่มีรายละเอียด 12,700 หน้า ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาเชื่อว่าคดีจะไม่พลิกกลับ [The Guardian] การสอบสวนเรื่อง Plevris เริ่มต้นขึ้นภายใต้กฎหมายต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติของกรีซ [Balkan Insight]

(hi/gc, transl. by tj)

 

มาซิโดเนียเหนือ: ฝ่ายค้านยื่นกฎหมายเพื่อสั่งห้ามองค์กรฟาสซิสต์

พรรคฝ่ายค้านมาซิโดเนียเหนือ VMRO DPMNE จะยื่นกฎหมายที่เสนอการสั่งห้ามไม่ให้มีการจัดตั้งสมาคมต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับระบอบฟาสซิสต์ [Nova Makedonija]

การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการประท้วงที่มีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมากในเมืองออคริตของมาซิโดเนียเหนือ ภายหลังการเปิดชมรมบัลแกเรียที่ชื่อ “Tsar Boris the Third” ซึ่งตั้งชื่อตามผู้สมรู้ร่วมคิดคนหนึ่งของพวกนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พลเมืองหลายร้อยคนทำการประท้วงที่ย่านใจกลางเมืองออคริต โดยประณามลัทธินีโอฟาสซิสต์ในประเทศนี้ [Nova Makedonija]

(hi/gc, transl. by vv)

                                            

เซอร์เบีย: รัฐบาลใหม่ไม่มีรายชื่อนักการเมืองหลายคนที่สนับสนุนรัสเซีย

รัฐบาลเซอร์เบียเห็นชอบต่อการแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ 25 คนเพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งไม่มีรายชื่อของหลายคนที่แสดงความคิดเห็นสนับสนุนรัสเซีย รัฐบาลนี้จะยังคงนำโดยนายกรัฐมนตรี Ana Brnabic แต่อดีตเจ้าหน้าที่คนสำคัญไม่ถูกรวมอยู่ด้วย [N1]

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย Aleksandar Vulin และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีและนวัตกรรม Nenad Popovic ซึ่งสื่อท้องถิ่นมองว่าทั้งสองคนเป็นพวกสนับสนุนรัสเซียก็ไม่อยู่ในรายชื่อด้วย สื่อท้องถิ่นได้เรียกสิ่งนี้ว่าเป็น “การยินยอมต่อตะวันตก” [Balkan Insight]           

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน Zorana Mihaijlovic ไม่ถูกรวมอยู่ในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เช่นกัน แม้ก่อนหน้านี้เธอจะพยายามกระจายความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานพลังงาน (to diversify energy supply chain) ของเซอร์เบียและลดการพึ่งพาก๊าซของรัสเซีย สื่อท้องถิ่นกล่าวว่านี่อาจเป็นเพราะประธานาธิบดี Aleksandar Vucic ยอมอ่อนข้อให้กับ “ฝ่ายอนุรักษ์นิยมของ [รัฐบาล] ที่ซึ่งเธอไม่เป็นที่นิยม”

เซอร์เบียได้เผชิญแรงกดดันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากสหภาพยุโรปและตะวันตกให้ลดความสัมพันธ์กับรัสเซียและปรับนโยบายให้สอดคล้องกับนโยบายของพวก เขา การที่เซอร์เบียไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อาจส่งผลกระทบต่อการเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาในสหภาพยุโรป ซึ่งเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรปหลายคนได้ตั้งข้อสงสัยไว้แล้ว

(hi/gc, transl. by vv)

 

เซอร์เบีย: บรรดาพรรคฝ่ายขวาจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรที่สนับสนุนกระบวนการรวมชาติกับคอซอวอ

พรรคฝ่ายขวาทั้งหมดในรัฐสภาเซอร์เบียได้ประกาศว่าจะรวมกำลังกันภายใต้กลุ่มพันธมิตรเพื่อร่วมมือกันเป็นรายประเด็น (issue-based coalition) ซึ่งจะสนับสนุนท่าทีที่แข็งกร้าวยิ่งขึ้นต่อคอซอวอและการรวมชาติ

หัวหน้าพรรคฝ่ายขวา Dveri ซึ่งพูดในนามของกลุ่มพันธมิตร กล่าวว่ากลุ่มจะจำกัดเฉพาะประเด็นของคอซอวอเท่านั้น และไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการจัดตั้งกลุ่มที่กว้างมากขึ้นภายในรัฐสภา แต่เขาไม่ได้ขัดขวางความเป็นไปได้ที่จะมีความร่วมมือเพิ่มเติมในประเด็นอื่นๆ ในอนาคต [Balkan Insight] เขายังกล่าวหารัฐบาลด้วยว่ามีท่าทีที่เอื้อต่อประเด็นนี้ที่จะ “ไม่สร้างความขุ่นเคืองต่อพันธมิตรตะวันตก” [N1]

(hi/gc, transl. by vv)

 

เซอร์เบีย: องค์กรสตรีนิยมประท้วงหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ที่สัมภาษณ์นักข่มขืนต่อเนื่อง

องค์กรสิทธิพลเมืองหลายแห่งได้ทำการประท้วงหน้าสำนักงานใหญ่ของหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ซึ่งเป็น “ผู้แจ้งข่าว” ที่สนับสนุนระบอบการปกครองของรัฐบาล หลังจากที่หนังสือพิมพ์นี้ได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ผู้กระทำความผิดทางเพศที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด (convicted sex offender) บรรดาโฆษกขององค์กรนอกภาครัฐ (NGO) ประณามการสัมภาษณ์นั้นและกล่าวว่า “นักข่มขืนต่อเนื่องไม่ควรได้รับพื้นที่ใดๆในสื่อ” [N1]

ผู้ประท้วงรายงานว่าได้รับการข่มขู่คุกคามนับตั้งแต่เริ่มการรณรงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านโซเชียลมีเดียและแอปรับส่งข้อความส่วนตัว Jelena Riznic ซึ่งเป็นสมาชิกองค์กรนอกภาครัฐสตรีนิยม (Feminist NGO) ที่ชื่อ “Women’s Solidarity” ให้กำลังใจแก่สตรีเซอร์เบียว่าไม่ต้องกลัว โดยกล่าวว่า “พวกเธอจะไม่ยอมแพ้” [N1]

(hi/gc, transl. by vv)

 

ตุรกี: Erdogan ให้คำมั่นว่าจะมีรัฐธรรมนูญใหม่ภายในปี 2023

ประธานาธิบดีตุรกี Recep Tayyip Erdogan ให้คำมั่นในเดือนตุลาคมว่าจะมีการใช้รัฐธรรมนูญใหม่ในปี 2023 เมื่อประเทศฉลองครบรอบ 100 ปีนับตั้งแต่การก่อตั้งสาธารณรัฐนี้โดย Kemal Ataturk รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะรับประกันสิทธิและเสรีภาพของพลเมือง [Yahoo][UNI]

Erdogan กล่าวว่าตุรกีจำเป็นต้องเปลี่ยนรัฐธรรมนูญที่มีอายุ 40 ปีเพราะไม่เหมาะกับประเทศนี้อีกต่อไป Erdogan กล่าวว่ารัฐบาลของเขาจะเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะปกป้องสิทธิของสตรีที่ต้องการสวมผ้าคลุมศีรษะแบบอิสลามและปกป้องค่านิยมของครอ บครัวจากสิ่งที่เขาเรียกว่า “ภัยคุกคามจากแนวโน้มที่วิปริต (threat of perverted currents)” ตุรกีได้หารือเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจควบคุมและจำกัดสิทธิของ LGBTQ และกีดกันความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน [Yahoo][UNI]

คำปราศรัยของเขาถูกมองว่าเป็นแถลงการณ์เพื่อรณรงค์หาเสียง (campaign manifesto) เนื่องจากประเทศนี้กำลังมุ่งสู่การเลือกตั้งรัฐสภาและการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนมิถุนายน [AA]

รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้รับการแก้ไขในปี 2017 หลังจากการลงประชามติที่ให้อำนาจบริหารอย่างมหาศาลแก่ Erdogan เมื่อสังเกตว่ารัฐธรรมนูญของตุรกีถูกร่างขึ้นหลังจากการรัฐประหารในปี 1980 Erdogan จึงได้ให้สัญญาว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับ “หลักนิติธรรม พหุนิยม ความยุติธรรม และความเสมอภาค” [Yahoo][UNI]

วิสัยทัศน์ของ Erdogan สำหรับตุรกีนั้นรวมถึงการทำให้ประเทศนี้เป็นหนึ่งใน 10 ประเทศชั้นนำของโลกในด้าน “การเมือง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี การทหาร และการทูต” และลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ

(gc, transl. by vv)

 

กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปใต้

 
 

อิตาลีลงมติยอมรับแผนว่าด้วยสิทธิของพวก LGBT ก่อนรัฐบาลฝ่ายขวาจะเข้ารับตำแหน่ง                                                                                       

รัฐบาลที่กำลังจะหมดวาระของอิตาลีซึ่งนำโดยนายกรัฐมนตรี Mario Draghi ได้อนุมัติแผนใหม่เพื่อสิทธิของพวก LGBT เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ซึ่งเป็นเวลาไม่นานก่อนที่คณะรัฐบาลชุดใหม่ฝ่ายขวาสุดโต่ง (hard-right) ที่นำโดย Giorgia Meloni และพรรค Brothers of Italy ของเธอจะเข้ารับตำแหน่ง

Meloni ซึ่งได้รับชัยชนะอย่างขาดลอยในการเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อวันที่ 25 กันยายน ได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่าเธอไม่ได้วางแผนที่จะยกเลิกสิทธิของพวก LGBT ที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม พรรคของเธอให้คำมั่นในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งว่าจะต่อต้าน “กลุ่มคนผู้รณรงค์หาเสียงสนับสนุนเกี่ยวกับสิทธิของ LGBT (LGBT lobbies)” และจะสนับสนุน “โครงสร้างครอบครัวแบบดั้งเดิม” [Reuters]

แผนของรัฐบาลที่กำลังจะหมดวาระซึ่งเรียกว่า “ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยเรื่อง LGBTQ+ ปี 2022-2025” เสนอให้มีการจัดหลักสูตรการตระหนักรู้เกี่ยวกับ LGBT ในสถานที่ทำงาน, การฝึกอบรมเพื่อต่อต้านการเลือกปฏิบัติสำหรับตำรวจและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงสาธารณะ และการลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตรสำหรับพ่อแม่ที่เป็นเพศเดียวกัน นอกเหนือจากมาตรการต่างๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงเป็นการเฉพาะ [Italy Fundamental Rights Report 2022]

ในการตอบสนองต่อการดำเนินการดังกล่าว วุฒิสมาชิก Isabella Rauti ซึ่งเป็นโฆษกสตรีด้านโอกาสที่เท่าเทียมกัน (equal opportunities) ของพรรค Brothers of Italy กล่าวว่า “ฉันคิดว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่รัฐบาลที่กำลังจะหมดวาระนำเสนอยุทธศาสตร์ชาติที่มีระยะเวลาหลายปีในช่วงก่อนการมีผู้บริหารคนใหม่และรัฐ สภาใหม่” [Reuters] [La Repubblica] [สำหรับบทสรุปเต็มของการเลือกตั้งรัฐสภาอิตาลีในเดือนกันยายน โปรดดูรายงานของเราใน October 2022 Europe Monthly]

(km/pk, transl. by vv)

 

สเปนเริ่มการอภิปรายในรัฐสภาเรื่องงบประมาณปี 2023 เพื่อต่อต้านลัทธิอิงสามัญชน

รัฐบาลที่นำโดยพรรคสังคมนิยมของสเปนได้เริ่มการเจรจาเรื่องงบประมาณปี 2023 ซึ่งกำหนดให้รวมรายจ่ายสาธารณะที่กระทำอย่างเต็มที่และเด่นชัด (strong social spending) ในท่ามกลางความหวั่นกลัวว่าความกังวลต่อเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อจะสามารถกระตุ้นให้เกิดลัทธิอิงสามัญชน (populism) ได้

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม คณะรัฐมนตรีของสเปนได้อนุมัติร่างงบประมาณที่รวมถึงการใช้จ่ายด้านการทหารและสังคมที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการขยายโครงการตั๋วรถไฟฟรีจนถึงปี 2023 [Reuters 1]

ร่างงบประมาณซึ่งออกมาก่อนการเลือกตั้งระดับภูมิภาคและระดับชาติของประเทศที่จะมีขึ้นในปีหน้า ยังรวมถึงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานสีเขียวที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโค วิด 19 (pandemic recovery funds) ของสหภาพยุโรป ตลอดจนมาตรการอื่นๆ เพื่อลดหรือขจัดผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อที่สูงและต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Maria Montero ของสเปนกล่าวว่า “การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน (public accounts) เป็นยาแก้พิษที่สำคัญต่อความตึงเครียดทางเศรษฐกิจที่สงครามนี้ [ในยูเครน] กำลังก่อให้เกิดขึ้น, เป็นยาแก้พิษต่อความยากจน, ความไม่เท่าเทียมกัน และดังนั้นจึง (เป็นยาแก้พิษ) ต่อความสิ้นหวังซึ่งเป็นสิ่งที่สนับสนุนการเกิดและพัฒนาของลัทธิอิงสามัญชนหรือประชานิยม”

Montero ส่งร่างงบประมาณปี 2023 ให้กับสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมเพื่อเริ่มการเจรจา [La Moncloa]

รัฐบาลผสมของสเปนซึ่งนำโดยพรรคแรงงานสังคมนิยมสเปน (PSOE) และรวมถึงพรรคฝ่ายซ้ายจัด Unidas Podemos นั้นขาดเสียงข้างมากในรัฐสภา และชะตากรรมของงบประมาณส่วนหนึ่งจึงขึ้นอยู่กับการสนับสนุนจากกลุ่มชาตินิยมระดับภูมิภาค

ร่างงบประมาณดังกล่าวไม่มีมาตรการเฉพาะเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจของสงครามในยูเครน ซึ่งจะทำการตัดสินใจแยกต่างหากภายในสิ้นปีนี้ และได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก “ภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บในความพยายามที่จะจัดหาเงินทุนให้แก่การรวมหรือการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่โครงการต่างๆ (solidarity tax)” ใหม่ซึ่งจัดเก็บจากผู้ที่มั่งคั่งที่สุดในประเทศ [Reuters 2]

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม รัฐบาลสเปนได้อนุมัติแผนมูลค่า 3 พันล้านยูโร ที่มีเป้าหมายเฉพาะเพื่อต่อสู้กับราคาก๊าซและไฟฟ้าที่สูง

ภายใต้มาตรการนี้ รัฐบาลจะเสริมความแกร่งให้แก่กลไกหนึ่งที่ช่วยให้ผู้คนที่ประสบกับปัญหาทางการเงินเป็นเวลานานให้สามารถชำระบิลล์ค่าพลังงานที่ค้างชำระ ได้ [Euronews] นายกรัฐมนตรี Pedro Sanchez กล่าวว่าแผนดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อครัวเรือนชาวสเปนถึงร้อยละ 40 [Associated Press] [El Pais]

สเปนยังได้อนุมัติแผนการขยายมาตรการควบคุมการเพิ่มขึ้นของราคาก๊าซสำหรับทุกครัวเรือนและธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลางไปจนถึงสิ้นปี 2023 [Reuters]

(km/pk, transl. by vv)

 

กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปกลาง

 

ออสเตรีย: ประธานาธิบดีได้รับเลือกอีกครั้งด้วยชัยชนะแบบขาดลอย

ประธานาธิบดี Alexander Van der Bellen แห่งออสเตรีย ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสมัยที่ 2 ที่จะดำรงตำแหน่งนี้ต่อไปเป็นเวลาอีก 6 ปี หลังจากได้รับคะแนนประมาณร้อยละ 56 ในการเลือกตั้งรอบแรก โดยไม่จำเป็นต้องทำการลงคะแนนโดยใช้บัตรในรอบตัดเชือก (run-off ballot) อีก

การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีของออสเตรียจัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม โดยมีผลลัพธ์อย่างเป็นทางการที่เผยแพร่โดยกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม [Die Presse]

Van der Belle ซึ่งเป็นอดีตผู้นำคนหนึ่งของพรรค Greens นั้นเป็นนักการเมืองอิสระที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด สโลแกนการหาเสียงของเขาคือ “ทางเลือกที่ปลอดภัยในช่วงเวลาแห่งความสับสนวุ่นวาย (The safe choice in stormy times.)” [Kurier] [Der Standard]

มีผู้เข้าแข่งขันอีก 6 คนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ โดยฝ่ายขวา Walter Rosenkranz มาเป็นอันดับสองหลังจากได้รับคะแนนเสียงประมาณร้อยละ 18 ผู้สมัครคนอื่นๆ ทั้งหมดได้คะแนนน้อยกว่าร้อยละ 10 [Euractiv]

Julia Partheymueller นักวิเคราะห์การเมืองที่มหาวิทยาลัยเวียนนากล่าวกับสำนักข่าว Agence France-Presse ว่า “Van der Bellen เป็นตัวแทนแห่งความซื่อสัตย์และความมั่นคง ซึ่งได้รับการชื่นชมอย่างมากจากผู้ออกเสียงลงคะแนนเมื่อคำนึงถึงวิกฤตการณ์มากมายที่หลายประเทศในยุโรปกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้” [France 24]                                 

ประธานาธิบดีออสเตรียมีบทบาทในด้านพิธีการเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีอำนาจที่สำคัญมากมายที่เขาสามารถใช้ได้ในช่วงเวลาวิกฤติทางการเมือง เขามีอำนาจในการขับไล่รัฐบาลและปลดนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง และเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพ [Euronews]

(vs/pk, transl. by vv)

 

สาธารณรัฐเช็ก: สภาล่างรับรอง ‘กฎหมายแมกนิตสกี’

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม สภาผู้แทนราษฎรแห่งสาธารณรัฐเช็กได้รับรองและอนุมัติสิ่งที่เรียกว่า “กฎหมายแมกนิตสกี” (Magnitsky Act) ซึ่งอนุญาตให้รัฐบาลกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อหน่วยงานต่างประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน, สนับสนุนการก่อการร้าย หรือก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ (cybercrimes) ได้ [Euractiv]

ภายใต้มาตรการดังกล่าวที่จำลองจากและตั้งชื่อตามกฎหมายแมกนิตสกีของสหรัฐอเมริกานั้น รัฐบาลเช็กจะสามารถเริ่มปฏิบัติการต่อหน่วยงานต่างประเทศดังกล่าวได้ ซึ่งรวมถึงการแช่แข็งสินทรัพย์ของพวกเขา โดยกระทำตามข้อเสนอของกระทรวงการต่างประเทศ [Seznam Spravy]

“นี่จะทำให้สาธารณรัฐเช็กเป็นประเทศแรกในยุโรปกลางที่มีเครื่องมือในการคว่ำบาตรต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง” รัฐมนตรีต่างประเทศ Jan Lipavsky แห่งสาธารณรัฐเช็กกล่าว [Prague Morning]

รัฐบาลได้วางแผนที่จะนำกฎหมายแมกนิตสกีมาใช้ภายในสิ้นปีหน้า แต่การดำเนินการดังกล่าวได้ถูกเร่งให้เร็วขึ้นเนื่องจากการที่รัสเซียรุกรานยูเครน ตอนนี้มาตรการนี้ต้องได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภาสาธารณรัฐเช็กซึ่งเป็นสภาสูงของรัฐสภา

กฎหมายดังกล่าวตั้งชื่อตาม Sergei Magnitsky ซึ่งเป็นทนายความด้านภาษีอากรชาวรัสเซียที่เกิดในยูเครน เขาเสียชีวิตในเรือนจำมอสโกในปี 2009 หลังจากการกล่าวหาว่าเขาถูกกระทำทารุณ เขาถูกจับกุมและถูกตั้งข้อหาในปี 2008 หลังจากการสอบสวนสิ่งที่เขาอ้างว่าเป็นการฉ้อโกงภาษีขนาดใหญ่ (large-scale tax fraud) ซึ่งเกี่ยวข้องกับตำรวจและเจ้าหน้าที่ศาลรัสเซีย [Expats]

(vs/pk, transl. by vv)

 

สาธารณรัฐเช็ก: ผู้ประท้วงเรียกร้องให้มีรัฐบาลใหม่และให้ทำข้อตกลงเรื่องก๊าซกับรัสเซีย

บรรดาผู้ประท้วงหลายพันคนที่ไม่พอใจอย่างมากในเรื่องค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นพากันไปยังถนนสายต่างๆ ในกรุงปรากเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม โดยเรียกร้องให้รัฐบาลเช็กที่เป็นฝ่ายกลาง-ขวาลาออกจากตำแหน่ง และเรียกร้องให้ซื้อก๊าซจากมอสโกเพื่อต่อต้านมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป [Reuters/U.S.News] [Radio Prague International]

ผู้ประท้วงซึ่งหลายคนมาจากกลุ่มเคลื่อนไหวฝ่ายขวาจัด, คอมมิวนิสต์ และกลุ่มเคลื่อนไหวย่อย (fringe movement) พากันตะโกนว่า “ลาออก!” ที่จัตุรัสหลักของเมืองหลวงแห่งสาธารณรัฐเช็ก เมื่อพวกเขาแสดงความไม่พอใจต่อราคาน้ำมันและสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูง

การชุมนุมที่เกิดขึ้นในวันประกาศอิสรภาพของเช็กนั้นจัดขึ้นโดยกลุ่มชาตินิยม Czech Republic First! ซึ่งต้องการให้ประเทศออกจากองค์การนาโต และนำท่าทีของความเป็นกลางทางการทหาร (stance of military neutrality) มาใช้ [PragueMorning] [CT24]

Ladislav Vrabel ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการประท้วงกล่าวว่า “นี่คือการฟื้นฟูชาติครั้งใหม่ และเป้าหมายก็คือการทำให้สาธารณรัฐเช็กเป็นอิสระ”

อดีตนายกรัฐมนตรี Jiri Paroubek กล่าวในเหตุการณ์ชุมนุมครั้งนี้ โดยบอกกับฝูงชนว่า “ผมกลัวว่าเราจะเพียงแต่อยู่ตรงจุดเริ่มต้นของเหตุวิกฤติครั้งใหญ่เท่านั้น เราทุกคนสามารถกลัวได้อย่างแท้จริงว่า (เรา) จะไม่มีก๊าซ (ใช้) ผมกลัวว่าเนื่องจากนโยบายพลังงานที่เสี่ยงอันตรายของรัฐบาล [สาธารณรัฐเช็ก] และบรัสเซลส์นั้น บริษัทเช็กหลายร้อยแห่งจะล้มละลาย และไม่ช้าก็เร็ว ผู้คนหลายแสนก็จะมาปรากฏตัวบนทางเท้านี้” [Domaci]

รัฐบาลฝ่ายกลาง-ขวาในกรุงปรากได้สนับสนุนให้เคียฟต่อสู้กับรัสเซีย โดยส่งกำลังบำรุงทางทหาร เช่น รถถังและปืนใหญ่ไปให้กองทัพยูเครน

นายกรัฐมนตรี Petr Fiala ตอบโต้การประท้วงโดยกล่าวว่า “เราสนับสนุนอย่างกระตือรือร้นยิ่งในการต่อสู้ที่ชอบธรรมของชาวยูเครนเพื่อต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย” เขาบอกว่าเขาไม่มีเจตนาที่จะลงจากตำแหน่ง แต่กล่าวเสริมว่าเขาเคารพสิทธิ์ของผู้ประท้วงในการเดินขบวนเพื่อแสดงออก

(cg/pk, transl. by vv)

 

สโลวาเกียจะไม่ออกวีซ่ามนุษยธรรมให้แก่ชาวรัสเซียที่หลบหนีการระดมพล

สโลวาเกียจะไม่ออกวีซ่ามนุษยธรรมให้แก่พลเมืองรัสเซียที่กำลังหนี “การระดมกำลังบางส่วน” ของทหารกองหนุนในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา หรือการข่มเหงหรือถูกจับลงโทษโดยระบอบการปกครองของประธานาธิบดี Vladimir Putin [Sme]

อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศในกรุงบราติสลาวากล่าวว่า “วีซ่ามนุษยธรรมไม่ได้ถูกกำหนดไว้อย่างแน่นอน (เรา) สามารถออกวีซ่าให้ได้เพื่อประโยชน์ด้านมนุษยธรรม และตอนนี้สโลวาเกียก็ทำการประเมินแต่ละกรณีแยกกัน” [The Slovak Spectator]

ทางการสโลวาเกียอนุมัติให้เฉพาะวีซ่านักท่องเที่ยวสำหรับชาวรัสเซียที่มาเยี่ยมญาติที่อาศัยอยู่ในสโลวาเกียหรือกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิ ทยาลัยสโลวาเกีย ในขณะเดียวกัน นักกีฬาชาวรัสเซียสามารถขอวีซ่าเพื่อเข้าร่วมในการแข่งขันต่างๆ ได้

ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปมีความเห็นไม่ตรงกันในประเด็นเรื่องวีซ่า นโยบายของสโลวาเกียเป็นไปตามแนวทางที่ลิทัวเนีย ลัตเวีย และเอสโตเนียนำมาใช้ ในทางกลับกัน เยอรมนีไม่เห็นด้วยกับการห้ามออกวีซ่าให้กับชาวรัสเซียตลอดทั่วสหภาพยุโรป [Euronews]

(vs/pk, transl. by vv)

 

สโลวีเนีย: นักการเมืองฝ่ายขวาเผชิญหน้ากับนักการเมืองอิสระในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบตัดเชือก

ผู้สมัครฝ่ายขวาซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกพรรคชาตินิยมที่ปกครองสโลวีเนียก่อนหน้านี้ จะแข่งขันกับผู้สมัครอิสระในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบตัดเชือก (run-off) ของประเทศในวันที่ 13 พฤศจิกายน

รัฐบาลผสมที่กำลังปกครองประเทศซึ่งประกอบด้วยพรรค Freedom Movement (GS) ที่เป็นเสรีนิยม, พรรคฝ่ายกลาง-ซ้าย Social Democrats (SD) และพรรคฝ่ายซ้าย Left ไม่ประสบความสำเร็จในการลงคะแนนเสียงรอบแรกเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม โดยผู้สมัครของพวกเขาถูกคัดออก

ผู้สมัครร่วมจากพรรค GS และพรรค SD ทำคะแนนได้เพียงอันดับสามเท่านั้น โดยได้คะแนนเสียงร้อยละ 15.4 การลงคะแนนเลือกตั้งมีขึ้นหลังจากการสิ้นสุดวาระที่สองของการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี Borut Pahor [Euronews] [Politico] [Reuters]

ในการแข่งขันนี้ ผู้เข้าแข่งขันอิสระ Natasa Pirc Musar จะต้องเผชิญหน้ากับผู้สมัครจากฝ่ายขวา Anze Logar ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพรรค Slovenian Democratic (SDS) ที่เป็นนักชาตินิยม, ได้รับความนิยม และต่อต้านการอพยพเข้าเมือง ซึ่งถูกขับออกไปในการเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อเดือนเมษายน [AP] [Vecer]

Musar และ Logar ได้รับคะแนนโหวตในรอบแรกร้อยละ 26.9 และร้อยละ 33.9 ตามลำดับ [คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งรัฐสโลวีเนีย] ผู้ลงคะแนนเสียงมีจำนวนน้อยเพียงร้อยละ 51 เท่านั้น [Dnevnik]

ในเดือนเมษายน พันธมิตรที่นำโดยพรรคเสรีนิยม Freedom Movement กลายเป็นที่นิยมอย่างมากและรวดเร็วในประเทศ โดยมีชัยเหนือพรรค SDS ของนายกรัฐมนตรี Janez Jansa ที่ดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลานาน ด้วยคำมั่นสัญญาที่จะนำสโลวีเนียกลับคืนสู่สถานะเดิมกับบรัสเซลส์ (realigning Slovenia with Brussels) และเคารพหลักนิติธรรมในช่วงเวลาที่ลัทธิอิงสามัญชนหรือประชานิยมได้ฝังรากลึกยิ่งในประเทศต่างๆ เช่น ฮังการี เซอร์เบีย และโปแลนด์

นับตั้งแต่ก้าวขึ้นสู่อำนาจ รัฐบาลผสมก็ได้พลิกกลับการตัดสินใจบางอย่างของรัฐบาลชุดก่อน เช่น การร่างนโยบายใหม่ว่าด้วยการย้ายถิ่นฐานที่เน้นเรื่องสิทธิมนุษยชน                                                         

การได้รับชัยชนะในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสำหรับ Logar ซึ่งเป็นฝ่ายขวานั้นจะชี้ให้เห็นถึงการสนับสนุนที่ลดน้อยลงที่มีต่อรัฐบาลผสมที่กำลังปกครองประเทศ ซึ่งกำลังรับมือกับค่าครองชีพที่สูงและผลกระทบของสงครามในยูเครน [Delo]

Logar เป็นสมาชิกคนหนึ่งในพรรค Slovenian Democratic ของ Jansa และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศภายใต้รัฐบาลชุดที่แล้ว แม้จะไม่ได้ลงแข่งขันในฐานะผู้สมัครโดยตรงจากพรรค SDS แต่ Logar ก็ได้รับการสนับสนุนจากพรรคนี้ อย่างไรก็ตาม เขาได้พยายามทำตัวให้มีส่วนร่วมน้อยลงหรือไม่เกี่ยวข้องในด้านที่ขัดแย้งกันมากขึ้นในนโยบายต่างๆ ของฝ่ายขวา หาก Logar ได้เป็นประธานาธิบดีฝ่ายอนุรักษ์นิยมคนแรกของสโลวีเนีย ชัยชนะของเขาก็จะเป็นการส่งเสริมพรรคของ Jansa [Euractiv]

ผู้สมัครอิสระ Musar ซึ่งเป็นคู่แข่งขันของ Logar เป็นทนายความที่ได้มีส่วนร่วมในอรรถคดีที่ดึงดูดความสนใจของสาธารณชนอย่างมาก ซึ่งรวมถึงเป็นตัวแทนของ Melania Trump ภรรยาของอดีตประธานาธิบดีอเมริกัน Donald Trump และบรรดาสมาชิกของพรรค Social Democrats รวมทั้งมีส่วนร่วมในคดีต่างๆ ด้านสิทธิมนุษยชนและเป็นผู้สนับสนุนพวก LGBT ด้วย Musar ได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนของอดีตประธานาธิบดีจากพรรคฝ่ายซ้ายสองคน หากเธอชนะ เธอก็จะกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสโลวีเนีย [Euractiv] [AP] [Dnevnik]

(cg/pk, transl. by vv)

 

กฎหมายรัฐธรรมนูญและการเมืองในยุโรปเหนือ

 
 

เดนมาร์ก: การเลือกตั้งล่วงหน้าภายหลังเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับตัวเพียงพอน 

Mette Frederiksen นายกรัฐมนตรีฝ่ายกลาง-ซ้ายของเดนมาร์ก เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งรัฐสภาในวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ หลังจากที่รัฐบาลของเธอประสบกับการสูญเสียการสนับสนุนภายหลังจากเรื่องอื้อฉาวของเธอที่เกี่ยวกับการจัดการคัดตัวเพียงพอนทิ้ง (mink cull) ในปี 2020

การเลือกตั้งครั้งนี้ที่คาดว่าพรรคใหม่พรรคหนึ่งซึ่งเป็นฝ่ายขวาจัดจะปฏิบัติการอย่างแข็งขันนั้น มีขึ้นในท่ามกลางค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นและความกังวลด้านความปลอดภัยภายหลังจากเหตุระเบิดที่สร้างความเสียหายให้กับท่อส่งก๊าซนอร์ด สตรีมในทะเลบอลติก โดยเกิดการระเบิดถึงสองครั้งในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของเดนมาร์ก

ในช่วงเวลาที่เกิดความตึงเครียดระหว่างประเทศนั้น Frederiksen กล่าวว่าเธอต้องการสร้างพันธมิตรทางการเมืองขึ้นในวงกว้างซึ่งครอบคลุมพรรคการเมืองทั้งสองฝ่ายของศูนย์กลางการเมือง (political centre)

พรรคกลาง-ซ้าย Social Liberal ซึ่งได้เสนอการสนับสนุนของรัฐสภาต่อรัฐบาลเสียงข้างน้อยของ Frederiksen ได้ขู่เธอว่าจะลงมติไม่ไว้วางใจ เว้นแต่เธอจะจัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า [Euractiv] [Politico]

ช่วงเวลาที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาอย่างหนัก Frederiksen สั่งให้คัดแยกตัวเพียงพอนจำนวนมากของเดนมาร์กออกไป เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งนำไปสู่การกำจัดสัตว์ชนิดต่าง ๆ กว่า 15 – 17 ล้านตัว [Politico] การตัดสินใจครั้งนั้นเป็นสาเหตุให้เกิดความปั่นป่วนทางการเมือง รายงานที่ตีพิมพ์จากการไต่สวนเมื่อเดือนมิถุนายน พบว่านายกรัฐมนตรีได้กระทำไปโดยปราศจากมูลเหตุทางกฎหมาย และเรียกการกระทำของ Frederiksen ว่าเป็นการกระทำที่ “สมควรได้รับการประณามอย่างยิ่ง” ขณะที่เสียงสนับสนุนต่อพรรค Social Democrats ของ Frederiksen ก็ลดน้อยลง เนื่องจากรัฐบาลเผชิญกับวิกฤติอื่น ๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ข้อถกเถียงอันยาวนานเกี่ยวกับแผนการย้ายศูนย์รับรองผู้ขอลี้ภัยไปยังประเทศรวันดา ได้ถูกวิจารณ์อย่างหนักเพราะความกังวลด้านสิทธิมนุษยชนจากพรรคที่สนับสนุน Frederiksen แม้จะมีประเด็นนี้ แต่ Frederiksen ก็หวังว่าพรรค Social Democrats ของเธอ จะยังรักษาบทบาทนำในรัฐบาลใหม่ไว้ได้ โดยเธอให้สัมภาษณ์ก่อนการเลือกตั้งว่า “เธอต้องการรัฐบาลที่กว้างขวาง กล่าวคือมีหลายพรรคจากสองฟากฝั่งของอุดมการณ์ทางการเมือง” โดยหมายถึงการรวมพรรคต่าง ๆ จากฝ่ายค้านขวา-กลางเข้ามาด้วย เพราะนายกรัฐมนตรี Frederiksen ได้ขอการสนับสนุนจากพรรคเหล่านี้ในการผ่านกฎหมายช่วงการแพร่ระบาดฯ และหลังการเกิดขึ้นของสงครามในยูเครน [Euronews] [Reuters]

Rune Stubager ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Aarhus ของเดนมาร์ก ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Euronews ว่าเขากังขากับปณิธานการรวมพรรคร่วมรัฐบาลของ Frederiksen โดยเสริมว่า “นอกจากพรรค Social Liberals และ Moderates แล้ว ก็ไม่มีพรรคอื่นอีกที่ต้องการมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสม” และ “แน่นอนว่าพรรคที่ใหญ่ที่สุด 2 พรรค คือ Liberals และ Conservatives ที่จำเป็นต้องรวมเข้ามาในการจัดตั้งรัฐบาลผสมที่กว้างขวางนั้น … มีแนวโน้มสูงมากที่จะตอบว่า ‘ไม่’ ต้องการเข้าร่วม” อย่างไรก็ดี พรรคร่วมฝ่ายค้านกลับทำได้ดียิ่งขึ้นในการเลือกตั้งต่าง ๆ ซึ่งจากผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุด พรรคร่วมฝ่ายค้านได้รับคะแนนที่ร้อยละ 49 – 50 โดยฝ่ายที่ถูกเรียกว่า “ฝ่ายสีน้ำเงิน” นี้ ประกอบด้วยพรรค Liberals และ Conservatives รวมถึงพรรคขวาจัดอีก 3 พรรค ที่มีพรรคต่อต้านผู้อพยพ Denmark Democrats ซึ่งเพิ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน รวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ พรรค Denmark Democrats พรรคขวาจัด ที่นำโดยอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการตรวจคนเข้าเมือง Inger Stojberg นั้น อยู่ในเส้นทางที่ไม่เป็นรองในการเลือกตั้ง [Europe Monthly September 2022]

(cg/pk, transl. by vv, aa)

 

สวีเดน : รัฐบาลผสมที่จัดตั้งขึ้นใหม่ต้องพึ่งพิงฝ่ายขวาจัด

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม รัฐบาลผสมฝ่ายขวา-กลาง ซึ่งประกอบด้วย 3 พรรคของสวีเดน ขึ้นสู่อำนาจอย่างเป็นทางการหลังการเลือกตั้ง โดยเป็นการจัดตั้งรัฐบาลเสียงส่วนน้อยขึ้นใหม่ และต้องพึ่งพิงกับพรรคขวาจัดที่กลายเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุดเป็นลำดับสองของสวีเดน การเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของรัฐบาลใหม่ทำให้สวีเดนกลายเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคยุโรปเหนือที่ไม่มีรัฐบาลฝ่ายซ้าย-กลาง [EuroNews] [BBC] ทั้งนี้ หลังจากที่เกิดการเจรจาต่อรองกันหลายครั้ง Ulf Kristersson ผู้นำพรรค Moderate Party พรรคขวา-กลางของสวีเดน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยรัฐบาลของเขาจะประกอบด้วยพรรคขวา-กลางดั้งเดิม อย่าง Christian Democrats และ Liberals ทั้งสามพรรคไม่มีเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภา และหากต้องการผ่านกฎหมายใดก็ตามจำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคขวาจัด Sweden Democrats ซึ่งได้รับคะแนนเสียงสูงสุดมาเป็นลำดับที่สองในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 11 กันยายน [Europe Monthly October 2022] สำหรับพรรคต่อต้านผู้อพยพ Sweden Democrats เข้าสู่รัฐสภาครั้งแรกในฐานะพรรคที่สังคมไม่ยอมรับด้วยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 20 ที่นั่ง ในปี ค.ศ. 2010 และยอมรับด้วยตนเองว่ามีจุดกำเนิดมาจากลัทธินิยมความสูงสุดของคนผิวขาว (white supremacist) แต่พรรคฯ กลับประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดย ส.ส. ของพรรค Sweden Democrats ได้รับเลือกให้เข้ารัฐสภา จำนวน 73 ที่นั่ง คิดเป็นร้อยละ 20.6 ของคะแนนเสียงทั้งหมด ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น [Le Monde] [Riksdagen] [Europe Monthly October 2022]

อย่างไรก็ดี พรรค Sweden Democrats เอง ก็ไม่ได้ปฏิเสธจุดกำเนิดของพรรคฯ ที่เป็นที่ถกเถียง ทั้งยังตีพิมพ์ผลการศึกษาเจาะลึกถึงต้นกำเนิดของพรรคฯ เมื่อไม่นานมานี้ โดยผลการศึกษาเปิดเผยว่าสมาชิกผู้ก่อตั้งพรรคฯ หลายคนในช่วงทศวรรษที่ 1980 มีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับขบวนการเคลื่อนไหวนีโอนาซี (neo-Nazi) และฟาสซิสต์ (fascist) [AP] [Europe Monthly October 2022] ทั้งนี้ พรรค Sweden Democrats ไม่ได้รับมอบตำแหน่งรัฐมนตรีใด ๆ แต่ Jimmie Akesson ซึ่งนำพรรคฯ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่าพรรคฯ ต่อรองและรักษาสิ่งที่พรรคฯ ควรได้รับเสมอ ในกรณีที่รัฐบาลใหม่ต้องการเสียงสนับสนุนจากพรรค Sweden Democrats [EuroNews] ด้านสำนักข่าว EuroNews นำเสนอว่าพรรค Sweden Democrats สนใจที่จะเพิ่มบทลงโทษที่รุนแรงขึ้นต่อผู้กระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และลดจำนวนผู้ลี้ภัยที่สวีเดนรับต่อปีลง การกันพรรค Sweden Democrats ออกจากการเข้าร่วมรัฐบาล เป็นคำสั่งของพรรค Liberals ที่ปฏิเสธการเป็นหุ้นส่วนอย่างเป็นทางการกับพรรคขวาจัด [EuroNews] แต่หลายฝ่ายก็กล่าวว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจจะยังไม่เพียงพอ โดย Per Bolund ผู้นำพรรค Green Party ของสวีเดน บรรยายลักษณะรัฐบาลนี้ว่าเป็นรัฐบาล “อำนาจนิยม อนุรักษ์นิยม และชาตินิยม” [BBC]

(ef/pk, transl. by aa)

 

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ/ภูมิรัฐศาสตร์/ธรรมาภิบาลของสหภาพยุโรป 

 
 

โปแลนด์ร่วมมือกับสหรัฐฯ สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรก

โปแลนด์เลือกร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรก ซึ่งเป็นการดำเนินการที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความเป็นอิสระทางด้านพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน [Reuters] [Independent] การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่รัฐบาลโปแลนด์พยายามหาแหล่งพลังงานใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งพิงพลังงานจากรัสเซีย อันเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลรัสเซียก่อสงครามในยูเครน [DW News] นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ Mateusz Morawiecki กล่าวว่าโครงการนี้อาจใช้ “เทคโนโลยีที่น่าเชื่อถือและปลอดภัย” [DW News] บริษัทที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์สัญชาติอเมริกัน Westinghouse ได้รับเลือกให้สร้างโรงงานฯ หลังจากที่ชนะประมูลเหนือบริษัทสัญชาติเกาหลีและฝรั่งเศส [Reuters] [Independent] [DW News]

การร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ของโปแลนด์ เน้นย้ำให้เห็นถึงการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลโปแลนด์และสหรัฐฯ ในประเด็นความมั่นคงท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างรัสเซียและฝ่ายตะวันตก [Independent] [Reuters] ด้านรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ Kamala Harris กล่าวว่าการเข้ามาเกี่ยวพันในโครงการนี้ของสหรัฐฯ “เป็นประโยชน์แก่เราทุกคน” เธอเสริมต่อไปว่า “พวกเราสามารถรับมือกับวิกฤติที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เสริมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานของยุโรป และกระชับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และโปแลนด์” [Reuters] ด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ กล่าวว่าความเป็นหุ้นส่วนนี้แสดงให้ประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin เห็นถึง “ความแข็งแกร่ง” ของ “พันธมิตรสหรัฐ-โปแลนด์” [Reuters] อย่างไรก็ดี รัฐบาลโปแลนด์มีแผนที่จะจัดหาพลังงานให้ประเทศเป็นจำนวนร้อยละ 25 ถึง 36 ด้วยเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 6 เครื่อง ภายในปี ค.ศ. 2040 และก้าวสู่การใช้พลังงานสีเขียวยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าที่จะเปิดดำเนินการเป็นครั้งแรกภายในปี ค.ศ. 2033 [DW News] [Reuters] [Independent] ทั้งนี้ โปแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ก่อมลพิษรายใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป โดยโรงงานไฟฟ้าส่วนใหญ่ของโปแลนด์ยังใช้ถ่านหิน [Independent] [DW News]

(ek/pk, transl. by aa)

 

รัฐบอลติกร่วมกันสนับสนุนข้อเสนอที่เสนอโดยเยอรมนี เพื่อเริ่มดำเนินโครงการป้องกันภัยทางอากาศของยุโรป

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย ลงมติเห็นชอบกับข้อเสนอที่เสนอโดยนายกรัฐมนตรีเยอรมัน Olaf Scholz เพื่อสร้างระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบบูรณาการซึ่งอาจดำเนินการทั่วยุโรปภายใต้คำสั่งขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต (NATO) [ERR] [LRT] [Spiegel] ทั้งนี้ Scholz เรียกร้องให้ข้อเสนอนี้เกิดขึ้น เพราะสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไปในยุโรปหลังจากที่รัสเซียเข้ารุกรานยูเครน เขาเผยว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของยุโรปร่วมกันอาจมีประสิทธิภาพมากกว่า และใช้เงินน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการดำเนินการด้านความมั่นคงด้วยตนเองของแต่ละประเทศ ด้านกระทรวงกลาโหมลิทัวเนียเผยว่าข้อเสนอนี้อาจดำเนินการแบบมีสิทธิ์ร่วมกัน รวมทั้งช่วยพัฒนาศักยภาพของระบบป้องกันภัยทางอากาศภาคพื้นดิน และปรับปรุงความเชื่อมโยงกันของอุปกรณ์ต่าง ๆ และข้อมูลในระบบ [Spiegel] [LRT] สำหรับรองเลขาธิการนาโต Mircea Geoana ได้ออกมายินดีที่ข้อเสนอนี้เกิดขึ้น โดยเสริมว่าข้อเสนอนี้สามารถทำให้ศักยภาพในการป้องกันของนาโตดีขึ้นด้วย [ERR]

(mo/gc, transl. by aa)

 

ประธานาธิบดีเบลารุส Lukashenko ยอมรับว่าเข้าร่วมสงครามกับรัสเซียในยูเครน

ประธานาธิบดีเบลารุส Aleksandr Lukashenko เปิดเผยในงานแถลงข่าว เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ว่าเบลารุสมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันใน “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษของรัสเซีย” ในยูเครน [Belta] เขากล่าวว่า “การมีส่วนร่วมของประเทศเบลารุสก็เพียงเพื่อป้องกันความขัดแย้งแพร่กระจายเข้ามายังดินแดนของเบลารุสเท่านั้น” Lukashenko ยังเสริมต่อว่าทางการเบลารุสจะป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นจากโปแลนด์และรัฐบอลติกเพื่อปกป้องการเคลื่อนกำลังพลของรัสเซียด้วยเช่นกั น [Belta] นอกจากนี้ เบลารุสจะให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ในทุกที่ที่จำเป็น และจัดหาปัจจัยการยังชีพให้ผู้ลี้ภัยที่หนีออกมาจากยูเครนด้วย [Belta]

(mo/gc, transl. by aa)

 

เบลารุส : เจ้าหน้าที่เบลารุสอ้างว่าโปแลนด์และลิทัวเนียกำลังฝึกหน่วยรบทหารในยูเครนเพื่อโค่นล้มรัฐบาลเบลารุส

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (State Security Council) ของเบลารุส Ivan Tertel เผยว่าการฝึกหน่วยรบทหารในยูเครน โปแลนด์ และลิทัวเนีย อาจถูกนำมาใช้โค่นล้มรัฐบาลเบลารุส [Belta] โดย Tertel กล่าวว่าผู้แทนจากฝ่ายค้านของเบลารุสหลายคนที่พลัดถิ่น เป็นสมาชิกของหน่วยรบทหารเหล่านี้ เขาเสริมต่อไปว่ามีหน่วยรบทหารหลายหน่วยที่ถูกเตรียมไว้เพื่อปฏิบัติการก่อการร้ายในเบลารุส อย่างไรก็ดี การกล่าวหาทั้งหลายของเขาไม่มีหลักฐาน นอกจากนี้ Tertel ยังได้เสริมว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติกำลังประสานงานด้านนโยบายอย่างใกล้ชิดกับประธานาธิบดีเบลารุส Aleksandr Lukashenko เพื่อป้องกันการก่อการร้ายที่อาจเกิดขึ้น [Belta][Belta]

(mo/gc, transl. by aa)

 

เบลารุสและรัสเซียจัดตั้งกลุ่มกองกำลังร่วมระดับภูมิภาค

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม เบลารุสและรัสเซียเห็นชอบที่จะจัดตั้งกลุ่มกองกำลังร่วมระดับภูมิภาคเพื่อปกป้องพรมแดนเบลารุสและรัสเซีย และบูรณภาพแห่งดินแดน [Belta] [Deutsche Welle] ประธานาธิบดีเบลารุส Aleksandr Lukashenko กล่าวว่าเขาเห็นด้วยกับประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin ที่จะจัดตั้งกองกำลังร่วมเนื่องจากสถานการณ์ด้านความมั่นคงบริเวณพรมแดนฝั่งตะวันตกของเบลารุสและรัสเซียที่มีภัยคุกคามอยู่ในระดับที่ส ูงขึ้น [Belta] [Al Jazeera] Lukashenko เสริมว่าเขาคาดว่าทหารจากกองทัพรัสเซียจำนวนมากกว่า 1,000 นาย จะช่วยสนับสนุนกองกำลังร่วมระดับภูมิภาคได้ [Belta]

(mo/gc, transl. by aa)

 

ประธานาธิบดีโครเอเชียคัดค้านแผนการฝึกกองกำลังให้ยูเครน

ประธานาธิบดีโครเอเชีย Zoran Milanovic กล่าวว่าเขาคัดค้านแผนการฝึกทหารยูเครนใดก็ตามที่อาจเกิดขึ้นในประเทศโครเอเชีย [Telegram] ทั้งนี้ Milanovic ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวที่กรุงซาเกร็บ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมว่า “ผมไม่สนับสนุนแนวคิดนี้ เพราะผมไม่ต้องการให้โครเอเชียเข้าไปพัวพันกับสงครามนี้เกินความจำเป็น และในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ผมจะไม่อนุมัติแผนการนี้” [Aljazeera] เขายังกังขาเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียของสหภาพยุโรปด้วย โดยเขาให้สัมภาษณ์ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่า มาตรการคว่ำบาตรเหล่านี้ “ไม่ได้ผลจริง ๆ หรอก” [Euractiv]

(vs/pk, transl. by aa)

 

นายกรัฐมนตรีฮังการีกล่าวว่า Donald Trump เป็น ‘ความหวังแห่งสันติภาพ’ ในสงครามยูเครน

นายกรัฐมนตรีฮังการี Viktor Orban ให้สัมภาษณ์ว่าสหรัฐอเมริกาต้องบรรลุข้อตกลงกับรัสเซียในกรณีที่สงครามในยูเครนใกล้ยุติ และ Donald Trump ควรเป็นผู้แทนจากสหรัฐฯ ในการเจรจาสันติภาพ โดย Orban ผู้นำฝ่ายขวา กล่าวที่งานหนึ่งในกรุงเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ว่า “Donald Trump เป็นความหวังแห่งสันติภาพ” [Politico] ทั้งนี้ Orban ที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศฮังการีที่เป็นทั้งสมาชิกนาโตและสหภาพยุโรป ได้วิจารณ์บทบาทของสหรัฐฯ ในสงครามยูเครน เขาอ้างว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้สงครามยืดเยื้อ เพราะจัดหา “ทรัพยากรอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” ให้กับรัฐบาลยูเครน เขายังกล่าวโทษประธานาธิบดีสหรัฐฯ Joe Biden ว่าทำ “เกินไป” ที่เรียกประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin ว่าเป็น “อาชญากรสงคราม” [Politico] [Washington Post]

ตั้งแต่สงครามในยูเครนเริ่มต้นขึ้น Orban ถูกวิจารณ์มาโดยตลอดว่าเป็นมิตรเกินไปกับรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งเห็นอย่างเด่นชัดเมื่อ Orban คัดค้านมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียของสหภาพยุโรป และลงนามข้อตกลงกับบริษัทพลังงานสัญชาติรัสเซียที่รัฐเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีฮังการี Katalin Novak เพิ่งออกมาประณามการทิ้งระเบิดลงบนเมืองต่าง ๆ ในยูเครนของรัสเซีย [Washington Post]

(msa/pk, transl. by aa)

 

ลิทัวเนียและเยอรมนีเห็นชอบร่วมกันในเงื่อนไขการระดมกองกำลังบริเวณบอลติก

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของลิทัวเนีย Gabrielius Landsbergis เผยว่าลิทัวเนียและเยอรมนีเห็นชอบร่วมกันกับเงื่อนไขการจัดตั้งกองพลน้อย (brigade) ในลิทัวเนีย [LRT] [Euronews] Landsbergis เสริมว่าลิทัวเนียจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อรับรองกองพลน้อยจากเยอรมนี อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเยอรมนี Christine Lambrecht เผยว่าเยอรมนีจะระดมกองพลน้อยที่ได้รับมอบหมายในเยอรมนีก่อน แต่สามารถส่งกองกำลังนี้ไปยังลิทัวเนียได้ภายในกรอบระยะเวลา 10 วัน หากได้รับการร้องขอ [LRT] [Euronews] ทั้งนี้ ตามแถลงการณ์ที่ลงนามโดยนายกรัฐมนตรีเยอรมัน Olaf Scholz และประธานาธิบดีลิทัวเนีย Gitanas Nauseda ในเดือนมิถุนายน กองพลน้อยนี้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันลิทัวเนียจากการรุกรานของรัสเซีย [LRT] แม้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมลิทัวเนีย Arvydas Anusauskas จะเห็นว่ากรอบระยะเวลาดังกล่าวเพียงพอแล้ว แต่ Landsbergis คาดหวังให้กองพลน้อยนี้จัดตั้งถาวรอยู่ในลิทัวเนีย [LRT] [Euronews] [The Baltic Times]

(mo/gc, transl. by aa)

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมลิทัวเนียเผยว่ากองกำลังสหรัฐฯ จะอยู่ในลิทัวเนียไปจนถึงปี ค.ศ. 2026

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมลิทัวเนีย Arvydas Anusauskas เผยว่ากองพันอาวุธหนักแห่งสหรัฐอเมริกา (US Heavy Battalion) จะอยู่ในลิทัวเนียไปจนถึงปี ค.ศ. 2026 [LRT] [Twitter] ทั้งนี้ Anusauskas ได้พบกับ Lloyd Austin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่การประชุมองค์กร Bucharest Nine เพื่อหารือกันในประเด็นความมั่นคงที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งกองกำลังของสหรัฐฯ ในลิทัวเนียด้วย โดยเขากล่าวว่าสหรัฐฯ รู้สึกซาบซึ้งกับเงื่อนไขที่กำหนดขึ้นมาเพื่อปฏิบัติการของกองพันฯ ที่กำลังดำเนินอยู่ในลิทัวเนีย [LRT] [France24] Anusauskas เสริมว่าการเข้ามาของกองกำลังสหรัฐฯ ถาวรนั้น ไม่เพียงแต่เน้นย้ำถึงความรับผิดชอบด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ต่อรัฐบอลติก แต่ยัง “ส่งข้อความอันหนักแน่นไปยังรัสเซีย” ด้วย [LRT]

(mo/gc, transl. by aa)

 

มอลโดวา : รัฐบาลพยายามหยุดพลเมืองมอลโดวาไม่ให้เข้าไปสู้รบในยูเครน

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการบูรณาการสหภาพยุโรป (European Integration) Nicu Popescu กล่าวว่าทางการมอลโดวาจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อป้องกันไม่ให้พลเมืองมอลโดวาเข้าไปสู้รบในยูเครน [Moldpres] แม้ว่ากระทรวงของ Popescu จะไม่ได้เก็บข้อมูลการรับสมัครชาวมอลโดวาที่เข้าไปสู้รบในยูเครน แต่ Popescu ก็แจ้งว่าการทำเช่นนั้น ถือเป็นสิ่ง “ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน” เขายังเสริมว่าประชาชนที่ถือสองสัญชาติ คือมอลโดวาและรัสเซีย และปัจจุบันอาศัยอยู่ในรัสเซียอาจถูกคัดเลือกให้เข้าไปสู้รบในสงครามดังกล่าว [Moldpres] ซึ่งขณะนี้ สถานเอกอัครราชทูตมอลโดวาในรัสเซียกำลังจัดการกับใบสมัครที่พยายามขอเดินทางออกจากรัสเซียของพลเมืองมอลโดวาที่มีจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม [Moldpres]

(mo/gc, transl. by aa)

 

โปแลนด์และรัฐบอลติกสนับสนุนการสมัครเข้าร่วมนาโตของยูเครน ด้านเยอรมนีและสโลวีเนียยังลังเล

โปแลนด์และรัฐบอลติกให้การสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไขและอย่างรวดเร็วกับการสมัครเข้าร่วมนาโตของยูเครน แต่เยอรมนีและสโลวีเนียได้แสดงความเคลือบแคลง เพราะกังวลว่าหากยูเครนเข้าร่วมนาโตสำเร็จ จะเสี่ยงเกิดสงครามโดยตรงระหว่างรัสเซียและฝ่ายตะวันตก ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 กันยายน รัฐบาลยูเครนได้ออกมาเผยว่ายูเครนได้ส่งคำร้องขอเข้าเป็นสมาชิกนาโต ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรทางทหารของฝ่ายตะวันตก และเรียกร้องให้นาโต “รับเข้าเป็นสมาชิกแบบเร่งรัด” (accelerated accession) ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนี Annalena Baerbock แสดงความกังวล โดยกล่าวว่า “เรายังคงสนับสนุนสิทธิของยูเครนที่จะป้องกันตนเอง โดยจัดหาอาวุธหนักให้ รวมทั้งเราก็ทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อรับประกันว่าประเทศอื่นและนาโต จะไม่ถูกดึงเข้าไปในสงครามนี้” [DW] นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสโลวีเนีย Tanja Fajon ก็ลังเลเช่นเดียวกัน โดยกล่าวว่า “หากนาโตตัดสินใจรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก มันอาจเป็นการประกาศสงครามอย่างชัดเจน” เธอยังเสริมต่อไปว่าสโลวีเนียมุ่งมั่นที่จะเห็นการเจรจา [Euractiv] อย่างไรก็ดี รัฐบาลผสมที่มีแนวคิดเสรีนิยมของสโลวีเนียนี้ ได้แสดงออกว่าสนับสนุนรัฐบาลยูเครนมาโดยตลอดท่ามกลางการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

ด้านประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ Nancy Pelosi หยุดสนับสนุนคำขอเข้าเป็นสมาชิกนาโตของยูเครนในทันที แต่เธอก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Politico ว่าเธอสนับสนุน “การรับประกันด้านความมั่นคง” ให้กับยูเครน อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมลิทัวเนีย Arvydas Anusauskas กล่าวว่าประเทศของเขาสนับสนุนความปรารถนาที่จะเข้าร่วมนาโตของยูเครนอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะยังมีการรุกรานอย่างต่อเนื่องของรัสเซีย และการละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน [The Baltic Times] Anusauskas เสริมว่า นาโตต้องทำมากกว่านี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวยูเครน [The Baltic Times] รัฐบาลยูเครนสมัครเข้าเป็นสมาชิกนาโตแบบเร่งรัดหลังจากที่รัสเซียผนวกดินแดนยูเครน 4 แห่ง ได้แก่ Donetsk, Luhansk, Zaporizhzhia และ Kherson ซึ่งตามมาด้วยการลงประชามติที่ไม่ได้รับการยอมรับจากประเทศส่วนใหญ่ [The Guardian]

(cg-mo/pk, transl. by aa)

 

ธนาคารกลางยุโรปขึ้นอัตราดอกเบี้ยรายการสำคัญเป็นครั้งที่สามในปีนี้

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank: ECB) ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย ECB หลัก 3 รายการ โดยเพิ่มขึ้น 75 Basis Points (BPS) เป็นครั้งที่สามในปีนี้ เพื่อช่วยลดแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อในยุโรป โดยแถลงการณ์ของ ECB ระบุว่าสภากรรมการ (Governing Council) ของธนาคารกลางยุโรปตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ และคาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับคืนสู่เป้าหมายเงินเฟ้อระยะกลางที่ร้อยละ 2 ได้ในเวลาที่เหมาะสม “สภากรรมการจะยึดแนวทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต ที่คำนึงถึงความเป็นไปได้ที่อาจวิวัฒนาการไปให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นไปตามหลักการประชุมต่อประชุม (meeting-by-meeting approach) ของธนาคารกลางยุโรป”

จากการแถลงของ ECB นั้น อัตราเงินเฟ้อยังสูงเกินไป และจะอยู่เหนือเป้าหมายที่กล่าวในข้างต้นไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งในเดือนกันยายนที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรสูงถึงร้อยละ 9.9 นอกจากนี้ ECB ยังระบุอีกว่า “ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ราคาพลังงานและราคาอาหารที่พุ่งสูง ปัญหาคอขวดในการผลิต และความต้องการในช่วงการฟื้นตัวหลังการระบาดใหญ่ ได้นำไปสู่แรงกดดันด้านราคาที่กว้างขึ้น และเกิดการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ” ซึ่งนโยบายการเงินของสภากรรมการมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการสนับสนุนอุปสงค์ลง และป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย

(gc, transl. by aa)

 

สหภาพยุโรประงับเงินหลายพันล้านจากกองทุนเพื่อความเชื่อมโยงที่ตั้งไว้ให้โปแลนด์ เนื่องจากข้อพิพาทในประเด็นหลักนิติธรรม

คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ระงับเงินจำนวน 75 พันล้านยูโรจากกองทุนเพื่อความเชื่อมโยง (cohesion funds) ที่ตั้งไว้ให้โปแลนด์ เพราะข้อพิพาทในประเด็นหลักนิติธรรมที่มีมายาวนานระหว่างสหภาพยุโรปและรัฐบาลโปแลนด์ [Euractiv] [Business Insider] [Financial Times] เงินเพื่อการพัฒนาซึ่งสหภาพยุโรปต้องจ่ายให้แก่โปแลนด์เป็นระยะเวลา 7 ปี จากปี ค.ศ. 2021 ถึง 2027 จะถูกระงับไปจนกว่ารัฐบาลโปแลนด์จะเปลี่ยนแปลงระบบกฎหมายของประเทศครั้งใหญ่ให้กลับมาเหมือนเดิม โดยสหภาพยุโรประบุว่าการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่งเกิดขึ้นกับระบบกฎหมายโปแลนด์ ได้กร่อนเซาะความเป็นอิสระทางการเมืองของตุลาการโปแลนด์ และหลักการนิติธรรม [Business Insider] [Euractiv] [Euronews] [Europe Monthly September 2022] ทั้งนี้ โปแลนด์ได้รับเงินจากกองทุนเพื่อความเชื่อมโยงของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นกองทุนที่สนับสนุนประเทศสมาชิกที่ยากจนกว่าประเทศอื่น ๆ มากกว่าประเทศอื่นใดในสหภาพยุโรป [Financial Times] [European Commission]

ประเด็นหลักของความขัดแย้งที่ถกเถียงกันคือการที่โปแลนด์แทนคณะผู้พิพากษาที่ด้วย "คณะผู้พิพากษาแห่งความรับผิดชอบทางวิชาชีพ" ในเดือนกรกฎาคม [Business Insider] [Europe Monthly September 2022] บรัสเซลส์ได้กล่าวว่าคณะผู้พิพากษาใหม่ไม่สามารถรับประกันถึงความเป็นอิสระของตุลาการ [Europe Monthly September 2022]

คณะกรรมาธิการกําลังป้องกันไม่ให้โปแลนด์เข้าถึงเงิน 35.4 พันล้านยูโรจากกองทุนฟื้นฟูหลังการระบาดใหญ่ด้วยเหตุผลเดียวกัน [Financial Times] [Europe Monthly September 2022]

นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ Mateusz Morawiecki มองข้ามการขู่ว่าจะสูญเสียการเข้าถึงเงินดังกล่าว โดยบอกว่าเขาไม่คิดว่าความยืดหยุ่นทางการเงินนั้น อยู่ในความเสี่ยง" [Euronews] “กองทุนแรกได้รับแล้ว บางทีสิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่กองทุนขนาดใหญ่... และเป็นไปได้มากว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะได้รับเงินงวดแรก Morawiecki กล่าว [Euronews]

อย่างไรก็ตาม เงินล่วงหน้าที่โปแลนด์สามารถเข้าถึงได้ได้มีบัญชีน้อยกว่าร้อยละสองของจํานวนเงินทั้งหมด หนังสือพิมพ์โปแลนด์Rzeczpospolita รายงาน

บรัสเซลส์กล่าวว่าวอร์ซอจะต้องปฏิบัติตาม "เงื่อนไขการดำเนินการ" เพื่อให้ได้รับเงิน "คณะกรรมาธิการและโปแลนด์จะยังคงทํางานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาที่เหลืออยู่" โฆษกคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าว [Euractiv] [Financial Times]

(ek/pk, transl. by aa, nl)

 

ผู้นําของออสเตรีย ฮังการี เซอร์เบียพบกันในบูดาเปสต์เพื่อร่วมดําเนินการเพื่อควบคุมการย้ายถิ่น

ประธานาธิบดีเซอร์เบีย Aleksandar Vucic นายกรัฐมนตรีออสเตรีย Karl Nehammer และนายกรัฐมนตรีฮังการี Viktor Orban เข้าร่วมการประชุมสุดยอดไตรภาคีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมโดยมีเป้าหมายเพื่อดําเนินการร่วมกันเพื่อควบคุมสิ่งที่พวกเขาอ้างว่าเป็นการเพิ่มจํานวนผู้อพยพที่เดินทางมาถึงสหภาพยุโรปผ่านเซ อร์เบีย

ในการประชุมที่บูดาเปสต์ผู้นําตกลงที่จะเพิ่มความร่วมมือของตํารวจตามแนวชายแดนและสนับสนุนเซอร์เบียในการเนรเทศผู้อพยพไปยังประเทศบ้าน เกิด [Euronews]

ประเทศต่างๆ ที่อยู่ตามเส้นทางที่เรียกว่าบอลข่านเริ่มเข้มงวดขึ้นในการควบคุมชายแดนในเดือนกันยายน [Euronews] การเพิ่มขึ้นของการข้ามผ่านเส้นทางนี้เป็นผลมาจาก Frontex หน่วยงานชายแดนของสหภาพยุโรป  ที่ผู้อพยพพยายามจะข้ามพรมแดนที่อยู่ในคาบสมุทรบอลข่านตะวันตกซ้ำแล้วซ้ำเล่า [Frontex]

Orban ของฮังการี แนะนําให้ตั้งศูนย์นอกสหภาพยุโรปเพื่อดําเนินการตามคำขอของผู้ขอลี้ภัยซึ่งเป็นแนวทางที่ขัดแย้งต่อกฎหมายของบางประเทศในยุโรป เช่น ประเทศเยอรมนี ชาวต่างชาติมีสิทธิได้รับการตรวจสอบคําขอลี้ภัยทางการเมืองในขณะที่พวกเขาอยู่ในประเทศ สิทธินั้นได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญเยอรมัน [Euronews]

(msa/pk, transl. by nl)

 

ประชาคมการเมืองแห่งยุโรปใหม่จัดการประชุมสุดยอดครั้งแรกในกรุงปราก

ผู้นําทางการเมืองจํานวนมากยืนยันความเป็นเอกภาพท่ามกลางสงครามในยูเครน แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนเคียฟและให้คํามั่นว่าจะเสริมสร้างความร่วมมือในประเด็นพลังงานเมื่อประชาคมการเมืองแห่งยุโรปซึ่งเป็นเวทีให ม่จัดการประชุมครั้งแรกที่กรุงปรากเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม [Euronews] [European Parliament]

“เราได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความเป็นเอกภาพของผู้นํายุโรป 44 คนในการประณามการรุกรานของรัสเซียและแสดงถึงการสนับสนุนยูเครน” ประธานาธิบดีฝรั่งเศส Emmanuel Macron กล่าว หลังจากการประชุมสุดยอดของกลุ่มใหม่ดังกล่าว ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีสําหรับการอภิปรายทางการเมืองและยุทธศาสตร์เกี่ยวกับอนาคตของยุโรป [Euractiv]

นอกจากประมุขแห่งรัฐหรือรัฐบาลของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 27 ประเทศแล้ว การชุมนุมที่กรุงปรากยังเข้าร่วมโดยผู้นําของ 17 ประเทศในยุโรปนอกสหภาพยุโรป [European Council]

ประชาคมการเมืองยุโรปซึ่งเป็นโครงการที่เสนอโดย Macron ในเดือนพฤษภาคมและได้รับการรับรองจากสหภาพยุโรป  มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการเจรจาทางการเมืองและความร่วมมือในประเด็นที่มีความกังวลทั่วทั้งทวีป เช่น ความมั่นคง การขนส่ง พลังงานและสภาพภูมิอากาศ

ในบรรดาประเทศนอกสหภาพยุโรปที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดมีเก้าประเทศที่มีแรงบันดาลใจที่จะเข้าร่วมกลุ่ม: ยูเครน มอลโดวาจอร์เจีย และหกรัฐบอลข่านตะวันตก [CNBC] [The Guardian]

การประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นหนึ่งวันก่อนการประชุมคณะมนตรียุโรปอย่างไม่เป็นทางการที่กรุงปรากเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งผู้นําได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

(vs/pk, transl. by nl)

 

เยอรมนีและอิตาลีจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2023 การคาดการณ์ของ IMF

เศรษฐกิจเยอรมันและอิตาลีจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2023 แม้ว่ายูโรโซนจะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอย the IMF ระบุในเดือนตุลาคมในรายงาน "การต่อต้านวิกฤตค่าครองชีพ" [IMF]

ยูโรโซนจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 0.5 อย่างไรก็ดี อัตราดังกล่าวแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้. “การเติบโตที่อ่อนแอในปี 2023 ทั่วยุโรปสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากสงครามในยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรับลดลงอย่างรวดเร็วสําหรับเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการลดอุปทานก๊าซของรัสเซียมากที่สุด” IMF ระบุ

เยอรมนีซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปต้องพึ่งพาก๊าซรัสเซียจำนวนมาก มอสโกหยุดส่งก๊าซซึ่งเป็นการตอบโต้ที่น่าสงสัยต่อการคว่ำบาตรของตะวันตกเนื่องจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย เช่นเดียวกัน อิตาลีพึ่งพาการนําเข้าก๊าซจากรัสเซียเป็นอย่างมากโดยคิดเป็นร้อยละ 46 ของการจัดหาก๊าซ

“กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกกําลังประสบกับการชะลอตัวในวงกว้างและรุนแรงกว่าที่คาดไว้โดยอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าที่เห็นในรอบหลายทศวรรษ” the IMF ระบุ “วิกฤตค่าครองชีพ, ภาวะการเงินที่ตึงตัวในภูมิภาคส่วนใหญ่, การรุกรานยูเครนของรัสเซีย, และการระบาดของ Covid-19 ที่ยืดเยื้อล้วนมีน้ำหนักเป็นอย่างมากต่อการพยากรณ์ดังกล่าว”

คาดการณ์ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงจากร้อยละ 6.0 ในปี 2564 เป็นร้อยละ 3.2 ในปี 2565 และร้อยละ 2.7 ในปี 2566 [ RAO Global]

(mr/gc, transl. by nl)

 

เยอรมนีและญี่ปุ่นเพื่อยกระดับความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างกองทัพอากาศ

เยอรมนีและญี่ปุ่นตกลงที่จะเพิ่มความร่วมมือด้านกลาโหมในกองทัพอากาศระหว่างกัน ในการประชุมระหว่าง Ingo Gerhartz ผู้บัญชาการกองทัพอากาศเยอรมันและ Shunji Izutsu คู่หูชาวญี่ปุ่นของเขาในโตเกียวเมื่อวันที่ 29 กันยายน

กองทัพอากาศของเยอรมนีและญี่ปุ่นได้จัดเที่ยวบินร่วมเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 กันยายน ซึ่งรวมถึงเครื่องบินยูโรไฟท์เตอร์และเอฟ-2 จํานวน 3 ลําตามลําดับ

ความเต็มใจที่จะเพิ่มความร่วมมือเกิดขึ้นท่ามกลางความอหังการที่เพิ่มขึ้นของจีนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ทั้งสองประเทศได้ทํางานร่วมกันแล้วในระหว่างการฝึกซ้อมพหุภาคีที่นําโดยออสเตรเลียเมื่อต้นเดือนกันยายน [AiR, No.40, October/2022, 1]

(aml/gc, transl. by nl)

 

รัสเซียและเบลารุสแสวงหาความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นเพื่อต่อต้านการคว่ำบาตรของตะวันตก

นายกรัฐมนตรีเบลารุส Roman Golovchenko และนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย Mikhail Mishustin กล่าวเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมว่าเบลารุสและรัสเซียจะแสวงหาความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นเพื่อเป็นการตอบสนองต่อการคว่ําบาตรอย่างมีประสิทธิภาพ [Belta]

Mishustin กล่าวว่ารัสเซียได้ให้ความสําคัญอย่างใกล้ชิดในการเสริมสร้าง "หุ้นส่วนและความสัมพันธ์พันธมิตรกับพี่น้องเบลารุส" ภายใต้กรอบของความมุ่งมั่นของรัฐสหภาพในการต่อต้านความกดดันทางเศรษฐกิจจาก "ประเทศที่ไม่เป็นมิตร".” ทั้งเบลารุสและรัสเซียจะใช้มาตรการประสานงานเพื่อ "ปกป้องความมั่นคงทางเศรษฐกิจและอธิปไตยทางเทคโนโลยี" [Belta]

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ประเทศทั้งสองได้ลงนามในข้อตกลงในการออกกฎระเบียบหลักการของการเก็บภาษีทางอ้อมผ่านภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีสรรพสามิตในขณะที่ประเทศทั้ง สองพยายามที่จะทำให้การจัดเก็บภาษีระหว่างสองประเทศมีความประสานกัน [Belta]

ข้อตกลงระบุประเภทที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มหรือในอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต่ํากว่า ข้อตกลงดังกล่าวสร้างระบบบูรณาการสําหรับการบริหารภาษีทางอ้อมซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับการดําเนินงานของผู้ชําระภาษีมูลค่าเพิ่มเบลารุสแล ะรัสเซีย

ประเทศทั้งสองตกลงที่จะจัดตั้งคณะกรรมการภาษีเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลง [Belta]

(mo/gc, transl. by nl)

 

มีรายงานว่ารัฐสภายุโรปเตรียมที่จะขอระงับการเจรจาภาคยานุวัติของสหภาพยุโรปของเซอร์เบีย

รัฐสภายุโรปอาจขอให้สหภาพยุโรประงับการเจรจาภาคยานุวัติที่กำลังดำเนินการกับเซอร์เบียจนกว่าเบลเกรดจะดำเนินการให้สอดคล้องกับสหภาพยุโ รปในการคว่ำบาตรรัสเซียสําหรับการรุกรานยูเครน

อียูได้ขอให้เซอร์เบียกําหนดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย แต่เบลเกรดได้ต่อต้านจนถึงตอนนี้

ในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ รัสเซียและเซอร์เบียได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อประสานงานนโยบายต่างประเทศของพวกเขา เซอร์เบียปกป้องข้อตกลงดังกล่าว โดยกล่าวว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคง และเซอเบียไม่ได้ยอมรับการลงประชามติการผนวกในภาคตะวันออกของยูเครน [Euractiv]

สมาชิกรัฐสภายุโรปบางคนเรียกการเคลื่อนไหวนี้ว่า "น่าผิดหวัง" กลุ่มสังคมประชาธิปไตยของรัฐสภายุโรปกล่าวว่า “อียูไม่สามารถเจรจาภาคยานุวัติกับเซอร์เบียต่อไปได้หากเบลเกรดไม่ดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปต่อรัสเซีย" เซอร์เบียยังคงเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่ไม่ดำเนินการดังกล่าว [N1]

ร่างมติของรัฐสภายุโรปจะขอให้สหภาพยุโรป "จัดลําดับความสําคัญของการจัดตําแหน่งของประเทศภาคยานุวัติกับนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงร่วมกันของสหภาพยุโรปและดําเนินการเจรจากั บเซอร์เบียต่อไปเฉพาะในกรณีที่ประเทศดำเนินการสอดคล้องกับการคว่ําบาตรของสหภาพยุโรปต่อรัสเซีย" [N1] [Euractiv]

(hi/gc, transl. by nl)

 

เอกอัครราชทูตเซอร์เบียถูกห้ามเข้ามอนเตเนโกร

มอนเตเนโกรได้เพิกถอนใบอนุญาตมีถิ่นที่อยู่ของชาวต่างชาติ 28 คนรวมถึงเอกอัครราชทูตเซอร์เบีย Vladimir Bozovic เพราะถูกกล่าวหาว่า "กระจายอิทธิพลร้ายกาจ” [AP News]

Bozovic ก่อนหน้านี้ได้รับการประกาศให้เป็น non persona grata โดยรัฐบาลมอนเตเนกรินสําหรับการแทรกแซงกิจการภายในในปี 2020 แม้ว่าเขาจะไม่ได้ดํารงตําแหน่งเอกอัครราชทูตเซอร์เบียตั้งแต่นั้นมา แต่เซอร์เบียก็ยังไม่ได้หาเจ้าหน้าที่มาแทน [Deutsche Welle]

Bozovic กล่าวว่านี่เป็น "เรื่องอื้อฉาวที่เกินความจริงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน" และประณามการเคลื่อนไหวโดยบอกว่า เขาเกิดในมอนเตเนโกร การห้ามเขาเข้าประเทศนั้นขัดต่อกฎหมายของยุโรปและรัฐธรรมนูญมอนเตเนกรินเขากล่าวเสริมว่าเขาจะอุทธรณ์คําตัดสิน  

(hi/gc, transl. by nl)

 

Putin เรียกร้องให้ตุรกีเป็นศูนย์กลางก๊าซรายใหญ่

ประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin เรียกร้องให้สร้างศูนย์กลางก๊าซที่สําคัญในตุรกีด้วยการสนับสนุนจากมอสโกที่จะรับประกันการจัดหาไปยังยุโรป [GovRu]

"เราสามารถย้ายปริมาณการขนส่งที่หายไปผ่านท่อส่ง Nord Stream ไปตามก้นทะเลบอลติกไปยังภูมิภาคทะเลดําและทําให้ตุรกีเป็นเส้นทางหลักสําหรับการจัดหาเชื้อเพลิงของเราก๊าซธรรมชาติของเราไปยังยุโรป" Putin กล่าวในสัปดาห์พลังงานรัสเซียในเดือนตุลาคม สิ่งนี้อาจ "สร้างศูนย์กลางก๊าซที่สําคัญสําหรับยุโรปในตุรกีหากพันธมิตรของเราสนใจที่จะเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น" Putin กล่าว [GovRu]

ประธานาธิบดีตุรกี Recep Tayyip Erdogan กล่าวว่าตุรกีกําลังกลายเป็นศูนย์กลางก๊าซที่สําคัญที่ต่างประเทศพึ่งพาเนื่องจากนโยบายที่สมดุลเกี่ยวกับความขัดแย้งของยูเครน Erdogan ตั้งข้อสังเกตว่าทั้งตุรกีและรัสเซียได้สั่งให้หน่วยงานด้านพลังงานของตนเริ่มการศึกษาทางเทคนิคเกี่ยวกับแผนทันที

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานตุรกี Fatih Donmez กล่าวว่ามันเป็นไปได้ในทางเทคนิคที่จะดําเนินการตามแนวความคิดของของ Putin และเสนอให้เริ่มการเจรจาทางเทคนิคและทางเศรษฐกิจของโครงการ

Gazprom CEO Alexei Miller กล่าวว่าโครงการอาจเกี่ยวข้องกับการสร้างท่อส่งใหม่ควบคู่ไปกับท่อส่ง TurkStream ที่มีอยู่

Russian-Turkish Ties

รองนายกรัฐมนตรี Alexander Novak มีการประชุมทวิภาคีกับ Donmez ในช่วงสัปดาห์พลังงานรัสเซีย ทั้งสองประเทศกล่าวว่าพวกเขาพอใจกับการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับตุรกีและศักยภาพในการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง 

"ตรงกันข้ามกับแรงกดดันจากตะวันตกที่มีต่อตุรกีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนความเป็นผู้นําของประเทศของเรากําลังแสดงความมุ่งมั่นและความกล้ าหาญและกําลังดําเนินการเพื่อผลประโยชน์ของชาติของเรา” Novak กล่าว ในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปี 2022 การค้าระหว่างรัสเซียและตุรกีพุ่งสูงขึ้นเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2021 เขากล่าวเสริม [GovRu]

รัฐมนตรีชี้ให้เห็นถึงความร่วมมือที่มากขึ้นในแวดวงก๊าซอุตสาหกรรมนิวเคลียร์และพลังงานทั่วไป ตุรกีกําลังกลายเป็นผู้ซื้อก๊าซรายใหญ่ของรัสเซีย เมื่อแล้วเสร็จโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Akkuyu จะตอบสนองความต้องการพลังงานของประเทศได้ถึงร้อยละสิบ

(gc, transl. by nl)

 

สหราชอาณาจักรสนับสนุนความพยายามของมอลโดวาในการต่อต้านการทุจริต

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักรประจํายุโรป Leo Docherty กล่าวเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมว่าอังกฤษจะช่วยรัฐบาลมอลโดวาต่อสู้กับการทุจริตเพื่อรับรองประชาธิปไตย เสรีภาพของพลเมืองและการพัฒนาในขณะที่ประเทศกำลังพยายามเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป [Moldpres]

Docherty กล่าวว่ามอลโดวากําลังเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย มอลโดวารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงบูรณาการยุโรป Nicu Popescu ชื่นชมการเข้าพบของ Docherty โดยกล่าวว่าพวกเขาหารือเกี่ยวกับความร่วมมือการเปิดเสรีตลาดและการลงทุน [Moldpres]

(mo/gc, transl. by nl)

 

แอลเบเนีย: อิหร่านมีความสามารถ มีเหตุผลที่ดีตามกฎหมายที่จะโจมตีฐาน Mojahedin ในแอลเบเนีย อิหร่านกล่าว

สื่อที่ดําเนินการโดยรัฐจากอิหร่านกล่าวว่าประเทศมี "ยานพาหนะทางอากาศไร้คนขับที่หลบเลี่ยงเรดาร์" ที่สามารถ "กําหนดเป้าหมาย" ฐานของ Mojahedin ซึ่งต่อต้านรัฐบาลของอิหร่านได้อย่างง่ายดาย (MKO) ใน Tirana [Sloboden Pecat]

แอลเบเนียมีผู้คัดค้านชาวอิหร่านประมาณ 3,000 คน ซึ่งหลายคนเป็นสมาชิกของเอ็มเคโอ ทั้งสองประเทศยุติความสัมพันธ์ทางการทูตในเดือนกันยายนหลังจากแอลเบเนียกล่าวหาว่าอิหร่านกระทําการโจมตีทางไซเบอร์หลายครั้งต่อการให้บ ริการของรัฐบาล [Aljazeera]

สิ่งพิมพ์ยังอ้างว่าอิหร่านมีความชอบธรรมตามกฎหมายในการโจมตีฐาน MKO ในต่างประเทศโดยกล่าวว่า "เมื่อกลุ่มก่อการร้ายเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศอย่างโจ่งแจ้ง [...] ประเทศนั้นมีสิทธิกําหนดเป้าหมายเป็นฐานและสมาชิกของกลุ่มนั้น” [Albanian Daily News]

(hi/gc, transl. by nl)

 

เบลารุส สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กระชับความสัมพันธ์ทางการค้า

เบลารุสและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประกาศเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมว่า ประเทศทั้งสองจะกระชับความร่วมมือทวิภาคีและความสัมพันธ์ทางการค้าให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเบลารุส Sergei Aleinik และเอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจําเบลารุส Ibrahim Salim Mohamed Al Musharrakh มุ่งมั่นที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ [Belta]

(mo/gc, transl. by nl)

 

คณะกรรมการสหประชาชาติกล่าวว่าฟินแลนด์ละเมิดสิทธิของเด็กในค่ายซีเรีย 

คณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติได้กล่าวหาฟินแลนด์ว่าละเมิดสิทธิของเด็กที่เกิดกับผู้หญิงฟินแลนด์ที่ถูกกักตัวในค่ายซีเรีย คาดว่าเด็กชาวฟินแลนด์อย่างน้อยสิบสองคนถูกกักตัวในค่ายอัล-โฮลทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียพร้อมกับมารดาของพวกเขาเนื่องจากสงสัยว่า ผู้หญิงได้ช่วยเหลือสิ่งที่เรียกว่ารัฐอิสลาม

คณะกรรมการสหประชาชาติกล่าวว่า ความล้มเหลวของฟินแลนด์ในการส่งตัวเด็กที่ถูกคุมขังในสภาพที่คุกคามชีวิตมานานหลายปีได้ละเมิดสิทธิในชีวิตของพวกเขารวมถึงสิทธิของพวกเ ขาที่จะเป็นอิสระจากการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรมและเสื่อมโทรม [UNRIC] คณะกรรมการสหประชาชาติเริ่มการสอบสวนหลังจากสมาชิกในครอบครัวของเด็กบางคนติดต่อองค์กร [Euractiv]

สมาชิกของคณะกรรมการสหประชาชาติ Ann Skelton กล่าวว่า “เราขอเรียกร้องให้ฟินแลนด์ดําเนินการอย่างเร่งด่วนและเด็ดขาดเพื่อรักษาชีวิตของเด็กเหล่านี้ และนําพวกเขากลับบ้านไปหาครอบครัวของพวกเขา"

ประมาณ 60,000 คนถูกกักตัวที่ Al-Hol ซึ่งร้อยละ 80 เเป็นผู้หญิงและเด็ก การสอบสวนของสหประชาชาติสรุปว่า เด็ก ๆ เสียชีวิตในค่ายจากการขาดสารอาหารและโรคภัยไข้เจ็บ [AlJazeera]

พนักงานกระทรวงการต่างประเทศฟินแลนด์ Jussi Tanner กล่าวว่า “เราไม่มีวิธีการทางกฎหมายหรือวิธีการที่จะบังคับให้รับใครจาก [ค่าย] ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองของเด็กและความปรารถนาที่จะพูดคุยด้วย และนี้เป็นเรื่องเจตจํานงที่เป็นอิสระของรัฐฟินแลนด์อย่างสมบูรณ์” [Helsingin Sanomat] อย่างไรก็ตาม เขากล่าวเพิ่มเติมว่า: “เราจะดำเนินการทันทีหากมีโอกาสรับเด็ก"

(cg/pk, transl. by nl)

 

ลิทัวเนีย: รัฐมนตรีต่างประเทศประกาศเป็น ประเทศที่ “ปลอดจีน”

รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย Gabrielius Landsbergis ประกาศเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมว่าประเทศของเขา "ปลอดจีน" หลังจากความสัมพันธ์แย่ลงเมื่อต้นปีนี้ระหว่างวิลนีอุสและปักกิ่งเกี่ยวกับการเปิดสํานักงานการค้าลิทัวเนียในไต้หวัน [LRT]

ความสัมพันธ์ของลิทัวเนียกับจีนแย่ลงอย่างมากเมื่อรัฐบาลลิทัวเนียเลือกที่จะเพิ่มความร่วมมือกับไต้หวันซึ่งรัฐบาลจีนมองว่าเป็นจังหวั ดที่แยกออกมา [LRT]

(mo/gc, transl. by nl)

 
 

Contributors and editorial team:

Anastasiya Drobava (ad), Ann-Charlotte Neumann (acn), Antonia Lawrenz (al), Christopher James Godwin (cg), Eric Kliszcz (ek), Ethan Flanagan (ef),  Federica Sansò (fs) Giulia Taraborrelli (gt), Gizem Öztürk (gö), Glen Carey (gc), Harry Ioannou (hi), Henning Glaser (hg), Jan Vogelgesang (jv), Jemina Nuredini (jd), Katherine Mansfield (km), Ketevan Esaiashvili (ke), Madeleine Piesold (mp), Maria Rusu (mr), Maria Simon Arboleas (msa) Marlene Busch (mb), Maximilian Ohle (mo), Peter Kononczuk (pk), Quentin Vidberg (qv), Rex Wempen (rw), Venus Phuangkom, Viktoria Styková (vs), Warren O'Broin (wb)

 

Translators:

Tomwit Jarnson (tj), Natthanicha Lephilibert (nl), Aekpaween Anuson (aa), Vachiravan Vanlaeiad (vv), Pattariya Hansawong (ph)

 

เราจะขอบคุณมากสำหรับความคิดเห็นของคุณ! โปรดส่งความคิดเห็นใดๆ ที่คุณมีเกี่ยวกับจดหมายข่าวนี้ไปที่ : info@cpg-online.de 

นอกจากนี้ อย่าลืมกด Like CPG บน Facebook และเยี่ยมชม เว็บไซต์ ของเราสำหรับการอัปเดตข้อมูลข่าวสารอื่นๆ

 
FacebookWebsite
 
German-Southeast Asian Center of Excellence for Public Policy and Good Governance - CPG

Room 207, Faculty of Law, Thammasat University, 2 Prachan Road, Bangkok 10200, Thailand

www.cpg-online.de
www.facebook.com/cpgtu
Preferences  |  Unsubscribe